ดาวรุ่งตลอดกาล ? : ลินการ์ดกับความหวังเฮือกสุดท้าย

 

เจสซี่ ลินการ์ด นักเตะจากอคาเดมี่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ผู้คนจดจำเขาในฐานะตัวปัญหาบนโซเชี่ยล มีเดีย มากกว่าผลงานของเขา แต่เขาเองก็เคยเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองในรุ่นเดียวกับ พอล ป๊อกบา แต่ด้วยปัญหาต่างๆ ทำให้กราฟชีวิตของเขาตกลงไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับฟอร์มการเล่น ทั้งปัญหาเรื่องนิสัย รวมถึงปัญหาส่วนตัว

 

ปัจจุบันเขาได้เริ่มต้นเดินทางใหม่อีกครั้งกับการโดนปล่อยยืมไปที่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด นี้อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาที่จะได้กลับตัว วันนี้ UFA ARENA จะมานำเสนอเส้นทางชีวิตของแนวรุกเลือดปีศาจแดงรายนี้ และความหวังครั้งสุดท้ายของเขา 

 

ลินการ์ดคือใคร

 

เด็กปั้นจากอคาเดมี่ของ ปีศาจแดง ผู้ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกับ พอล ป๊อกบา และ ราเวล มอร์ริสัน ชุดที่เป็นแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ นั่นทำให้ทั้งสามคนเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดในเวลานั้น ป๊อกบา ได้ถูกปล่อยไปแจ้งเกิดกับ ยูเวนตุส ส่วน มอร์ริสัน เองแม้เส้นทางจะไปได้ไม่สวยนัก แต่ก็ถูกยอมรับในเรื่องฝีเท้าจากหลายฝ่าย

 

ส่วนตัว ลินการ์ดเอง ได้ถูกดันขึ้นสู่ทีชุดใหญ่ในปี 2011 แต่ก็ไม่ได้ลงเล่นเพียงแค่มีชื่อเป็นสำรองเท่านั้น และถูกปล่อยยืมไปเรื่อยๆ กว่าจะได้โอกาสลงสนามให้ทีมชุดใหญ่จริงๆจังๆ ก็ต้องรอถึงฤดูกาล 2014/15 ในยุคของ หลุยซ์ ฟานกัล แต่เกมแรกของเขาที่เป็นพบกับ สวอนซี ซิตี้ เขาได้ลงไปเพียง 20 นาทีเท่านั้น เนื่องจากอาการบาดเจ็บจนต้องพักยาวและถูกปล่อยยืมตัวอีกครั้ง ก่อนที่จะได้กลับมาสู่ทีมในปี 2015

 

แจ้งเกิดกับทีมชุดใหญ่ปีที่พีกที่สุด

 

หลังเป็นได้แค่ดาวรุ่งที่ถูกปล่อยยืมไปเรื่อยๆ และได้รับโอกาสแบบจำกัดจำเขี่ย การแจ้งเกิดของเขาแบบเต็มตัวกับปีศาจแดง ก็เกิดขึ้นจากการซัดประตูชัยให้ทีมในรอบชิง เอฟเอคัพ ปี 2015/16 ที่เขาได้ลงมาเป็นตัวสำรองช่วงต่อเวลาพิเศษ และสามารถยิงประตูใกับทีมได้ในนาทีที่ 110 ทำให้ตัวเขาได้รับการไว้วางใจจากทีมเต็มที่ รวมถึงยังเป็นแชมป์แรกของเขากับทีมชุดใหญ่อีกด้วย

 

 

ด้วยสไตล์การเล่นที่มีความรวดเร็ว ไปกับบอลได้ดี ทักษะแพรวพราว รวมถึงมีสกิลการเล่นที่สวยงามแบบหาตัวจับยาก เขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมแบบเต็มตัวนับแต่นั้น แถมยังมีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

จนมาถึงปี 2017/18 นับเป็นจุดพีกที่่สุดของเขาในถิ่นโอลด์ แทรฟอร์ด จากการลงสนามไปถึง 55 นัด ยิง 13 ประตู 7 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ แถมยังถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 พร้อมพาทีมไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศ นับเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขาในชีวตค้าแข้งเลยทีเดียว

 

สาเหตุฟอร์มห่วย

 

 

จากในหน้าสื่อเราจะได้เห็นว่า ลินการ์ด เป็นนักเตะคนนึงที่ค่อนข้างติดโซเชี่ยลมีเดียอย่างหนัก ไม่ว่าจะทำอะไร เพี้ยนแค่ไหน เขาก็มักจะถ่ายลงโซเชี่ยลเสมอ นั่นทำให้ดูเหมือนว่าเขา ใส่ใจเรื่องความสนุกสนานนอกสนาม มากกว่าเรื่องผลงานในสนามเสียอีก นั่นเป็นเหตุผลที่เขาตกเป็นเป้าวิจารณ์อยู่เสมอ กับฟอร์มการเล่นที่ชอบโชว์ทักษะที่ไม่จำเป็น เล่นยาก จนทำทีมเสียโอกาสบ่อยครั้ง เรียกว่าฟอร์มของเขาเริ่มหยุดพัฒนาไป หนำซ้ำยังเป็นการถอยหลังลงคลองซะด้วย

 

