แม่ทัพคนใหม่! ส่องรายชื่อ 7 แคนดิเดตว่าที่กุนซือช้างศึก

ช้างศึก

สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เพิ่งออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า อากิระ นิชิโนะ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น ออกจากตำแหน่งกุนซือทีมชาติไทย เรียบร้อยแล้ว หลังผลงานตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ไม่เป็นไปตามเป้าที่วางเอาไว้ หลังพลาดตกรอบฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่สอง แบบน่าผิดหวัง

การจากไปของ อากิระ นิชิโนะ ทำให้เกิดคำถามตามมาเกี่ยวกับตำแหน่งกุนซือทัพ “ช้างศึก” ที่เพิ่งว่างลง และมีการคาดเดามากมายเกี่ยวกับผู้ที่จะเข้ามารับงานต่อจากเทรนเนอร์ชาวญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นมือขวาอย่าง “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด ซึ่งกำลังถูกพูดถึงมากที่สุด หรือแม้กระทั่งข่าวเชื่อมโยงกับบรรดาเทรนเนอร์ชาวเกาหลีใต้

โดยวันนี้ UFFARENA จะขอพาไปส่อง 7 รายชื่อว่าที่แคนดิเดตกุนซือใหม่ทีมชาติไทย ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นใครกันบ้าง และฝีไม้ลายมือยอดเยี่ยมแค่ไหน ดีพอจะก้าวขึ้นมาเป็นเฮดโค้ช “ช้างศึก” คนใหม่ได้หรือไม่

 

จุง แฮ-ซอง

หลังความผิดหวังกับการดึงตัวกุนซือชาวญี่ปุ่น อย่าง อากิระ นิชิโนะ มาคุมทีมชาติไทย ทว่าผลงานกลับไม่เป็นไปตามที่หลายคนคาดหวัง ทำให้เริ่มมีกระแสข่าวว่าสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ อาจเปลี่ยนไปใช้บริการของกุนซือสัญชาติเกาหลี แบบเดียวกับคู่ปรับอย่าง เวียดนาม ซึ่งกำลังฟอร์มยอดเยี่ยมสุดๆ ภายใต้การทำทีมของ ปาร์ค ฮัง ซอ

กระทั่งมีการเปิดเผยว่า จุง แฮ-ซอง อดีตผู้ช่วยกุนซือทีมชาติเกาหลีใต้ และอดีตเฮดโค้ช โฮจิมินห์ ซิตี้ ต้องการที่จะเข้ามารับตำแหน่งนายใหญ่ทัพ “ช้างศึก” คนใหม่แทนที่ นิชิโนะ

โดยผลงานที่ผ่านมาของ จุง แฮ-ซอง ถือว่าไปธรรมดา เพราะนอกจากเคยเป็นมือขวาของกุนซือทีมชาติเกาหลีใต้ อย่าง กุส ฮิดดิ้งค์ ในศึกฟุตบอลโลก 2002 เขายังเคยคุมทีมแกร่งในศึก เค ลีก ทั้ง ชุนนัม ดรากอนส์ และ เจจู ยูไนเต็ด มาแล้วด้วย

 

ลี ลิม-เซียง

เป็นอีกหนึ่งกุนซือที่มีชื่อเชื่อมโยงกับตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติไทย คนใหม่ สำหรับเทรนเนอร์วัย 49 ปี อย่าง ลี ลิม-เซียง ซึ่งฝีไม้ลายมือถือว่าอยู่ระดับท็อปของบรรดาโค้ชจากแดนกิมจิ เลยก็ว่าได้

ผู้จัดการทีมพลังโสม เคยผ่านการทำงานกับสามสโมสรลีกจีน อย่าง เชินเจิ้น, ยันเบียน เบคดู และ เทียนจิน ฉวนเจียน อย่างไรก็ตามผลงานที่สร้างชื่อให้กับเขามากสุดคือการพา ซูวอน ซัมซุง บลูวิงส์ คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ เกาหลีใต้ เมื่อซีซั่น 2019

