ก่อนหน้านี้ หนองบัว พิชญ เอฟซี ได้ประกาศยกเลิกสัญญากับ ศราวุฒิ มาสุข หลังเพิ่งย้ายมาอยู่กับสโมสรเมื่อช่วงต้นซีซั่นที่ผ่านมา เนื่องจากไม่ยอมมารายงานตัวซ้อมกับทีม และไม่สามารถติดต่อได้ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนานกว่า 1 เดือน ซึ่งนี่ถือเป็นการทำผิดกฎสโมสรขั้นรุนแรง จนเป็นเหตุให้ถูกปล่อยตัวออกจากทีมในท้ายที่สุด ท่ามกลางกระแสข่าวลือด้านลบในเรื่องนอกสนามของเจ้าตัวที่กำลังพูดถึงอย่างมากในตอนนี้
อย่างไรก็ตามอดีตปีกขวาตัวเก่งของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีฝีเท้าอยู่ในระดับแถวหน้าของประเทศมาก่อนหน้านี้ และเคยประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย ทั้งในนามสโมสร และทีมชาติ โดยเฉพาะการเป็นฮีโร่ยิงประตูชัยพาทัพ “ช้างศึก” คว้าแชมป์ ซีเกมส์ เมื่อปี 2013
นอกจากนั้นยังมีอีกหลายโมเมนต์ที่ยอดเยี่ยมของ ศราวุฒิ มาสุข ซึ่งเชื่อได้เลยว่าเหตุการณ์เหล่านั้นน่าจะยังอยู่ในความทรงจำของเหล่าแฟนบอลไทย หลายๆ คน แน่นอน
ถูกเรียกติดทีมชาติตั้งแต่เล่นอยู่ลีกภูมิภาค
สำหรับ ศราวุฒิ มาสุข เริ่มสร้างชื่อในวงการฟุตบอลไทย นับตั้งแต่ปี 2012 สมัยที่เจ้าตัวยังอยู่กับ จามจุรี ยูไนเต็ด ในศึกฟุตบอลลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 หรือไทยลีก 3 ในปัจจุบัน ทว่าด้วยฟอร์มอันโดดเด่นทำให้ “เจ้าหนุ่ย” ในวัย 22 ปี ถูก วินฟรีด เชเฟอร์ เฮดโค้ชทีมชาติไทย ณ เวลานั้น เรียกเข้าไปซ้อมร่วมกับทีมชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย
อย่างไรก็ตามท้ายที่สุด ถึงแม้ว่า ศราวุฒิ จะไม่ได้เป็น 1 ใน 23 ขุนพลทัพ “ช้างศึก” ชุดดังกล่าว แต่การถูกเรียกเข้าไปซ้อมร่วมกับทีมครั้งนั้น ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ได้รับความสนใจ และถูกจับตามองมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ได้รับโอกาสสำคัญย้ายไปอยู่กับทีมแกร่งอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในเวลาต่อมา
อีกหนึ่งขุนพล “กิเลนผยอง” ชุดแชมป์ไร้พ่าย
หลักจากที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมยิงไปถึง 16 ประตู จากการลงสนามทั้งหมด 40 นัดกับทีม จามจุรี ยูไนเต็ด ฝีเท้าของ ศราวุฒิ มาสุข ไปสะดุดตา สลาวีชา ยอคานอวิช กุนซือใหญ่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ก่อนถูกดึงตัวเข้ามาอยู่ในถิ่น เอสซีจี สเตเดี้ยม ในช่วงเลกสองศึกไทยลีก เมื่อฤดูกาล 2012
ถึงแม้ว่า ศราวุฒิ จะไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งปีกคว้าตัวจริงของทีม “กิเลน” จาก จักรพันธ์ พรใส ได้ แต่เขาก็ถือเป็นหนึ่งในขุนพล เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่มีส่วนพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีก ซีซั่น 2012 แบบไร้พ่ายไม่แพ้ใครเลยตลอดการแข่งขัน 34 นัด และเป็นสโมสรแรกของเมืองไทย ที่ทำได้สำเร็จ
ฮีโร่ยิงประตูชัยพา “ช้างศึก” คว้าแชมป์ ซีเกมส์ 2013
ในปี 2013 ปีกขวาชาวหนองคาย ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ และโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ลงสนามไปถึงหมด 27 นัดรวมทุกรายการ ยิงไป 5 ประตู ให้กับสโมสรในซีซั่นดังกล่าว จนทำให้เขาถูกเรียกติดทีมชาติไทย ชุดลุยศึก ซีเกมส์ 2013 ที่กรุงเนปิดอว์ ภายใต้การทำทีมของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง และมีนักเตะอย่าง กวิน ธรรมสัจจานันท์, ธีราทร บุญมาทัน, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ชาริล ชัปปุยส์, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ร่วมทีมอยู่ด้วย
โดยในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว แข้งอนาคตไกลของ เมืองทอง ยูไนเต็ด ในเวลานั้น ลงสนามให้ทัพ “ช้างศึก” U23 ไปทั้งหมด 5 เกม และยิงไป 1 ประตู ซึ่งสกอร์เดียวที่เจ้าตัวทำได้เกิดขึ้นในเกมนัดชิงชนะเลิศที่ทีมชาติไทย เอาชนะ ทีมชาติอินโดนีเซีย 1 – 0 และ ศราวุฒิ มาสุข เป็นคนทำประตูชัยจากจังหวะที่ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ตักบอลจากหน้าเขตโทษเข้ามาในกรอบให้เจ้าตัวใช้ความเร็ววิ่งฉีกหนีแนวรับคู่แข่ง ก่อนกระดกบอลข้ามหัวนายด่าน “อิเหนา” เข้าไปสู่ก้นตาข่ายตั้งแต่นาทีที่ 22 ของเกม พาทีมคว้าเหรียญทอง ซีเกมส์ สมัยที่ 14 ได้สำเร็จ
มีส่วนร่วมพังประตู “เสือเหลือง” พาทีมชาติไทย ซิวแชมป์ อาเซียน คัพ รอบ 12 ปี
ย้อนกลับไปในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 เกมนัดชิงชนะเลิศ เลกที่สอง ทีมชาติมาเลเซีย กำลังกุมความได้เปรียบสุดๆ หลังพวกเขาเล่นในบ้านของตัวเอง และออกนำทีมชาติไทย ไปแบบขาดลอย 3 – 0 ตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งหลัง ก่อนที่ ชาริล ชัปปุยส์ จะมายิงประตูให้ทีมของ “ซิโก้” ตามตีไข่แตกเป็น 3 – 1 ในนาทีที่ 82 ของเกม และทำให้สกอร์รวมสองนัดเสมอกัน 3 – 3 แต่ทีมชาติไทย ได้เปรียบกฎอเวย์โกล หลังนัดแรกชนะที่สนาม ราชมังคลากีฬาสถาน มาได้ก่อน 2 – 0
จากนั้นนาทีที่ 87 จากจังหวะที่ขุนพล “เสือเหลือง” กำลังเดินหน้าบุกแหลกเพื่อเอาประตูเพิ่มให้ได้ ก่อนโดนสวนกลับเร็ว และเป็น ศราวุฒิ มาสุข ที่ลากบอลจากแดนตัวเองทางริมเส้นด้านขวาหนีผู้เล่นคู่แข่ง 1 คน ก่อนจ่ายให้ อดิศักดิ์ ไกรษร และไหลบอลไปถึง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ซัดเต็มข้อด้วยเท้าซ้ายลูกพุ่งเข้าไปตุงตาข่ายอย่างสวยงาม เป็นประตูการันตีแชมป์ อาเซียน คัพ ครั้งแรกในรอบ 12 ปี ของทีมชาติไทย ในท้ายที่สุด นอกจากนี้ “เจ้าหนุ่ย” ยังเป็นหนึ่งในขุนพลทัพ “ช้างศึก” ชุดคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ เมื่อปี 2016 อีก 1 สมัย ด้วย
