ก่อนเปิดซีซั่น 2019-20 อาร์เซนอล คือหนึ่งในทีมที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของการเสริมทัพที่บอร์ดบริหารได้รับคำชมอย่างท่วมท้น
ภายใต้การนำทีมของ ราอูล ซานเญฮี ทีม “ปืนใหญ่” เล่นแร่แปรธาตุงบประมาณที่ใครก็เข้าใจว่าน้อยนิด อาศัย “สาลิกาลิ้นทอง” ขอซื้อทั้งระบบผ่อน ทั้งยืม จนได้แข้งฝีเท้าดีมากมาย
นักเตะอย่าง นิโคลัส เปเป้, ดานี่ เซบายอส, ดาวิด ลุยซ์ และ คีแรน เทียร์นี่ย์ ชื่อชั้นถือว่าไม่ธรรมดา และทุกฝ่ายเชื่อว่ายอดทีมจากลอนดอนเหนือ อาจะเป็นอีกทีมที่ลุ้นแชมป์ลีกได้ในฤดููกาลนี้
ทว่าทุกอย่างกลับตาลปัตร อูไน เอเมรี่ ปรับทีมไปปรับทีมมาสุดท้ายออกทะเล นักเตะใหม่ฟอร์มก็ไม่ดี นักเตะเก่าก็พึ่งพาไม่ได้ ยิ่งทำทีมยิ่งมืดมิดสุดท้ายเส้นทางระหว่างสองเราก็ถึงทางตัน
“เดอะ กันเนอร์ส” ต้องมานับหนึ่งใหม่ตั้งแต่กลางฤดูกาล กุนซือขัดตาทัพอย่าง เฟรดดี้ ลุงเบิร์ก ก็ไม่ใช่อัศวินขี่ม้าขาว และภายใต้แรงกดดันที่หนักหน่วงบอร์ดบริหารจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง “เสี่ยงพวงมาลัย” ให้ได้ก่อนขึ้นปีใหม่
20 วันนับตั้งแต่ปลดกุนซือคนเก่า คือช่วงเวลาที่ “ปืนใหญ่” ใช้เวลาสรรหา จนสุดท้ายหวยไปออกที่ มิเกล อาร์เตต้า อดีตนักเตะของทีมและมือขวาคนเก่งของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ทำไมต้อง…อาร์เตต้า
คำถามใหญ่ที่แฟนบอลสงสัยที่สุด คือทำไม อาร์เซนอล ไม่จ้างกุนซือระดับโลกมาเลย ทั้งๆ ที่ปัจจุบันคนเก่งๆ โปรไฟล์สวยๆ อย่าง มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี, เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ และ คาร์โล อันเชล็อตติ ก็ว่างงานอยู่
ตามรายงานของสื่ออังกฤษ จริงๆ แล้วเป้าหมายหลักของ “ปืนใหญ่” อยู่ที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ทว่าผลงานที่กำลังลอยลมกับ “จิ้งจอกสยาม” ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องทิ้ง เลสเตอร์ ซิตี้ การต่อสัญญาใหม่คือบริบทที่ชัดเจนในตัวอยู่แล้ว
ส่วนอีก 3 คนพูดตรงๆ เรื่องเงินมีส่วนเต็มๆ อย่าง “อันเช่” มีรายงานว่าจะได้่ค่าจ้างกับ เอฟเวอร์ตัน ว่าที่ทีมใหม่สูงถึง 11.5 ล้านปอนด์ มีกุนซือเพียง 3 คนในโลกเท่าที่ได้มากกว่าก็คือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, โชเซ่ มูรินโญ่ และ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่
อัลเลกรี กับ โปเช็ตติโน่ ที่กระพือกันมาก็เรียกไม่ต่ำกว่า 10 ล้านปอนด์ แถมยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกันออกไป อย่าง อัลเลกรี มีปัญหาเรื่องภาษาอังกฤษ ซึ่งบอร์ดบริหารปืนก็ไม่อยากให้ซ้ำรอยเดิมของ เอเมรี่ ที่สำเนียงการสื่อสารมีปัญหาจนโดนสื่อแซวอย่างหนัก