หลังผ่านฤดูกาล 2017/18 ที่เหมือนจุดพีกของเขามาแล้ว เพียงแค่ฤดูกาลเดียว เขาก็แทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากเดิม ความมั่นใจที่มากขึ้นแทนที่จะเป็นผลดีกับเขา มันดันส่งผลตรงกันข้าม เห็นได้ชัดจากผลงานในฤดูกาล 2018/19 เขาได้ลงสนามไปทั้งหมด 36 นัด ยิง 5 ประตู 4 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ เนื่องด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บก็ส่วนนึง รวมถึงความมั่นใจที่ทำให้เขาเริ่มเล่นแบบโชว์ออฟ แต่ก็มีอีกเรื่องที่เขามาเปิดเผยภายหลัง

 

หลายคนมองว่าอีกสาเหตุนึงมันมาจากนิสัยส่วนตัว และทำตัวเองล้วนๆ แต่อีกสาเหตุสำคัญแท้จริงแล้วมันมาจากปัญหาครอบครัวที่แม่ของเขาเกิดล้มป่วยอย่างหนัก ทำให้เขาต้องก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทน ทั้งน้อง 2 คนที่เขาต้องรับมาอยู่ด้วย พร้อมส่งเสียเรื่องการเรียน รวมถึงลูกของเขาที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นาน นั่นทำให้เขาโฟกัสกับฟุตบอลได้ไม่เต็มที่ 

 

 

ตัวอย่างที่ล้มเหลว

 

 

บรรดาดาวรุ่งในโลกฟุตบอลมีไม่น้อยที่ต้องพบเจอกับความล้มเหลวด้วย นิสัย และ ทัศนคติของตัวเอง แน่นอนว่ามันมีตัวอย่างให้เห็นกันมาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัยไม่ว่าจะเป็น มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่เกรียนจนเสียผู้เสียคน อาเดรียโน่ ที่ประสบปัญหาชีวิตครอบครัวจนชีวิตล้มเหลวไม่ใช่แค่ชีวิตในวงการฟุตบอล รวมถึงคนใกล้ตัวอย่าง ราเวล มอร์ริสัน ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ ลินการ์ด

 

เริ่มกันที่ตัวอย่างใกล้ตัวก่อนอย่าง มอร์ริสัน เคยถูยกย่องจากทั้ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่ยกให้เขาเป็นสุดยอดดาวรุ่งของทีม แต่ด้วยนิสัยหัวรุนแรง ก่อความวุ่นวายนอกสนามจนเฉียดคุกเฉียดตาราง สุดท้ายอนาคตกับปีศาจแดงก็ต้องจบลง ซึ่งหลังจากนั้น ป๋าเฟอร์กี้ ถึงกับออกมายอมรับว่านี้คือนักเตะดาวรุ่งที่เขาเสียดายมากที่สุดเลยทีเดียว

 

 

ส่วนตัวอย่างที่ค่อนข้างใกล้เคียงคือ อาเดรียโน่ เพราะเขาเสียผู้เสียคนไปจากเรื่องครอบครัว หลังจากที่เขาเสียคุณพ่อไป เขาก็ติดเหล้าอย่างหนัก แม้ว่าเพื่อนร่วมทีม และคนรอบตัวจะพยายามอยู่เคียงข้าง และพยายามดึงเขากลับมามากแค่ไหน ฟอร์มของเขาที่เคยหวังให้เทียบ โรนัลโด้ R9 ก็หายไปเรียบร้อยแล้ว รวมถึงในเรื่องของชีวิตส่วนตัวเขาก็กลายเป็นคนเละเทะติดเหล้า ติดปารตี้ ยุ่งเกี่ยวกับแก๊งอันธพาล นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่สุดในโลกฟุตบอล

 

 

โอกาสสุดท้ายกับขุนค้อน

 

 

สิ่งที่แตกต่างของตัว ลินการ์ด และ บรรดาตัวอย่างที่ยกขึ้นมาคือเขายังมีโอกาสกลับมาได้ ด้วยทัศนคติของเจ้าตัวที่พร้อมจะกลับตัวกลับใจ เขาตระหนักรู้ว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไร และพร้อมที่จะสู้เพื่อโอกาสอีกครั้ง จากที่เขาเคยโพสต์ลง อินสตราแกรมส่วนตัวเมื่อฤดูกาลที่แล้วว่า “นี่เป็นฤดูกาลที่ยากลำบากมากในหลายๆเหตุผล ผมเสียตัวตนไปทั้งในฐานะนักฟุตบอลและชีวิตของตัวเอง แต่ผมไม่เคยอยากจะยอมแพ้”

 

“ผมรู้ว่าแฟนๆอาจจะหัวเสีย แต่ผมรักสโมสรแห่งนี้เสมอ และทุกๆคนที่เกี่ยวข้องกับทีมไม่เคยทอดทิ้งผม ทีมนี้ สโมสรแห่งนี้ คือ ครอบครัวของผม และผมจะพยายามทำงานหนักต่อไปเพื่อช่วยให้ทีมทำได้ตามเป้าหมาย”

 

ในฤดูกาลปัจจุบัน เขาไม่มีโอกาสเลยในทีมของ โซลชา แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง เมื่อสโมสรตัดสินใจปล่อยเขาไปให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ยืมตัว ไม่มีใครรู้ว่าหนทางของเขากับทัพขุนค้อนจะเป็นอย่างไร แต่นี้คือโอกาสครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้กลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง โอกาสสุดท้ายที่จะกู้คืนตัวเขาคนเดิมที่มีฟอร์มการเล่นที่น่าตื่นตา พร้อมกับตัวตนที่เติบโตขึ้น