‘หงส์’ ฟัด ‘ไก่’ ใครจะเข้าวิน! 5 ประเด็นร้อนก่อนเกมชิง UCL

 

เกมฟุตบอลนัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและมีแฟนบอลต่างตั้งตารอชมมากที่สุดเกมหนึ่งในโลกกำลังจะลงฟาดแข้งกันในคืนวันเสาร์นี้ นั่นก็คือโปรแกรมนัดชิงชนะเลิศศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่น 2018/2019 ซึ่ง ลิเวอร์พูล แชมป์รายการนี้ 5 สมัย และรองแชมป์เก่า จะต้องโคจรมาพบกับทีมจากชาติเดียวกันอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์  ที่ทะลุเข้ามาถึงรอบนี้ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมรสร

 

ก่อนเกมมีประเด็นที่น่าสนใจมากมายเกิดขึ้น ทั้งเรื่องของการกลับมาฟิตสมบูรณ์ลงสนามของดาวยิงตัวความหวัง “ไก่เดือยทอง” อย่าง แฮรี่ เคน ซึ่งเขาอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในเกมนี้ หรือแม้กระทั่งสถิติที่ชี้ชัดเจนว่า “หงส์แดง” เป็นต่อทางฝั่ง “ไก่เดืออยทอง” อยู่พอสมควรเลยทีเดียว

 

โดยวันนี้ Ufa Arena จะขอพาทุกท่านไปดู 5 ประเด็นร้อนก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ว่าจะมีประเด็นอะไรน่าสนใจกันบ้าง ลองเข้าไปอ่านวอร์มเครื่องกันก่อนที่จะได้รับชมเกมในวันพรุ่งนี้กันได้เลย

 

 

การกลับมาของ แฮรีรี่ เคน อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ

 

ศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษรายนี้ อาจจะไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไรนักตลอดซีซั่นที่ผ่านมา หลังต้องเจอปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะช่วงท้ายฤดูกาลที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไม่มี แฮรีรี่ เคน ยืนเป็นตัวความหวังในแดนหน้า ผลงานของพวกเขาดูดร็อปลงทันทีและมีปัญหาอย่างมากในจังหวะการเล่นพื้นที่สุดท้าย

 

อย่างไรก็ตามสำหรับเกมที่สนาม ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน คาดว่าเจ้าตัวจะหายทันช่วยทีมได้แน่นอน ซึ่งเขาอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในเกมนี้เลยก็ได้ เนื่องจากดาวยิงวัย 25 ปี เป็นกองหน้าทีมีจังหวะทีเด็ดทีขาดเฉียบคม และยิ่งเป็นเกมที่ทั้งสองทีมมาตราฐานใกล้เคียงกัน ประตูเดียวในแมตช์นี้อาจหมายถึงการปิดจ็อบคว้าถ้วย “บิ๊กเอียร์” มาครอบครองเลยก็ได้

 

นอกจากนี้ต้องยอมรับว่าสภาพความมั่นใจของ แฮรีรี่ เคน ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เขากลายเป็นปัญหาใหญ่ของ “หงส์แดง” แน่นอน เพราะที่ผ่านมาแม้เขาจะเจอปัญหาบาดเจ็บเล่นงานอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่เขายังสามารถส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้ถึง 24 ประตู จาก 39 เกมรวมทุกรายการ และหากย้อนไปก่อนหน้าเขาก็เพิ่งคว้ารางวัลดาวซันโวฟุตบอลโลกได้สำเร็จอีกด้วย ซึ่งนี่คงจะเป็นแรงพลักดันชั้นเยี่ยมที่จะทำให้แข้งตัวความหวังของ “ไกเดือยทอง” มุ่งมั่นที่จะพาทีมคว้าแชมป์ฟุตยุโรปสมัยแรกของสโมสรมาครองให้จงได้

 

 

 

กุนซือ “หงส์-ไก่” เตรียมประเดิมคว้าแชมป์แรก

 

แน่นอนว่าความสำคัญของเกมนี้คือการคว้าถ้วยรายการที่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดของฟุตบอลยุโรป รวมไปถึงของโลกเลยก็ว่าได้ แต่ยิ่งไปกว่านั้นเกมในนัดนี้ยังจะเป็นการตัดสินว่าใครกันแน่ระหว่าง เจอร์เก้น คลอปป์ กุนซือใหญ่ ลิเวอร์พูล หรือ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เฮดโค้ช ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่จะสามารถพาทีมคว้าแชมป์แรกของตัวเองกับสโมสรได้สำเร็จ

 

โดยทางฝั่งของเทรนเนอร์ “หงส์แดง” เขามีโอกาสถึง 4 ครั้ง ก่อนหน้านี้ที่เกือบจะพาทีมมีถ้วยโทรฟี่ติดมือได้สำเร็จ ซึ่งย้อนกลับไปในซีซั่นแรกที่เจ้าตัวเขามาคุมทีม กุนซือ “The Normal one” พาทีมทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศทั้งในศึก ลีก คัพ และ ยูฟ่า ยูโรป้าลีก ก่อนที่จะแพ้แบบน่าเสียดาย รวมไปถึงการโดน เรอัล มาดริด ไล่ยิงเละ 3 – 1 ในแมตช์ แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงปีที่แล้วด้วย และแน่นอนว่าการพลาดแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นที่เพิ่งผ่านพ้นไปคงเป็นเรื่องที่เจ็บปวดพอสมควรสำหรับเขา แต่มันคงเป็นแรงกระตุ้นและบทเรียนชั้นเลิศที่จะช่วยให้เขาไม่พลาดในโอกาสชุดมีถ้วยติดมือครั้งที่ 5 แน่นอน

