หากพูดถึงนักเตะทื่ทำผลงานโดดเด่นมากสุดคนหนึ่งในศึก ไฮลักซ์ รีโว่ ไทยลีก ตลอดซีซั้น 2021/2022 ที่ผ่านมา หลายคนคงต้องนึกถึงชื่อของ เลอสันต์ เทียมราช เป็นชื่อแรก หลังกองกลางวัย 30 ปี โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงกับต้นสังกัด หนองบัว พิชญ เอฟซี
จากผลงานที่ยอดเยี่ยมต่อเนื่อง ทำให้เขาเพิ่งถูก มาโน่ โพลกิ้ง เรียกติดทีมชาติไทย เตรียมลงเตะเกมอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ สองนัดที่จะพบกับ เนปาล และ ซูรินาม ในวันที่ 24 และ 27 มีนาคมนี้
นี่ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของนักเตะชาวสกลนคร ซึ่งเคยผ่านการค้าแข้งฟุตบอลลีกไทย มาแล้วทุกดิวิชั่น ตั้งแต่ลีกระดับภูธรจนถึงลีกสูงสุด และมีเรื่องราวมากมายให้ถูกพูดถึงตลอดเส้นทางการเล่นฟุตบอลอาชีพที่ผ่านมา
โดยวันนี้ UFAARENA จะขอพาไปย้อนดูเส้นทางและเรื่องราวของ เลอสันต์ เทียมราช ตั้งแต่ยังคงเป็นนักเตะระดับลีกภูมิภาค จนถึงวันนี้ที่เขามีชื่อเป็น 1 ใน 27 ขุนพลทีมชาติไทย ชุดใหญ่
เริ่มต้นจากฟุตบอลเดินสาย
เลอสันต์ เทียมราช พื้นเพเป็นชาวอำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร วัยเด็กเริ่มเล่นบอลจนกระทั้งมีชื่อติดทีมโลกเรียน ก่อนขยับมาหาประสบการณ์และพัฒนาฝีเท้าของตัวเองจากการเล่นฟุตบอลเดินสาย กระทั่งปี 2012 เขาเซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพครั้งแรกกับ นครนายก เอฟซี ทีมระดับลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2
โดยตลอดระยะเวลาหนึ่งซีซั่นกับทัพ “นักรบขุนด่าน” เลอสันต์ ลงสนามให้กับทีม 14 นัด พร้อมกับยิง 1 ประตู ก่อนที่ฤดูกาลถัดมาในปี 2013 เขาถูกดึงไปอยู่กับอีกหนึ่งทีมระดับลีกภูมิภาคอย่าง ฉะเชิงเทรา เอฟซี
สำหรับการมาเล่นกับยอดทีมลุ่มแม่น้ำบางปะกง เขากลายเป็นตัวหลักของขุนพล “ปลากัดนักสู้” มีสถิติการเล่นที่ยอดเยี่ยมตลอดสองฤดูกาลกับสโมสร ด้วยการยิงไปถึง 19 ประตู จากการลงเล่น 44 นัด แต่มันยังไม่ดีพอที่จะทำให้ตัวเขาและต้นสังกัดขยับขึ้นมาเล่นในลีกที่สูงกว่า หลังจบซีซั่น 2014 ฉะเชิงเทรา เอฟซี จบแค่เพียงอันดับ 7 ศึก ลีกภูมิภาค ภาคกลางและภาคตะวันออก อย่างไรก็ตามด้วยฝีเท้าที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าการเล่นยังลีกระดับล่างสุดของเมืองไทย อาจจะไม่ท้าทายสำหรับ เลอสันต์ อีกต่อไป และนั่นทำให้เขาถูกดึงไปอยู่กับ สุโขทัย เอฟซี สโมสรระดับ ดิวิชั่น 1 ลีกรองของไทย ณ เวลานั้น เมื่อปี 2014
แข้งประวัติศาสตร์ สุโขทัย ลงเล่นและยิงประตูเกมบอลถ้วยเอเชีย
