ก่อนหน้านี้ทางฝั่งสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศ ได้ออกมายืนยันว่าการแข่งขันศึก โตโยต้า ไทยลีก ซีซั่น 2020/2021 จะกลับมาลงสนามกันอีกครั้งในวันที่ 12 กันยายน ภายหลังจากที่โปรแกรมลงเตะจำเป็นต้องถูกพักเบรกไว้ชั่วคราวตั้งแต่เดือนมีนาคม เนื่องด้วยผลกระทบจากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทว่าล่าสุดสถานการณ์การระบาดในประเทศไทย ดีขึ้นตามลำดับ และเริ่มมีกระแสเรียกร้องจากแฟนบอลที่ต้องการให้เกมไทยลีก กลับมาลงเตะกันอีกครั้งในเร็ววันนี้ โดยไม่จำเป็นต้องรอจนถึงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นกำหนดเดิมที่ถูกวางเอาไว้จากทางสมาคมตั้งแต่ก่อนหน้า
ขณะเดียวกันมีอยู่หลายปัจจัยเช่นกันที่อาจส่งผลให้การแข่งขันศึก โตโยต้า ไทยลีก ฤดูกาลนี้ กลับมาลงเตะกันได้เร็วกว่ากำหนด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของวิกฤตโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายขึ้นเรื่อยๆ หรือการที่รัฐบาลผ่อนปรนมา
ตัวเลขผู้ติดเชี้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 ต้องลดลงอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่าหากศึกฟุตบอลไทยลีก หวังจะกลับมาลงสนามอีกครั้งตามกำหนดเดิมช่วงกลางเดือนกันยายน สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือเรื่องของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งตลอดหลายวันที่ผ่านมาสถานการณ์เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มแค่วันละไม่กี่รายเท่านั้น และไม่มีผู้เสียชีวิตเลยนับตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม หรือประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้ว
โดยจากสถิติล่าสุดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พบผู้ติดเชื้อเพิ่มแค่เพียง 3 รายเท่านั้น นั่นหมายความว่าหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ยังคงคลี่คลายลงอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้ ไม่แน่ว่าแฟนบอลอาจได้เห็นศึกฟุตบอลไทยลีก กลับมาลงฟาดแข้งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็เป็นได้
วิกฤตผู้เล่นและสต๊าฟฟ์ขาดรายได้
ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะถูกมองข้ามไม่ได้ สำหรับเรื่องของปัญหาบรรดาผู้เล่นและสต๊าฟฟ์โค้ชของแต่ละสโมสรขาดรายได้ในช่วงไม่มีโปรแกรมการแข่งขัน ซึ่งกินเวลามานานกว่า 2 เดือนเต็ม จนเริ่มมีนักเตะหลายคนทยอยหันไปทำธุรกิจนอกสนามของตัวเองมากขึ้น เพื่อหารายได้เสริมให้กับตัวเองระหว่างช่วงพักเบรกจากการเล่นฟุตบอล
เพราะฉะนั้นหนึ่งในทางออกที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ คือการกลับมาลงสนามศึกฟุตบอลไทยลีก ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้เหล่านักฟุตบอล, สโมสร, สต๊าฟฟ์โค้ช รวมไปถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวของทั้งหมด กลับมามีรายได้เหมือนอย่างเดิมอีกครั้ง
มีลีกอื่นให้ดูเป็นตัวอย่าง
หลังจากการแข่งขันฟุตบอลทั่วโลกต้องหยุดไปนานกว่า 2 เดือนเต็ม เนื่องด้วยการระบาดของไวรัสโคโรน่า ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ศึกฟุตบอล เคลีก เกาหลีใต้ ถือเป็นลีกแรกของเอเชีย ที่สามารถกลับมาลงเตะกันได้อีกครั้ง ตามมาด้วย บุนเดสลีกา เยอรมัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
หากว่าทั้งสองลีกดำเนินการแข่งขันไปได้ด้วยดีหลังจากนี้ต่อไป อาจเป็นแนวทางและตัวอย่างให้กับลีกอื่น รวมไปถึงศึกฟุตบอลไทยลีก ซึ่งเมื่อวันพุธที่ผ่านมาทางฝั่งสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เพิ่งมีการหารือร่วมกับผู้บริหารบุนเดสลีกา พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพในสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อเตรียมข้อมูลและเตรียมความพร้อม หากรัฐบาลตัดสินใจผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์เมื่อใด มีโอกาสไม่น้อยเหมือนกันที่ศึกฟุตบอลลีกสูงสุดของไทย จะกลับมาลงสนามกันได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอถึงเดือนกันยายน ตามที่มีการวางแผนเอาไว้ก่อนหน้านี้