ในรายของ โปเช็ตติโน่ มันยากตั้งแต่เจ้าตัวเป็นอดีตกุนซือของ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ และที่สำคัญทีมที่พร้อมกว่าอย่าง บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น, เรอัล มาดริด, แมนฯ ยูไนเต็ด และ แมนฯ ซิตี้ ก็พร้อมส่งเทียบเชิญหากทีมมีการเปลี่ยนแปลงในเร็วๆ นี้
ที่สำคัญทั้งหมดปฎิเสธที่จะเข้ามารับ “เผือกร้อน” ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
สุดท้ายแล้ว อาร์เตต้า จึงกลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นค่าเหนื่อยที่ไม่แพงนัก การเป็นอดีตนักเตะที่รู้พื้นเพสโมสรเพราะเคยค้าแข้งกับทีมถึง 5 ปี และอดีตเยาวชนของ ลา มาเซีย ก็เคยเป็นเป้าหมายของทีมมาก่อนแล้วตั้งแต่สมัย อาร์แซน เวนเกอร์ อำลาทีมเมื่อปี 2018
คาดหวังอะไรจาก…อาร์เตต้า
แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมเลยแม้แต่สโมสรเดียว แต่เครดิตส่วนตัวของ อาร์เตต้า ถือว่ามีมากชนิดหวังผลได้ โดยเฉพาะการเคยทำงานกับยอดโค้ชอย่าง อาร์แซน เวนเกอร์ และการเป็นมือขวาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาุถึง 3 ปีเต็ม
ที่สำคัญตอนที่เจ้าตัวแขวนสตั๊ดใหม่ๆ ก็เนื้อหอมจัด นอกจาก อาร์เซนอล แล้ว กว่าที่ แมนฯ ซิตี้ จะดึงไปเป็นมือขวา ก็ต้องห่ำหั่นกับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ นายใหญ่ของ สเปอร์ส ที่อยากดึงไปร่วมทีมสตาฟฟ์เช่นกัน
สมัยเล่นให้ อาร์เซนอล มีหลายครั้งที่ เวนเกอร์ ปล่อยให้เจ้าตัวเป็นคนคุมซ้อมเองเลย จุดเด่นของว่าที่กุนซือวัย 37 ปีคือขยันศึกษาเกม ขยันวิเคราะห์แท็กติก ซึ่งขงเบ้งจากฝรั่งเศส ก็ชมว่า “มีความเป็นผู้นำ มีความหลงไหลในเกม รู้จักสโมสร และรู้ว่่าอะไรคือสิ่งสำคัญของ อาร์เซนอล”
ด้าน กวาร์ดิโอล่า ก็กล่าวถึงเช่นกันว่า “เขาช่วยผมเยอะมาก ตั้งแต่วันแรก ไม่ใช่แค่ 2 ฤดูกาลแรก เขามีวิธีทำงานที่ดีเยี่ยม มีความสามารถพิเศษในการวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่ทีมแพ้ ดังนั้นเขาจึงมองหาทางแก้ไขตลอดเวลา”
การได้อยู่กับ 2 ยอดกุนซือที่สไตล์บอลเป็นเกมรุกเอ็นเตอร์เทนเนอร์ แม้จะไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตัวจะทำทีมสไตล์ไหน แต่ก็คาดเดาว่าวิชาที่ซึมซับมา ปรัชญาการทำทีมยังไงก็ต้องเกมรุกเป็นหลัก มีครบทั้งความสวยงาม ดุดัน บอลพาสซิ่ง รวมถึงเกมเพรสซิ่งที่ดุเด็ดเผ็ดร้อน
งานนี้ไม่มีใครรู้ได้ จนกว่าเกมแรกจะผ่านสู่สายตา ?