ภายหลังย้ายมาอยู่กับทัพ “ค้างคาวไฟ” ไม่นาน อดีตแข้งลีกภูธรโชว์ผลงานที่น่าประทับใจ ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลและแข้งคนสำคัญในถิ่น ทุ่งทะเลหลวง สเตเดี้ยม ได้อย่างรวดเร็ว และมีส่วนสำคัญพาสโมสรจบอันดับ 3 ศึก ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2015 คว้าตั๋วขยับขึ้นมาเล่นบนลีกสูงอย่าง โตโยต้า ไทยลีก ซีซั่น 2016 สำเร็จ
กระทั่งปี 2017 จากการเป็นแชมป์ร่วมฟุตบอลถ้วย ช้าง เอฟเอ คัพ ซีซั่น 2016 ทำให้ สุโขทัย เอฟซี ได้สิทธิ์ลงเตะศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2017 รอบเพลย์ออฟ และนั่นทำให้ เลอสันต์ กลายเป็นหนึ่งในขุนพล “โขทัย” ชุดประวัติศาสตร์ลงเล่นฟุตบอลถ้วยเอเชีย ครั้งแรกของสโมสร โดยเกมรอบเพลย์ออฟ รอบสอง ที่พบกับ ยาดานาร์บอน เจ้าตัวถูกส่งลงสนามเป็นตัวจริง พร้อมกับยิง 1 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์ พาทีมเอาชนะตัวแทนจากเมียนมาร์ 5-0
ก่อนที่รอบต่อมา สุโขทัย ต้องมาเจอกับ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี ซึ่งเวลานั้นมีนักเตะระดับโลก อย่าง ออสก้า และ ฮัลค์ ขณะที่ “เจ้าแกะ” ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมดังกล่าวเช่นกัน ทว่าท้ายที่สุดทีมของเขาต้านความแข็งแกร่งของสโมสรจีน ไม่ไหว ก่อนแพ้แบบขาดลอย 3-0
แม้ไม่ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ทว่านี่เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของนักเตะ สุโขทัย เอฟซี ทุกคน โดยเฉพาะ เลอสันต์ เทียมราช นักเตะจากลีกระดับภูมิภาค ซึ่งโชคชะตาทำให้เขาได้มีโอกาสลงเล่นและจาลึกชื่อเป็นผู้ทำประตูในรายการใหญ่ระดับฟุตบอลถ้วยเอเชีย
ระเบิดฟอร์มกับ หนองบัว
หลังประสบความสำเร็จพอสมควรกับการค้าแข้งที่ทุ่งทะเลหลวง มิดฟิลด์ตัวรุกชาวสกลนคร ย้ายไปเล่นกับ ศรีสะเกษ เอฟซี เป็นเวลาหนึ่งฤดูกาลในปี 2019 ก่อนที่ปีถัดมาเขาได้เซ็นสัญญากับ หนองบัว พิชญ เอฟซี และกลายเป็นกำลังสำคัญของสโมสรชุดคว้าแชมป์ เอ็ม-150 แชมป์เปี้ยนชิพ ซีซั่น 2021/2022 พร้อมพาสโมสรเลื่อนชั้นมาเล่นบนลีกสูงสุดครั้งแรกได้สำเร็จ
โดยการกลับมาเล่นบนไทยลีก 1 อีกครั้งของ เลอสันต์ เทียมราช เขาคือคีย์แมนคนสำคัญของทัพ “พญาไก่ชน” ลูกทีม “โค้ชอ่อง” ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล เป็นกองกลางที่คอยปั้นเกมและสร้างสรรค์โอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีม จนฟอร์มของเขาสะดุดตาแฟนบอลและมีกระแสเรียกร้องให้ถูกเรียกติดทีมชาติ ชุดลุยศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ทว่าท้ายที่สุดเขากลับไม่ได้รับโอกาสนั้น
สำหรับผลงานของเจ้าตัวกับ หนองบัว พิชญ นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่สโมสรเมื่อปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ลงเล่นไปแล้ว 44 นัดรวมทุกรายการ ยิง 4 ประตู
ติดทีมชาติในวัย 30 ปี
