ในเวลานี้ คงไม่มีข่าวคราวการซื้อขายนักเตะคนไหนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะมาแรงไปกว่าเจ้าหนู มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ แล้ว และปีศาจแดงก็มีศักยภาพเพียบพร้อมที่จะคว้าเจ้าตัวมาร่วมทัพด้วย อย่างไรก็ตาม อุปสรรคเดียวของพวกเขาคือการมีคู่แข่งระดับ บาร์เซโลน่า มาเป็นก้างขวางคอ
แน่นอนว่าจากสถานการณ์ปัจจุบัน พลพรรคอสูรคงไม่มีอะไรที่จะสามารถต่อกรกับยอดทีมจากแคว้นคาตาลันได้เลย การทุ่มเงินจำนวนมหาศาลทั้งค่าตัวและค่าเหนื่อย จึงเป็นทางออกเดียวที่จะช่วยให้เอาชนะในดีลนี้ได้ แต่คำถามที่ตามมาก็คือ การทำแบบนี้จะเป็นผลดีกับสโมสรจริงเหรอ?
ซึ่งหากแฟนผีท่านใดสงสัยเช่นนั้น… 5 เหตุผลต่อไปนี้ ก็น่าจะช่วยให้ทุกท่านเข้าใจได้ว่าทำไมการทุ่มเพื่อ เดอ ลิกต์ จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ
แก้ปัญหาจุดที่สำคัญที่สุดก่อน
การสร้างทีมขึ้นมาใหม่ คือภารกิจที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเริ่มทำตั้งแต่ในช่วงซัมเมอร์นี้ แต่ก็แน่นอนว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะรื้อทั้งหมดภายในตลาดซื้อขายรอบเดียว ดังนั้น พวกเขาจึงจำเป็นต้องค่อยๆจัดการจากจุดที่เป็นปัญหามากที่สุดก่อน ซึ่งนั่นก็คือตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟกับแบ็คขวา และหากปีศาจแดงได้กองหลังระดับ เดอ ลิกต์ เข้ามาเป็นรากฐานที่มั่นคงแล้ว การต่อเติมในจุดอื่นๆก็จะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ ยูไนเต็ด เลย กลับกัน ถ้าพลพรรคอสูรเลือกที่จะทุ่มไปกับการอิมพอร์ตแนวรุกรายใหม่โดยไม่เน้นหลังบ้าน เหล่าสาวกก็ทำใจรอไว้ได้เลยว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะมีสภาพไม่ต่างจากเดิม
ผู้บัญชาการในแนวรับ
จริงอยู่ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด มีปราการหลังตัวกลางให้เลือกใช้เพียบ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสายเข้าปะทะ และไม่มีใครเลยที่มีคุณสมบัติที่จะบัญชาการแผงหลังได้ ซึ่งผลที่ตามมาก็คือความสะเปะสะปะ รวมทั้งจังหวะเสียประตูที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับทีมระดับนี้ เพราะฉะนั้น การดึง เดอ ลิกต์ เข้ามา ก็เหมือนเป็นการจัดระบบแนวรับให้เข้าที่เข้าทาง นั่นหมายถึงการเค้นศักยภาพของคู่ขาที่ลงมาจับคู่กับเขาด้วย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็อย่างที่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ทำกับ ลิเวอร์พูล นั่นแหละ
อายุการใช้งานยังอีกนาน
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ค่าตัวของ เดอ ลิกต์ พุ่งสูงคืออายุของเจ้าตัวที่เพิ่ง 19 ปีเท่านั้น นั่นหมายความว่าถ้าดาวรุ่งดัตช์แมนไม่คิดจะย้ายหนีไปไหน คุณจะมีเขายืนปักหลักเป็นภูผาหินไม่ต่ำกว่า 10 ปีเลยทีเดียว และในฐานะที่เล่นในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องใช้ชั่วโมงบินสูงกว่าตำแหน่งอื่นๆ การที่ เดอ ลิกต์ มีฝีเท้าขนาดนี้ตั้งแต่วัยที่ยังเข้าผับไม่ได้ ก็คิดดูแล้วกันว่าเจ้าตัวจะโหดถึงขั้นไหนหากประสบการณ์เพิ่มขึ้น
เป็นตำแหน่งที่ต้องใช้สตาร์
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ประกาศชัดเจนว่าในยุคของเขา แมนฯ ยูไนเต็ด จะเน้นไปที่การปั้นนักเตะที่มีแววมากกว่าดึงสตาร์สำเร็จรูปมาใช้ โดยหากมองให้ลึกลงไปในแง่ของเกมฟุตบอล สาเหตุที่ต้องทำเช่นนั้นเป็นเพราะผู้เล่นเหล่านี้จะมีความมุ่งมั่นทุ่มเทกว่าบรรดาแข้งชื่อดัง อย่างไรก็ตาม บางจุดความสามารถในเชิงลูกหนังก็สำคัญกว่าแพสชั่น และการใช้สตาร์ก็เป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ ที่ควรมีสักคนเป็นเสาหลักไว้คอยบัญชาการแนวรับอย่างที่กล่าวไปข้างต้น
นอกจากนี้ การที่ เดอ ลิกต์ เพิ่งอายุ 19 ปีเท่านั้น จึงไม่ต้องกังวลว่าเหตุการณ์จะไปซ้ำรอยดีลของ อเล็กซิส ซานเชซ เพราะดาวเตะชาวชิลีคือสตาร์วัย 29 ปี (ในขณะนั้น) ที่เลยจุดพีคมาแล้ว ผิดกับปราการหลังจากแดนกังหันที่กำลังเป็นสตาร์ในช่วงขาขึ้น
พิสูจน์ตัวเองแล้ว
ก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีม อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ด้วยวัยแค่ 19 ปี , ชนะรางวัลโกลเด้นบอยประจำปี 2018 , เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมของลีกดัตช์ฤดูกาล 2018-19 และพาต้นสังกัดหักด่านโคตรทีมของยุโรปไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ทั้งหมดนี้คือโปรไฟล์ของ เดอ ลิกต์ ที่ได้รับการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคือของจริง และ แมนฯ ยูไนเต็ด จะไม่ต้องมานั่งลุ้นแบบเคสก่อนหน้าอย่าง เอริค ไบยี่ หรือ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ แน่นอนว่าจะไหวไหมกับเวทีระดับสูง