จริงอยู่ที่มีการพูดถึงโครงการกลับบ้านของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาหลายปีจนแฟนผีส่วนใหญ่เลิกหวังกันไปแล้ว แต่หากมองจากสถานการณ์ปัจจุบัน ต้องบอกว่าไม่มีครั้งไหนที่จะเข้าใกล้ความจริงมากเท่ากับครั้งนี้!
กระแสข่าวระลอกล่าสุด มาจากการรายงานของ Fabiana Della Valle ผู้สื่อข่าวสาวสายยูเวนตุสของ Gazzetta Dello Sport ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในระดับเทียร์ 3 โดยเธอเปิดเผยว่าสตาร์ชาวโปรตุกีสได้มอบหมายให้เอเยนต์ส่วนตัวอย่าง จอร์จ เมนเดส เข้าไปลองพูดคุยกับปีศาจแดง เพื่อถามถึงความเป็นไปได้ในการย้ายกลับไปค้าแข้งบนถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดอีกครั้งในช่วงซัมเมอร์นี้
เอาล่ะ แม้ความน่าเชื่อถือของผู้สื่อข่าวจะอยู่ในระดับกลางๆ แต่อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้น งานนี้มีเหตุผลที่ทำให้สามารถบอกได้ว่าดีลระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ โรนัลโด้ มีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่าครั้งที่ผ่านๆมา และในวันนี้เราจะพาคุณไปส่องทุกแง่มุมของโปรเจ็กต์ “โด้กลับบ้าน 2021” กัน
เป็นไปได้แค่ไหน ?
ก่อนอื่นต้องแบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย คือผู้ขายอย่าง ยูเวนตุส , ผู้ซื้ออย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด และตัว โรนัลโด้ เอง
เริ่มจากทางฝั่งผู้ขายอย่าง ยูเวนตุส… ปัจจุบัน โรนัลโด้ เหลือสัญญาค้าแข้งกับทีมม้าลายจนถึงเดือนมิถุนายนปี 2022 เท่านั้น และในวัย 36 ปี แน่นอนว่านี่จะเป็นสัญญาฉบับแรกและฉบับสุดท้าย ดังนั้น ถ้าเบียงโคเนรี่อยากได้ค่าขนมคืนบ้าง หลังจากลงทุนไปกว่า 100 ล้านยูโร พวกเขาก็จำเป็นต้องขายกัปตันทีมชาติโปรตุเกสออกจากทีมให้ได้หลังจบฤดูกาลนี้
เรื่องค่าเหนื่อยก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ เพราะในช่วงเวลาที่ ยูเว่ โดนผลกระทบด้านการเงินจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 การปล่อย โรนัลโด้ ที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงถึงปีละ 31 ล้านยูโร ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดของสโมสร ก็จะเป็นการเซฟเงินได้เยอะพอสมควร
ต่อมาทางฝั่งผู้ซื้ออย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด… แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็น โรนัลโด้ ทว่ากับสัญญาที่เหลืออีกเพียงปีเดียว บวกกับอายุอานามที่อยู่ในช่วงปลายอาชีพการค้าแข้ง มูลค่าของเขาในเวลานี้คงไม่เกิน 50 ล้านยูโร ยิ่งถ้ามองถึงเรื่องที่ ยูเวนตุส ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายด้วยแล้ว เผลอๆทีมม้าลายอาจจะจัดราคาโปรให้กับปีศาจแดงด้วยซ้ำ
ขณะที่ในเรื่องค่าเหนื่อย รายงานระบุว่า โรนัลโด้ พร้อมลดรายได้ลงมาเหลือ 20 ล้านยูโรต่อปี หรือถ้าตีเป็นกลมๆก็ประมาณ 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งทั้งค่าตัวและค่าเหนื่อย ต้องบอกว่าเร้ด เดวิลส์จ่ายได้สบายอยู่แล้ว
ปิดท้ายที่ทางฝั่ง โรนัลโด้… หลังจากล้มเหลวในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกกับ ยูเวนตุส เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งยังไม่เคยไปไกลกว่ารอบก่อนรองชนะเลิศ ทำให้มีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องว่าดาวเตะเจ้าของบัลลงดอร์ 5 สมัยไม่ค่อยแฮปปี้กับชีวิตในตูรินแล้ว ยิ่งถ้าเกิดว่า อันเดรีย ปิร์โล่ ไม่สามารถพาเบียงโคเนรี่จบท็อปโฟร์ได้ในฤดูกาลนี้ บอกตามตรง คิดไม่ออกเลยว่าเจ้าตัวจะทนอยู่ในอิตาลีต่อได้ยังไง
ฉะนั้น งานนี้ถ้า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และทีมงานซื้อขายของ แมนฯ ยูไนเต็ด เคาะแล้วว่าจะเดินเครื่องล่า โรนัลโด้ โอกาสที่สาวกอสูรจะได้เห็นอดีตฮีโร่รายนี้กลับมาสวมเสื้อสีแดงเหมือนวันวานก็มีพอสมควรเหมือนกัน แต่ถึงกระนั้น ยังมีอุปสรรคสำคัญที่ขวางทางปีศาจแดงอยู่ และนั่นคือสิ่งที่เราจะมาว่ากันในหัวข้อถัดไป
คู่แข่ง
นอกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด แล้ว อีกสโมสรที่กำลังมีข่าวเชื่อมโยงกับ โรนัลโด้ อยู่เช่นกันคือ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และดูเหมือนว่า เปแอสเช จะมีภาษีที่ดีกว่าปีศาจแดงซะด้วย
ความท้าทายใหม่บนเวทีลีกเอิง , โอกาสคว้าแชมป์ UCL , ค่าเหนื่อยที่คาดว่าจะได้สูงกว่า หรือแม้กระทั่งการได้ใช้ชีวิตในกรุงปารีส ทั้งหมดคือแต้มต่อที่จะทำให้ โรนัลโด้ เลือก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด นอกจากนี้ ต้องยอมรับว่าการกลับไปเล่นที่พรีเมียร์ลีกมีโอกาสแป้กมากกว่าเล่นในฝรั่งเศสพอสมควร ลองคิดในมุมของ CR7 ดู ถ้าคัมแบ็ครอบนี้แล้วดันไม่เวิร์คขึ้นมา มันอาจทำให้สถานะขึ้นหิ้งของเขากับปีศาจแดงด่างพร้อยก็ได้
ส่วนอีกทางเลือกอย่างการบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปค้าแข้งที่เมเจอร์ลีก ซอกเกอร์ ดูแล้วสหรัฐอเมริกายังไม่ใช่ช้อยส์ที่ดึงดูด โรนัลโด้ สักเท่าไหร่ในเวลานี้ เพราะเขายังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมลูกหนังระดับสูง ไว้อีก 2-3 ปีข้างหน้าค่อยย้ายไปโกยเงินที่แดนมะกันก็ยังไม่สาย
Idol 👑🐐… @Cristiano pic.twitter.com/uZGEXnhuUB
— Kylian Mbappé (@KMbappe) October 11, 2020
ถ้ามาแล้วจะเล่นตรงไหน ?
ท้ายที่สุดหาก โรนัลโด้ ลงเอยกับ แมนฯ ยูไนเต็ด จริง ตำแหน่งเดียวที่เขาสามารถเล่นได้คือหมายเลข 9 จะไม่เป็นกองหน้าบ้าง ปีกซ้ายบ้าง เหมือนสมัยที่อยู่กับ เรอัล มาดริด หรือในปัจจุบันกับ ยูเวนตุส เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้นักเตะวัย 36 ปีไปวิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่ทางริมเส้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในลีกที่ต้องใช้ร่างกายมากที่สุดในโลกอย่างพรีเมียร์ลีก
นอกจากนี้ พื้นที่ทางฝั่งซ้ายของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีตัวเลือกเยอะจนแทบจะถมที่ได้ ไม่ว่าจะเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด , อองโตนี่ มาร์กซิยาล , แดเนี่ยล เจมส์ หรือแม้แต่ ปอล ป็อกบา ที่โดนจับมาเล่นตรงนี้บ่อยๆในช่วงหลัง
โดยในฤดูกาลนี้ จากจำนวนทั้งหมด 39 นัดที่ โรนัลโด้ ปรากฏตัวกับเบียงโคเนรี่ อดีตลูกหม้อสปอร์ติ้ง ลิสบอนลงเล่นในฐานะกองหน้าตัวเป้าถึง 38 นัด และลงเล่นในฐานะปีกซ้ายแค่นัดเดียว
นอกเหนือจากเรื่องในสนาม
การมาถึงของ โรนัลโด้ ไม่ได้ส่งผลดีแค่ในเรื่องของธุรกิจเท่านั้น แต่เรื่องที่เราให้ความสำคัญยิ่งกว่าคือสิ่งที่เขาจะนำเข้ามาสู่ทีม ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ , แนวคิด-ทัศนคติ , ความเป็นมืออาชีพ , บรรยากาศที่ดีในห้องแต่งตัว รวมถึงการเป็นคุณครูและแบบอย่างที่ยอดเยี่ยมให้กับรุ่นน้อง
“ผมเป็นคนที่โชคดีที่ได้แชร์ฤดูกาลร่วมกับเขา” ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ให้สัมภาษณ์กับ Diario AS
“การฝึกซ้อมกับเขาเหมือนอยู่ในสงคราม เพราะผมไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลยนอกจากเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่าง รวมถึงเกมเล็กๆที่เราลงเล่น คริสเตียโน่ เป็นเด็กดีที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศการแข่งขันให้กับทีม”
“ในงานปาร์ตี้คริสต์มาส เราจัดขึ้นเพื่อให้นักเตะได้มีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม แต่เขาก็ยังเป็นมืออาชีพมากเสมอ ผมไม่เคยเห็นเขาดื่มด้วยซ้ำ เขาดูแลตัวเองสุดๆ”
“เมื่อคุณมาฝึกซ้อม คุณก็จะเห็นเขาอยู่ในยิมแล้ว จากนั้นเขาก็จะอยู่ฝึกซ้อมพิเศษ หลังการฝึกซ้อมปกติของเขาเสร็จสิ้น ก่อนที่จะไปว่ายน้ำต่อ และจากนั้นก็กลับมาที่ยิมอีกครั้ง เขามุ่งมั่นที่จะเป็นที่สุดเสมอ”
ลองคิดดูว่า แรชฟอร์ด และ เมสัน กรีนวู้ด จะโหดขึ้นขนาดไหน ถ้าได้ใช้เวลาร่วมกับ โรนัลโด้ สัก 2 ปี ไม่เพียงเท่านั้น โอกาสอันล้ำค่าในการได้เล่นเคียงข้างกับดาวยิงฝอยทอง ยังอาจทำให้ ป็อกบา ตัดสินใจต่อสัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ด ออกไปด้วย