แม้จะพลาดโอกาสติดทีมชาติลุยศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ไม่เป็นไปอย่างที่หลายคนคาดหวังไว้ ทว่าแข้งวัย 30 ปี ยังไม่ย่อท้อต่อความฝันของเขา สำหรับการได้ลงเล่นให้กับทัพ “ช้างศึก” สักครั้งในอาชีพการค้าแข้งของตัวเอง
และด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมตลอดฤดูกาลที่ผ่านมาบนลีกสูงสุด ด้วยการ ยิง 1 ประตู พร้อมกับทำ 4 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 25 นัด ทำให้อดีตแข้งลีกภูมิภาคที่เพิ่งอายุเข้าเลขสามไม่นานมานี้ ถูก มาโน่ โพลกิ้ง เรียกติดทีมชาติไทย ซึ่งมีโปรแกรมลงเตะเกมอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ พบกับ เนปาล และ ซูรินาม ช่วงเดือนปลายเดือนมีนาคมนี้
“พ่อสอนให้เล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็ก และคอยบอกเสมอว่าอยากเห็นลูกชายติดทีมชาติไทย สักครั้งในชีวิต พ่อเป็นคนที่คอยผลักดัน สนับสนุน ตั้งแต่วันแรกที่ผมเลือกต่อสู้บนเส้นทางสายฟุตบอลอาชีพ หากไม่มีพ่อ ก็คงจะไม่มีนักฟุตบอลอาชีพที่ชื่อเลอสันต์อย่างผมในวันนี้” บทสัมภาษณ์ของ เลอสันต์ เทียมราช หลังทำตามความฝันของผู้เป็นพ่อ นั่นคือการที่ลูกชายของเขามีชื่อติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่
นี่ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของดาวเตะจาก หนองบัว พิชญ เอฟซี แม้จะเป็นแค่เกมอุ่นเครื่อง แต่หากเขาสามารถทำผลงานน่าประใจ แสดงให้กุนซืออย่าง มาโน่ เห็นว่า เขายอดเยี่ยมแค่ไหน ไม่แน่ว่า เลอสันต์ อาจมีชื่อติดทีมอีกครั้งในการลงเล่นรอบคัดเลือกศึก เอเอฟซี เอเชียน คัพ 2023 ก็เป็นไปได้เช่นกัน
ตัวทดแทน ชนาธิป
อย่างที่หลายคนรู้กันไปแล้ว ในเกมอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ สองเกมที่จะพบกับ เนปาล และ ซูรินาม ทีมชาติไทย จะไม่มีชื่อ ชนาธิป สรงกระสินธ์ อยู่กับทีม เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการเดินทางจากประเทศญี่ปุ่น ตามมาตรการป้องกันโควิด-19 และเพื่อใช้เวลาช่วงพักเบรกปรับตัวกับต้นสังกัดใหม่อย่าง คาวาซากิ ฟรอนตาเล่
นั่นทำให้สองเกมอุ่นเครื่องของทัพ “ช้างศึก” ช่วงปลายเดือนนี้ จะเป็นเวทีสำหรับทดลองผู้เล่นหน้าใหม่ โดยเฉพาะมิดฟิลด์ตัวรุกตำแหน่ง ชนาธิป ที่นักเตะชุดนี้สามารถเล่นกันได้หลายคน ไม่ว่าจะเป็น เอกนิษฐ์ ปัญญา, สุภโชค สารชาติ, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ รวมถึง เลอสันต์ เทียมราช
ดูแล้วจากบทบาทสไตล์การเล่นของเขากับ หนองบัว พิชญ เอฟซี ตลอดซีซั่นที่ผ่านมา อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว หาก มาโน่ โพลกิ้ง ต้องการมองหากองกลางตัวรุกที่สามารถสร้างสรรค์เกมได้ และมีความขยันเป็นของแถม