ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ
อาร์เซน่อล – เชลซี
สนาม : นิว เวมบลีย์
เวลา : 23.30น.
ช่องถ่ายทอดสด : บีอิน สปอร์ต
อัตราต่อรอง : เชลซี ต่อเสมอควบครึ่ง
การแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ ครั้งที่ 139 ประจำซีซั่น 2019-20 หรือ The Emirates FA Cup เดินทางมาถึงนัดชิงชนะเลิศ ที่สนามนิว เวมบลีย์ ในคืนวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม 2563 โดยในนัดชิงชนะเลิศจะใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า “The Heads Up FA Cup Final” โดยเป็นการโคจรมาปะทะกันระหว่าง “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล แชมป์สูงสุดถ้วยนี้ 13 สมัย กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี แชมป์ 8 สมัย ซึ่งเป็นเกมลอนดอน ดาร์บี้แมทช์อีกด้วย
เส้นทางสู่นัดชิงของทั้งสองทีม
อาร์เซนอล : รอบ 3 ชนะ ลีดส์(เหย้า) 1-0, รอบ 4 ชนะ บอร์นมัธ(เยือน) 2-1, รอบ 5 ชนะ พอร์ทสมัธ(เยือน) 2-0, รอบ 6 ชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด(เยือน) 2-1, รอบรองฯ ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้(สนามกลาง) 2-0
เชลซี : รอบ 3 ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์(เหย้า) 2-0, รอบ 4 ชนะ ฮัลล์(เยือน) 2-1, รอบ 5 ชนะ ลิเวอร์พูล (เหย้า) 2-0, รอบ 6 ชนะ เลสเตอร์(เยือน) 1-0 และรอบรองฯ ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด(สนามกลาง) 3-1
Head to Head
คู่นี้เจอกันในถ้วยเอฟเอ คัพ ปรากฏว่า อาร์เซนอล เหนือกว่าด้วยการชนะ 9 เสมอ 6 เชลซี ชนะ 5 โดยพบกันในนัดชิงชนะเลิศ 2 ครั้ง อาร์เซนอล ชนะได้ทั้ง 2 ครา ด้วยสกอร์ 2-0 ปี 2002 และ 2-1 ปี 2017
นอกจากนี้เคยพบกันในฟุตบอลถ้วยอีก 2 รายการ นั่นคือนัดชิงลีกคัพ ปี 2007 เชลซี ชนะ 2-1 และนัดชิงยูฟ่า ยูโรป้า ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เชลซี ชนะ 4-1 ส่วนการพบกันครั้งแรกของคู่นี้เกิดขึ้นเมื่อ 113 ปีที่แล้ว ทั้งนี้ มิเกล อาร์เตต้า แพ้นัดแรกในถิ่นของการคุมทัพ อาร์เซนอล ก็คือแพ้ เชลซี 1-2
ความพร้อมก่อนเกม
อาร์เซน่อล : มิเกล อาร์เตต้า กุนซือเคยเป็นแชมป์รายการนี้กับ “ปืนใหญ่” สมัยเป็นนักบอล 2 สมัย นำทัพมาล่าแชมป์ หลังจากรับตำแหน่งได้แค่ 7 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม รอตัดสินใจว่าจะให้ เซอัด โคลาซินาช หรือ คีแรน เทียร์นี่ย์ คนใดคนหนึ่งยืนกองหลังด้านตัวจริง ร่วมกับ ดาวิด ลุยซ์ และร็อบ โฮลดิ้ง ในระบบ 3-4-3 ซึ่ง ชโคดราน มุสตาฟี่ บาดเจ็บไปแล้วก่อนหน้านี้ ในส่วนตำแหน่งอื่น ๆ กำลังเล่นได้ลงตัว บูกาโย่ ซาก้า ไปปักหลักเล่นด้านซ้าย โดยที่ กรานิต ชาก้า กับ ดานี่ เซบาญอส เดินเกมตรงกลาง ส่วนแนวรุก 3 คน ปิแอร์ เอเมริค-โอบาเมยัง เล่นกับ นิโกลัส เปเป้ และอเล็กซงดร์ ลากาแซตต์
เชลซี : แฟรงค์ แลมพาร์ด จูเนียร์ บนวัย 42 ปี ลุ้นแชมป์ตั้งแต่จับงานที่เดอะ บริดจ์ ตั้งแต่ปีแรก หลังจากตัวเขาเคยคว้าแชมป์ถ้วยนี้ถึง 4 สมัยในช่วงค้าแข้ง และลุ้นนำ เชลซี ครองถ้วยนี้เป็นสมัยที่ 9 ซึ่งทีมปรับมาใช้ระบบ 3-4-3 รอเช็คแค่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ แค่คนเดียวเท่านั้น ที่เหลือพร้อมลงสนาม คริสเตียน พูลิซิซ ที่กลับมาฟิตเต็มถังจะได้เดินเกมรุกตัวจริง ร่วมกับ เมสัน เมาท์น ทำให้ วิลเลี่ยน ต้องสตาร์สำรองไปก่อน โดยหน้าเป้า โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่กำลังเข้าฟอร์มจะได้ยืนหน้าเป้า ส่วนด่านสุดท้ายนั้น วิลลี่ กาบาเยโร่ จะได้รับความไว้วางใจต่อไป
11ตัวจริงที่คาดว่าจะสนาม
อาร์เซนอล (3-4-3) : เอมิลิอาโน่ มาร์ติเนซ-ร็อบ โฮลดิ้ง, ดาวิด ลุยซ์, คีแรน เทียร์นี่ย์-เอ๊คตอ เบเยริน, ดานี่ เซบาญอส, กรานิต ชาก้า, บูกาโย่ ซาก้า-ปิแอร์ เอเมริค-โอบาเมยัง, นิโกลัส เปเป้ และอเล็กซงดร์ ลากาแซตต์
เชลซี (4-3-3): วิลลี่ กาบาเยโร่-เซซาร์ อัสปิลิกวยต้า, ควร์ต ซูม่า, อันโตนิโอ รือดิเกอร์-รีซ เจมส์, จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิซ, มาร์กอส อลอนโซ่-คริสเตียน พูลิซิซ, เมสัน เมาท์น และโอลิวิเยร์ ชิรูด์
ทรรศนะก่อนเกม : เรียกว่าเกมนัดชิง ไม่มีใครยอมใครแน่นอน แม้ เชลซี จะคว้าตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกไปแล้วจากการคว้าที่ 4 ของพรีเมียร์ลีก แต่ แฟรงค์ แลมพาร์ด ต้องการถ้วยแรกในอาชีพกุนซือของเขาแน่นอน ขณะที่ ไอ้ปืนใหญ่ ความหวังเดียวในการไปเตะถ้วยยุโรปปีหน้า คือต้องคว้าแชมป์รายการนี้เท่านั้น และนี่จะเป็นแมตช์ที่สำคัญที่สุดในฤดูกาลนี้ก็ว่าได้ สุดท้ายเชื่อว่าเกมรับจะเป็นตัวแปรว่าใครจะดีกว่ากัน
โอกาสชนะ : อาร์เซน่อล 30 % / เสมอ 40 % / เชลซี 30 %
สกอร์ที่คาด : อาร์เซน่อล ชนะ 1-0