ต้องมั่นใจบุคลากรทุกสโมสรไม่ติดเชื้อ 100%
สิ่งสำคัญสุดก่อนที่เกมฟุตบอลไทยลีก จะสามารถกลับมาลงสนามกันได้อีกครั้ง ทางฝั่งสมาคมฟุตบอล และฝ่ายจัดการแข่งขันต้องมั่นว่าบุคลากรของแต่ละสโมสร ทั้ง ผู้เล่น, สต๊าฟฟ์ และเจ้าหน้าที่ทั้งหมด จะต้องไม่มีใครสุ่มเสี่ยงหรือติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบ 100 เปอร์เซ็นต์
โดยหลังจากนี้หากแต่ละสโมสรยืนยันได้ว่าบุคลากรไม่มีใครสุ่มเสี่ยงหรือมีผลตรวจไวรัสโคโรน่าเป็นบวก ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจุยหลักที่ทำให้ฟุตบอลกลับมาลงสนามกันได้เร็วกว่าเดิม ขณะเดียวกันที่ผ่านมายังไม่เคยมีการรายงานพบนักเตะหรือสต๊าฟฟ์โค้ชของบรรดาทีมในไทยลีก ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวเลยแม้แต่คนเดียว
รัฐบาลผ่อนปรนล็อกดาวน์ – ยกเลิกเคอร์ฟิว
เป็นที่รู้กันดีในตอนนี้ทางฝั่งรัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อคุมเข้มไม่ให้ประชาชนเกิดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นมาตรการล็อกดาวน์ หรือการประกาศใช้เคอร์ฟิวซึ่งจะมีต่อไปอีกอย่างน้อยจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน
อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่สถานการณ์การบาดของไวรัสอู่ฮั่น ในบ้านเราเริ่มดีขึ้นตามลำดับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้รัฐบาลตัดสินใจผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ไปแล้วถึง 2 ระยะ การใช้ชีวิตของผู้คนเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติมากขึ้น แต่ยังคงมีการใช้เคอร์ฟิวตั้งแต่ช่วงเวลา 5 ทุ่ม – ตี 4 ต่อไป มาตรการทั้งหมดถือเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการจัดการแข่งขันแทบทั้งสิ้น ไมว่าจะเป็นเรื่องของการรักษากฏการเว้นระยะห่างทางคม (Social Distancing) หรือแม้กระทั่งปัญหาเกี่ยวกับการเดินทางภายหลังจากที่แมตช์การแข่งขันจบลงระหว่างช่วงที่ยังมีเคอร์ฟิว ซึ่งหลังจากนี้หากมีการสั่งผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ในระยะต่อๆ ไป รวมไปถึงยกเลิกเคอร์ฟิว เมื่อนั้นฟุตบอลก็อาจจะกลับมาลงเล่นกันต่อได้ทันที
สมาคมต้องการกลับไปใช้ปฏิทินลงเตะแบบลีกเอเชีย
ก่อนหน้านี้สมาคมฟุตบอลไทย ได้ออกมายืนยันว่า การแข่งขันศึก โตโยต้า ไทยลีก มีการเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันใหม่ จากเดิมที่ออสตาร์ทซีซั่นเดือนกุมภาพันธ์ และจบลงช่วงตุลาคม ถูกเปลี่ยนใหม่เป็นตารางแข่งแบบเดียวกับลีกฟุตบอลยุโรป ซึ่งจะเริ่มคิกออฟเดือนสิงหาคมหรือกันยายน ก่อนลงเตะกันแบบข้ามปี และปิดฤดูกาลเดือนพฤษภาคม
อย่างไรก็ตามการปรับเปลี่ยนช่วงเวลาเปิด-ปิดฤดูกาลของไทยลีก ส่งผลให้ตารางการแข่งขันไม่สอดคล้องกับโปรแกรมลงเตะหลายทัวร์นาเมนต์ของเอเชีย โดยเฉพาะศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เดิมทีจะลงเล่นรอบแบ่งกลุ่มระหว่างเดือนมีนาคม ถึงพฤษภาคม โดยเป็นช่วงที่ศึกฟุตบอลไทย กำลังจะปิดฤดูกาลพอดิบพอดี ส่วนอีกหนึ่งรายการที่ได้รับผลกระทบเช่นกันคือ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ซึ่งจะลงเตะกันเป็นประจำระหว่างเดือนพฤศจิกายน จนถึงธันวาคม และไม่ได้อยู่ในโปรแกรมฟีฟ่า เดย์ ส่งให้อาจเกิดปัญหาใหญ่เกี่ยวกับการเรียกตัวนักเตะมาเล่นให้กับทีมชาติ นั่นหมายความว่าหากสมาคมต้องการเปลี่ยนช่วงเวลาการแข่งขันกลับมาใช้รูปแบบเดิม นี่อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่จะให้ทำเกมไทยลีก กลับมาลุยกันต่อก่อนกำหนดเดิมที่ได้วางแผนเอาไว้ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน