ยูโร 2020 : ลากยาวถึงต่อเวลา! อิตาลี เฉือน ออสเตรียหืดจับ 2-1

ศึกยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้ายระหว่างทีมชาติอิตาลี แชมป์กลุ่ม A พบกับทีมชาติออสเตรีย รองแชมป์กลุ่ม C

 

เริ่มเกมมานาทีที่ 10 อิตาลีได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่ไปแย่งบอลกลับมาได้หน้ากรอบเขตโทษของ ออสเตรีย ก่อนจะเป็น เลโอนาร์โด สปินาซโซล่า ที่เติมขึ้นมาได้ลุ้นยิงแต่บอลหลุดกรอบออกไป หลังจากนั้นนาทีที่ 13 อิตาลีก็ได้ลุ้นอีกจากจังหวะยิงของลอเรนโซ่ อินซินเญ่ แต่ยังตรงตัว ดาเนี่ยล บัชมันน์

 

นาทีที่ 16 อิตาลีได้ลุ้นอีกจากจังหวะเติมขึ้นมาของ เลโอนาร์โด สปินาซโซล่า ไปสุดเส้นหลัง เปิดกลับเข้ามาให้กับ นิโคโล่ บาเรลล่า ได้ซัดโล่งๆ แต่ผู้รักษาประตูยังคงเซฟไว้ได้ สกอร์ยังคงเป็น 0-0 ถัดมานาทีที่ 31 ชิโร่ อิมโมบิลเล่ ลองลักไก่ซัดไกลจากนอกกรอบเขตโทษ แต่บอลดันไปชนสามเหลี่ยมเด้งออกมา

 

ก่อนจบครึ่งแรกนาที 42 อิตาลี ทำเกมกันขึ้นมา เลโอนาร์โด สปินาซโซล่า ได้ช่องซัดแต่ก็ยังโดนปัดออกไป เตะมุมเข้ามาก็โหม่งไม่ตรงกรอบ หลังจากนั้น อัซซูรี่ ได้ลุ้นจากฟรีคิกอีก แต่ก็ยังไม่เป็นประตู พร้อมจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-0

 

เริ่มครึ่งหลังมาในนาทีที่ 50 อิตาลีมาเสียฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ จากจังหวะที่ จีโอวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ ไปเข้าสกัดอันตรายใส่ฝ่ายตรงข้าม ก่อนที่จะเป็น ดาบิด อลาบา ที่มารับหน้าที่สังหารแต่ยิงหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย

 

นาทีที่ 61 ออสเตรีย ได้ลุ้นอีกจากจังหวะบุกขึ้นมาและเป็น มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ได้ลองยิงไกลแฉลบ เลโอนาร์โด โบนุชชี่ ออกไป เตะมุมเข้ามาได้ชุลมุนก่อนที่บอลจะมาถึง มาร์โก อาร์เนาโตวิช ได้ซัดแต่บอลตรงตัว จานลุยจิ ดอนนารุมม่า

 

นาทีที่ 64 ออสเตรียเกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะโยนบอลเข้ากรอบเขตโทษมาให้กับ ดาบิด อลาบา โหม่งต่อมาให้กับ มาร์โก อาร์เนาโตวิช ได้โหม่งบอลเข้าไป แต่ผู้ตัดสินให้เป็นลูกล้ำหน้าไปทำให้สกอร์ยังคงเป็น 0-0

 

หลังจากนั้นทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้เลย และจบ 90 นาทีไปด้วยผลเสมอ 0-0 และต้องไปลุยกันต่อในช่วงต่อเวลา ก่อนที่ในนาทีที่ 94 อิตาลีจะมาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ เลโอนาร์โด สปินาซโซล่า โยนข้ามฝากมาให้กับ เฟเดริโก้ เคียซ่า ที่ลงมาเป็นสำรอง ซัดเข้าไปอย่างสวยงาม พาทีมขึ้นนำไป 1-0

 

ถัดมานาที 103 อิตาลีมาได้ลุ้นอีกจากจังหวะฟรีคิกของ ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ ปั่นบอลเกือบเสียบใต้คานแต่ ดาเนี่ยล บัชมันน์ ยังคงบินปัดออกไปได้ ก่อนที่นาทีถัดมา มัตเตโอ เปสซิน่า จะมายิงประตูตอกฝาโลงได้สำเร็จจากจังหวะจ่ายยัดเข้ามาจากริมเส้นให้กับ ฟรานเชสโก้ อาร์แชร์บี้ ที่เติมมาเล่นลูกเตะมุมบังบอลไหลไปให้กับ เปสซิน่า ซัดเข้าไปเป็นประตูที่ 2 ของทีม

 

นาทีที่ 114 ออสเตรีย ทำประตูตามมาได้จากจังหวะเตะมุมเข้ามาของ ลูอิส เชาบ์ เปิดเข้ามาให้กับ ซาซ่า คาลัดจ์ซิช ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง พุ่งโหม่งเข้าไปทำให้สกอร์ไล่มาเป็น 2-1 แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถลุ้นเพิ่มได้ และจบลงด้วยชัยชนะของทีมชาติอิตาลี ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป

 

นักเตะที่ลงสนาม:

 

ทีมชาติอิตาลี : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า(GK) – จีโอวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่, ฟรานเชสโก้ อาร์แชร์บี้ , เลโอนาร์โด โบนุชชี่, เลโอนาร์โด สปินาซโซล่า– จอร์จินโญ่, มาร์โก้ แวร์รัตติ, นิโคโล่ บาเรลล่า – โดเมนิโก้ เบราร์ดี้, ชิโร่ อิมโมบิเล่, ลอเรนโซ่ อินซินเญ่

 

สำรอง: มานูเอล โลคาเตลลี่ (67) , มัตเตโอ เปสซิน่า (67) , อันเดรีย เบล็อตติ(84) , เฟเดริโก้ เคียซ่า(84) , ไบรอัน คริสตันเต้ (107)

 

ทีมชาติออสเตรีย : ดาเนี่ยล บัชมันน์(GK) – สเตฟาน ไลเนอร์, อเล็กซานเดอร์ ดราโกวิช, มาร์ติน ฮินเทอเร็กเกอร์, ดาบิด อลาบา– ซาเวอร์ ชลาเกอร์ , ฟลอเรียน กริลลิตช์ – คอนราด ไลเมอร์, มาร์เซล ซาบิตเซอร์, คริสตอฟ เบาม์การ์ทเนอร์– มาร์โก อาร์เนาโตวิช

 

สำรอง: อเลสซานโดร ช็อปฟ์(90) , ซาซ่า คาลัดจ์ซิช(97) , มิคาเอล เกรกอริทช์ (105) , ลูอิส เชาบ์(105) , สเตฟาน อิลซานเคอร์ (114) , คริสโตเฟอร์ ทริมเมิล(114)