กองกลางเลือดผู้ดีรับรู้สึกเสียช่วงพีคของตัวเองไปกับการอยู่ที่สิงห์บลู
แดนนี่ ดริ้งวอเทอร์ กองกลางชาวอังกฤษออกมายอมรับว่ารู้สึกเสียเวลาช่วงที่ดีที่สุดของตัวเองไปกับการอยู่ที่ เชลซี พร้อมมองว่าหากทีมดูแลดีกว่านี้คงต่างออกไป
ดาวเะเลือดผู้ดีย้ายมาค้าแข้งในถิ่นสแตมฟอร์ดบริดจ์เมื่อปี 2017 หลังเป็นหนึ่งในขุนพลตัวหลักพาเลสเตอร์ ซิตี้ สร้างเทพนิยายคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามกับทัพสิงห์บลูเจ้าตัวกลับได้ลงสนามไปทั้งหมด 23 นัดเท่านั้นในซีซั่นแรกทำได้ 1 ประตูจากทุกรายการเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ตามเล่นงาน และหลังจากนั้น ดริ้งวอเทอร์ก็ไม่เคยได้ลงเล่นให้กับทีมอีกเลย
ก่อนที่จะโดนปล่อยไปให้กับ เบิร์นลี่ย์ , แอสตัน วิลล่า , คาซิมพาซา และ เรดดิ้ง ยืมตัว จนกระทั่งหมดสัญญาไปหลังจบซีซั่นที่ผ่านมานี้เอง
เมื่อถูกถามถึงช่วงเวลา 5 ปีที่ได้อยู่กับเชลซีถือเป็นการเสียช่วงเวลาที่ดีที่สุดของตัวเองไปหรือไม่ แดนนี่ก็ตอบว่า “ใช่เลย มันเหมือนกับว่า ‘ผมโยนช่วงเวลา 5 ปีทิ้งไปกับอะไร'”
“ถ้าคุณอยู่ที่ เลสเตอร์ ต่อ ถ้าไม่ได้รับบาดเจ็บ และถ้าสโมสรดูแลคุณต่างออกไปจากนี้ ทุกอย่างมันเป็นคำว่า ‘ถ้า’ มันน่าหงุดหงิดแบบ 100%เลย ผมไม่คิดว่าตัวเองจะร้อนรนกับสิ่งที่มันเป็นไปนะ ผมยังคงโมโหตัวเองอยู่ แต่ในอีกแง่นึง ผมก็คิดว่าจะโมโหตัวเองไปทำไม เพราะผมก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้”
“ผมจะช่วยให้ตัวเองก้าวต่อไปได้ไหม? นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงขอออกไปยืมตัว ทำไมผมถึงไป แอสตัน วิลล่า และเบิร์นลี่ย์ แบบยืมตัวซึ่งมันก็ไม่เวิร์ค และการไปตุรกีตอนอายุ 30 เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคิดจะทำมาก่อน มันเป็นเหตุผลที่ผมเลือกลงไปเล่น แชมเปี้ยนส์ชิพด้วย ผมพยายามจะทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่บางอย่างมันก็ผิดพลาดไป”