 

ขณะที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขากับ สเปอร์ คือการพาทีมคว้ารองแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเมื่อ 2 ซีซั่นห่อน และตำแหน่งรองแชมป์ ลีก คพ เมื่อปี 2015 ไม่แน่ว่าเกมในคืนวันเสาร์ที่กำลังจะมาถึงนี้ อาจจะเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่เข้าจะสามารถพาทีมคว้าแชมป์แรกของตัวเองได้สำเร็จก็เป็นได้

 

 

 

สถิติชี้ชัด! ลิเวอร์พูล เหนือกว่า สเปอร์ ยุค “คลอปป์-โปเช็ตติโน่”

 

มาต่อกันด้วยเรื่องของสถิติทั้งสองทีมที่ดูเหมือนว่าจะเป็นใจให้กับทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ซะมากกว่า หลังตัวเลขผลงานระหว่าง ลิเวอร์พูล เมื่อต้องมาพบกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในยุคของสองกุนซืออย่าง เจอร์เก้น คลอปป์ และ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ซึ่งผลปรากฎว่าเป็นทางฝั่งยอดทีมจากเมอร์ซี่ไซด์ที่ดูดีกว่าอยู่หลายขุม

 

โดยหากย้อนผลงานที่พบกับของทั้งสองทีมในยุคสองกุนซือปัจจุบัน ทั้งสองทีมดวลกันทั้งหมด 9 เกม รวมทุกถ้วย เฮดโค้ชชาวอาร์เจนไตน์สามารถพาทีมเอาชนะลูกทีมของเทรนเนอร์ชาวเยอรมันได้เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นเมื่อปี 2017 ส่วนที่เหลือเป็นทางฝั่ง ลิเวอร์พูล เอาชนะไป 4 เกม และเสมอกัน 4 เกม

 

อย่างไรก็ตามจากสถิติที่ผ่านมาทั้งหมด คงไม่สามารถนำมาตัดสินเกมที่กรุงมาดริด คืนวันเสาร์นี้ได้ แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้แข้งของ “หงส์แดง” และสาวก “เดอะค็อป” สร้างความมั่นใจให้กับตัวเองได้พอสมควรเลยทีเดียว

 

 

 

ใครสอยแชมป์ก็สร้างประวัติศาสตร์ทั้งคู่

 

อีกหนึ่งประเด็นที่จะไม่ถูกพูดถึงคงไม่ได้กับโอกาสที่ทั้งสองทีมทั้ง ลิเวอร์พูล และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์  จะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ใหห้กับสโมสรของตัวเองทันที หากสามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์บลีก มาครองได้สำเร็จในซีซั่นนี้

 

โดยหากผลออกมาเป็นทางฝั่งของ ลิเวอร์พูล สามารถสอยถ้วย “บิ๊กเอียร์” มาประดับ แอนฟิลด์ อีกหนึ่งใบจะทำให้พวกเขาขยับแซงหน้าทั้ง บาร์เซโลน่า และ บาเยิร์น มิวนิค ขึ้นมาเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของโทรฟี่ฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่อันดับที่ 3 ทันทีด้วยการคว้าแชมป์ 6 สมัย และจะเป็นรองแค่ เอซี มิลาน ที่คว้าไปแล้ว 7 สมัย กับเจ้ายุโรปอย่าง “รันชุดขาว” เรอัล มาดริด เจ้าของถ้วยแชมป์ใบนี้มากที่สุด 13 สมัย เท่านั้น

 

ส่วนทางฝั่ง “ไก่เดือยทอง” นี่เป็นครั้งแรกสำหรับการทะลุเข้ามาถึงนัดชิงในศึกฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่ของพวกเขา และถ้าหาก สเปอร์ สามารถคว้าแชมป์ได้ล่ะก็ พวกเขาจะเป็นทีมที่ 6 จากเมืองผู้ดีที่สามารถสอยโทรฟี่นี้ไปครองต่อจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, แอสตัน วิลล่า และ เชลซี

 

 

 

โอกาสลุ้นมีแชมป์ติดมือในสุดยอดซีซั่นของ “หงส์แดง”

 

มาถึงประเด็นสุดท้ายสำหรับเกมนัดชิงชนะเลิศศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่น 2018/2019 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปีที่ยอดเยี่ยมที่สุดของขุนพล “เดอะเรด แมชชีน” พวกเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในลีก และฟุตบอลยุโรป และได้ลุ้นถ้วยทั้งสองใบจนถึงนัดสุดท้าย ก่อนที่ลูกทีมของ เจอร์เก้น คลอปป์ จะพลาดโอกาสสอยแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 29 ปี ของสโมสรไปแล้วหนึ่งใบ ด้วยการได้แค่ตำแหน่งรองแชมป์ที่มีแต้มมากสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเมืองผู้ดี

 

ความสุดยอดของบรรดาแข้ง “หงส์แดง” ยังโชว์ให้แฟนบอลได้เห็นมาแล้วในศึกฟุตบอลรอบก่อนหน้าในเกมที่พวกเขาต้องการอย่างน้อยถึง 3 ประตูเพื่อโอกลุ้นพลิกสถานการณ์เพื่อตีตั๋วผ่านเข้าสู่รองชิงชนะเลิศ หลังจากที่แมตช์รอบรองชนะนัดแรกบุกไปแพ้ บาร์เซโลน่า ก่อนถึง 3 – 0 แต่แล้วพวกเขาก็สามารถเขย่าโลกแบบช็อคแฟนบอลด้วยการไล่ถล่ม “ต่างดาว” ในรังเหย้า