แม้ยังไม่เคยมีประสบการณ์กับทีมชาติ ทว่าหากเจ้าตัวสนใจจะเข้ามารับงานกับ “ช้างศึก” ลี ลิม-เซียง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าเก็บไว้พิจารณาไม่น้อยทีเดียว

 

ฮอง เมียง-โบ

อดีตปราการหลังกัปตันทีมชาติเกาหลีใต้ ชุดคว้าอันดับ 4 ฟุตบอลโลก 2002 เป็นอีกหนึ่งกุนซือซึ่งกำลังตกเป็นข่าวกับทีมชาติไทย อยู่เช่นกัน และแฟนบอลบ้านเราอาจได้เห็นฝีมือการทำทีมของเขากันมาบ้างแล้ว กับการคุม อุลซาน ฮุนได ลงเล่นศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ 2021 รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งพวกเขาอยู่กับร่วมกลุ่มกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และสามารถเอาชนะ “เดอะ แรบบิท” ได้ทั้งสองเกม

นอกจากกำลังทำผลงานยอดเยี่ยมกับ อุลซาน ฮุนได ในฤดูกาลนี้ หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2013/2014 ฮอง เมียง-โบ เคยก้าวขึ้นไปรับตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติเกาหลีใต้ มาแล้ว ส่วนผลงานโดดเด่นสุดคือการพาทัพ “โสมขาว” U-23 คว้าเหรียญทองแดง โอลิมปิก เกมส์ 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ รวมถึงเหรียญเงิน เอเชี่ยน เกมส์ 2010 ที่เมืองกว่างโจว ประเทศจีน

หากดูจากโปรไฟล์และความสำเร็จของเทรนเนอร์วัย 52 ปี ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ฮอง เมียง-โบ คืออีกหนึ่งตัวเต็งที่มีโอกาสเข้ามารับงานกุนซือคนใหม่ของทีมชาติไทย แทนที่ อากิระ นิชิโนะ

 

รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค

เฮดโค้ชหนุ่มไฟแรงวัย 42 ปี เริ่มงานกุนซือแบบเต็มตัวกับ โปลิศ เทโร ตั้งแต่ช่วงเลกสองของซีซั่น 2018 ก่อนทำผลงานกับทัพ “มังกรโล่เงิน” ได้อย่างยอดเยี่ยมตลอด 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา จากสถิติพาทีมลงสนาม 35 นัดรวมทุกรายการ ชนะ 11 เกม เสมอ 6 เกม และแพ้ 18 เกม

แม้ประสบการณ์คุมทีมยังน้อย หากเทียบกับผู้จัดการทีมรายอื่นในศึก โตโยต้า ไทยลีก ทว่าฟอร์มของเขากับสโมสรกลับทำได้ดีกว่าที่หลายคนคาดหวังไว้ ซึ่งฤดูกาลที่ผ่านมา รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค พา โปลิศ เทโร จบอันดับ 11 ของตาราง

ด้วยเหตุผลทั้งหมดทำให้ เศรษฐา ทวีสิน อดีตผู้จัดการทีมชาติไทย มองว่า “โค้ชอ้น” คือ 1 ใน 3 กุนซือที่เหมาะสมเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ทัพ “ช้างศึก” แทนที่ อากิระ นิชิโนะ แน่นอนว่าแฟนบอลจำนวนไม่น้อยก็คงคาดหวังแบบนั้นเช่นกัน

 

จเด็จ มีลาภ

หากจะมองหาเฮดโค้ชประสบการณ์สูงสักคนเข้ามารับตำแหน่งกับทัพ “ช้างศึก” คนใหม่ต้องยอมรับว่า “เซอร์เด็จ” ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย หลังเทรนเนอร์ร่างใหญ่เคยผ่านการคุมทีมระดับแถวหน้าของเมืองไทย มาแล้วหลายสโมสร โดยเฉพาะ การท่าเรือ เอฟซี และ ชลบุรี เอฟซี