ตัวพลิกเกมแมตช์ ทีมชาติไทย ตามตีเสมอ ทีมชาติอิรัก 2 – 2
ศราวุฒิ มาสุข ถือเป็นหนึ่งในนักเตะตัวนำโชค และเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่คอยพลิกเกมให้กับทีมชาติไทย ได้บ่อยครั้งในยุคที่ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ยังคงทำทีมอยู่ โดยเฉพาะในเกมฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ที่เสมอกับทีมชาติอิรัก 2 – 2
เกมนัดดังกล่าวเป็นทางฝั่งทีมชาติอิรัก ที่บุกมานำทัพ “ช้างศึก” ก่อนถึง 2 – 0 ก่อนที่ ศราวุฒิ จะถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองในช่วงครึ่งหลัง ก่อนเรียกจุดโทษให้กับทีมได้สำเร็จ จากจังหวะที่เจ้าตัวลากบอลเขาไปในเขตโทษก่อนโดน ฮูมัม ทาริก เตะล้มลงในกรอบ และเป็น ธีราทร บุญมาทัน ที่สังหารลูกนี้เข้าไปเป็นประตูจุดประกายความหวังให้กับทีมไล่ขึ้นมาเป็น 2 – 1 ในนาทีที่ 80
จากนั้น ศราวุฒิ มาสุข คนเดิมสร้างปาฏิหาริย์ให้กับทัพ “ช้างศึก” ได้สำเร็จ หลังเจ้าตัวเป็นคนเปิดบอลให้กับ มงคล ทศไกร ยิงประตูตีเสมอ 2 – 2 ให้กับทีมในเกมนี้ได้สำเร็จ และถือเป็นการเก็บแต้มสำคัญที่ทำให้ทีมชาติไทย สามารถผ่านเข้าไปเล่นในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี อีกด้วย
https://www.youtube.com/watch?v=zYGv8zEBv9g
โดน หนองบัว พิชญ เอฟซี ยกเลิกสัญญา หลังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกยนที่ผ่านมา บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เพิ่งตัดสินใจแยกทางกับ ศราวุฒิ มาสุข หลังอยู่กับสโมสรมานานกว่า 4 ปี และเป็น หนองบัว พิชญ เอฟซี ทีมแกร่งในศึก เอ็ม 150 แชมป์เปี้ยนชิพ หรือไทยลีก 2 ที่ตัดสินใจดึงเจ้าตัวมาร่วมทีมในซีซั่นนี้
หลังลงเล่นให้กับยอดทีมแห่งแดนอีสานไปทั้งหมด 2 นัด จาก 4 เกมแรกในฤดูกาล 2020 ศึกฟุตบอลไทยลีก จำเป็นต้องหยุดชะงักลงชั่วคราวเนื่องจากวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทางฝั่งของ หนองบัว พิชญ เอฟซี ก็ได้ยกเลิกการซ้อมทั้งหมดเช่นกัน พร้อมกับมอบโปรแกรมการฝึกให้กับทุกคนกลับไปซ้อมเองที่บ้านตามที่สต๊าฟโค้ชได้วางแผนเอาไว้ให้ ทว่าแข้งวัย 29 ปี กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่มีใครสามารถติดต่อได้เป็นเวลากว่า 1 เดือน
กระทั่งท้ายที่สุดทางสโมสร หนองบัว พิชญ เอฟซี ได้ตัดสินใจยกเลิกสัญญากับ ศราวุฒิ มาสุข หลังอยู่กับทีมได้แค่เพียงเดือนเดียวเท่านั้น เนื่องจากอดีตแข้งทีมชาติไทย รายนี้ ไม่มารายงานตัวซ้อมกับสโมสรเป็นเวลานาน ซึ่งถือว่าเป็นการทำผิดกฎของสโมสรขั้นรุนแรง ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่าเจ้าตัวได้กระทำสิ่งที่ไม่เป็นมืออาชีพนอกสนาม ซึ่งอาจจะส่งผลให้อนาคตการค้าแข้งของเขาต้องจบลงอย่างน่าเสียดาย