อีกประเด็นที่น่าเชียร์คือโลกฟุตบอลสมัยใหม่ เรื่องอายุกุนซือกลายเป็นตัวเลขที่ไร้พรมแดน หลายๆ คนเริ่มต้นงานเร็ว และมีผลงานที่ดีด้วย ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็ ยูเลี่ยน นาเกิ้ลมันน์ ของ ไลป์ซิก หรือ มาร์โค โรเซอ ของกลัดบัค
จุดขายของกุนซือวัยหนุ่มเหล่านี้คือเรื่องของ ความสด ความใหม่ ความหลากหลาย พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้้ซูเปอร์สตาร์ดัง อาศัยการผสมผสานระหว่างนักเตะเก๋ากับแข้งดาวรุ่ง ปั้นทีมจนสู้กับบิ๊กอย่าง บาเยิร์น หรือ ดอร์ทมุนด์ ได้อย่างสูสี
ตรงนี้ตอบโจทย์ อาร์เซนอล เต็มๆ เพราะพวกเขาเป็นทีมที่ทำธุรกิจฟุตบอลจริงๆ เงินทุกบาท กำไรทุกเม็ด มาจากการบริหารไม่ใช่นายทุน ดังนั้นมันไม่มีหรอกงบที่หล่นจากฟ้า ที่จะโปรยปรายให้โค้ชที่ขึ้นหิ้งแล้วได้จับจ่ายใช้สอยราวกับช็อปปิ้งในห้างสรรพสินค้า
รู้ว่าเสี่ยงแต่ปืนต้องขอลอง
ปัญหาใหญ่ที่สุดของ อาร์เตต้า กับงานกุนซือครั้งแรกในอาชีพคือ อาร์เซนอล ไม่ได้มีเวลาให้มากพอ ยิ่งสถานการณ์ออกทะเลมาไกลลิบโลก ใครๆ ก็พากันกลัวว่าจะเป็น “ลีดส์ 2”
ผลงานในสนามเท่านั้นที่จะพิสูจน์ทุกอย่าง และมันจำเป็นอย่่างยิ่งที่กุนซือวัย 37 ปีจะต้องปรับตัวกับให้ไว และพาทีมกลับฝั่งให้เร็วที่สุด
ในทีมชุดนี้คนที่เล่นทันว่าที่กุนซือใหม่น่าจะเหลือแค่ เมซุต โอซิล คนเดียวเท่านั้น ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่าอาจจะเป็นตัวปัญหาเหมือนกัน เพราะฟอร์มที่โรยราไปตามกาลเวลา เล่นดีบ้าง เล่นไม่ดีบ้าง แต่เจ้าตัวก็ยังเป็น “แข้งซีเนียร์ส” ที่แฟนบอลรักเบอร์ต้นๆ อยู่ดี
“ปืนใหญ่” ชุดนี้รูรั่วเต็มไปหมด นอกจาก แบรนด์ เลโน่ กับ ปิแอร์ เอเมริค โอบาเมย็อง ที่รักษามาตรฐานได้อย่างยอดเยี่ยม ที่เหลือสอบตกอย่างสิ้นเชิง พูดง่ายๆ หาทำยาดีไม่ได้เลยในครึ่งฤดูกาลแรก
เกมรับที่โดนยิงไปแล้วถึง 27 ประตูจะแก้ยังไง อาร์เตต้า เห็นกับตาตัวเองแล้วในเกมที่พา แมนฯ ซิตี้ มาถล่มคาบ้าน 3-0 ไหนจะตำแหน่งแบ็กซ้ายที่ คีแรน เทียร์นี่ย์ กับ เซอัด โคลาซินัช นัดกันเจ็บยาว
อาร์เซนอล เคยเสี่ยงกับนักเตะค่าตัวแพงอย่าง นิโคลัส เปเป้ ที่หวังจะเป็น “หมัดเด็ด” ในการต่อกรกับทีมอื่นๆ ทว่าจนถึงตอนนี้ไม่เป็นโล้เป็นพายสักอย่าง การเสี่ยงครั้งใหม่กับกุนซือป้ายแดงบอกเลยอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาก็เป็นได้
เพราะในโลกแห่งความจริง บางเรื่อง บางราว เขาให้ผิดพลาดได้ไม่เกิน 2 ครั้งเท่านั้น