ผลงานเด่นสุดคือการพาขุนพล “ฉลามชล” ผงาดแชมป์ ไทย พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 2007 และแชมป์ฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ ปี 2010 พร้อมกับคว้าตำแหน่งผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมของลีกในปีเดียวกัน

หากแต่ว่าที่ผ่านมาเรายังไม่เคยเห็นฝีมือของ “มาสเซอร์จเด็จ” กับการคุมทีมชาติ และปฏิเสธไม่ได้ว่าแฟนบอลจำนวนไม่น้อยอยากเห็น จเด็จ มีลาภ กับการรับตำแหน่งกุนซือทีมชาติไทย ชุดใหญ่สักครั้ง

 

อนุรักษ์ ศรีเกิด

เรียกความสนใจจากแฟนบอลได้ไม่น้อย สำหรับลีลาการสั่งการข้างสนามของ อนุรักษ์ ศรีเกิด ในฐานะมือขวา อากิระ นิชิโนะ โดยเฉพาะศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย เมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งเขารับบทคอยยืนข้างสนามส่งเสียงติวเข้มการเล่นของทัพ “ช้างศึก” แบบไม่หยุดพักตลอด 90 นาที

อย่างไรก็ตามต้องบอกว่านี่ถือเป็นเอกลักษณ์ของ “โค้ชจุ่น” ตั้งแต่คุมทีมระดับสโมสร ไม่ว่าจะเป็นกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด หรือ ขอนแก่น เอฟซี ซึ่งแฟนบอลคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แถมฝีไม้ลายมือถือว่าไม่ธรรม เพราะเคยประสบความสำเร็จพา “เดอะ แรบบิท” คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ เมื่อปี 2014

นอกจากนั้นอดีตแข้งกองกลางทีมชาติไทย ยังเคยผ่านการทำงานกับทัพ “ช้างศึก” รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี พร้อมกับพาทีมครองแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี เมื่อปี 2015 มาแล้ว

เพราะฉะนั้นหากพูดกันตามตรง ด้วยประสบการณ์ และความสามารถซึ่งไม่เป็นสองรองใคร “โค้ชจุ่น” น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับตำแหน่งนายใหญ่ทีมชาติไทย คนใหม่แน่นอน

 

ธชตวัน ศรีปาน

นับตั้งแต่เริ่มต้นงานกุนซือกับ บีอีซี เทโร เมื่อปี 2009 อดีตตำนานแข้งทีมชาติไทย ทำผลงานยอดเยี่ยมต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพา เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ชุดดรีมทีมดับเบิ้ลแชมป์ โตโยต้า ไทยลีก และ โตโยต้า ลีก คัพ เมื่อซีซั่น 2016

ขณะที่ปัจจุบัน ธชตวัน ศรีปาน เพิ่งย้ายเข้ามารับตำแหน่งเทรนเนอร์ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว แต่ถึงกระนั้นชื่อของเขากุนซือวัย 49 ปี มักถูกพูดถึงทุกครั้งที่เริ่มมีกระแสข่าวเกี่ยวกับการเปลี่ยนตัวเฮดโค้ชทีมชาติคนใหม่

อย่างไรก็ตามเชื่อเหลือเกินว่ามีแฟนบอลจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ที่หวังได้เห็นอดีตแข้งเจ้าของฉายา “สุภาพบุรุษลูกหนัง” เข้ามานั่งบังเหียนทัพ “ช้างศึก” เช่นเดียวกับอดีตตำนานดาวยิงอย่าง ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ซึ่งมองว่า “โค้ชแบน” มีความสามารถมากพอที่ก้าวขึ้นมาเป็นเทรนเนอร์ทีมชาติไทย ในอนาคตอันใกล้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เป็นทางการ: ส.บอล ปลด นิชิโนะ พ้นกุนซือทีมชาติไทย