กลัวที่ไหน : รวมพล 9 คนลูกหนังกล้างัดลูกพี่คีโน่

 

รอย คีน ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่หลายคนหวั่นเกรงมากที่สุดในวงการฟุตบอล แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็มีหลายคนที่หาญกล้าต่อปากต่อคำกับ คีโน่ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

 

หลังจากแขวนสตั๊ดและหันมาทำหน้าที่กูรูทางช่องโทรทัศน์ต่างๆ อดีตกัปตันแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่เกรงกลัวที่จะแสดงความคิดเห็นแบบขวานผ่าซาก เป็นสาเหตุที่สร้างความไม่พอใจแก่นักเตะและผู้จัดการทีมที่โดนวิจารณ์ไม่น้อย 

 

และนี่คือ 7 คนในวงการที่หาญกล้าถกเถียงกับอดีตแข้งปีศาจแดง แถมบางคนยังเอาชนะด้วยวาทะสุดเจ็บแสบด้วย

 

 

เจอร์เก้น คล็อปป์

 

 

หลังได้ชมเกมที่ ลิเวอร์พูล ชนะ อาร์เซน่อล  3-1 ในแอนฟิลด์ คีน ได้กล่าวมีอยู่ช่วงหนึ่งที่แชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อนเล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่ในเกมนั้น

 

แต่เมื่อ คล็อปป์ กุนซือหงส์แดง ได้ยินการวิเคราะห์จากกูรูในสตูดิโอก็แสดงความไม่พอใจกับคำพูดนี้อย่างชัดเจน และยืนยันว่าลูกทีมของเขาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมแล้ว

 

“ผมได้ยินถูกหรือเปล่าว่า คุณคีนบอกว่าเราโชว์ฟอร์มได้สะเพร่าในคืนนี้ เพราะผมได้ยินคุณพูดแล้วนะ? เขาบอกแบบนั้นหรอ?” กุนซือชาวเยอรมันกล่าว

 

“นี่เป็นฟอร์มการเล่นที่แย่ในคืนนี้หรอ? บางทีเขาคงพูดถึงเกมอื่น ไม่ใช่เกมนี้แน่นอน นั่นเป็นคำอธิบายที่เหลือเชื่อ นี่เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ไม่มีอะไรแย่ ไม่มีอย่างแน่นอน”

 

กูรูจาก สกาย สปอร์ต มึนงงพอสมควรที่ถูกลากเข้าร่วมวงด้วยและพยายามชี้แจงความคิดเห็นที่เขาแสดงออกไปในเวลาต่อมา

 

 

โจนาธาน วอลเตอร์ส

 

 

คงไม่ผิดนักถ้าจะบอกว่า โจนาธาน วอลเตอร์ส และ คีน ต่างคนต่างไม่ชอบหน้าของอีกฝ่ายเท่าไหร่ ความบาดหมางของทั้งคู่มีมายาวนานและเกือบจะระเบิดขึ้นเมื่อ วอลเตอร์ส พยายามออกจาก อิปสวิช ทาวน์ในปี 2010

 

“เราปะทะกัน มันดูเหมือนเด็กๆเลยล่ะ เมื่อ 10 ปี ซึ่งนี่ไม่ใช่ผมในตอนนี้แล้ว แต่เพราะผมไม่ชอบถูกรังแก วิธีเหล่านั้น ผมจึงยืนหยัดเพื่อพวกเขา” อดีตกองหน้าชาวอังกฤษกล่าวกับ JOE สื่อออนไลน์แดนผู้ดีในปี 2019

 

“ผมแบบว่า ‘เข้ามาสิ มาซัดกันซักตั้ง ถ้าต้องการก็เอาเลย มาเลย ชกผมสิ ชกผม’ เขาตอบกลับ ‘แกต่อยฉันสิ และเราได้แลกกันแน่ๆ’ (ผมตอบกลับ) คุณรังแกทุกคนในสโมสร คุณรังแกสต๊าฟและนักเตะ แต่ผมไม่กลัวคุณหรอกนะ งั้นเคลียร์ให้รู้เรื่องแค่คุณกับผมนี่แหละ”

 

“ดังนั้น เราก็เลยเจอกัน ‘เอาสิ ต่อยผมเลย’ และจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมจึงเดินออกมาจากห้อง ทันทีที่ผมออกไป เขาพูดบางอย่างที่เป็นเรื่องส่วนตัว ที่ไม่เกี่ยวกับเขา แต่มันทำให้ผมเหลืออด ผมเลยปิดประตูและกลับเข้าไปอีก”

 

“ผมพูดไปแบบนั้นแหละว่า ‘มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย มาสิ มาวัดกัน ต่อยผมก่อนเลย และจะได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ถ้ามีโอกาส ผมจะซัดคุณให้หมอบแน่’ นั่นเป็นสิ่งที่ผมพูดกับเขา”

 

จากนั้นไม่กี่วันต่อมา วอลเตอร์ส ก็ไดย้ายมาร่วมทีมช่างปั้นหม้อด้วยค่าตัว 2.75 ล้านปอนด์

 

 

ปาโบล คูนาโก้

 

 

อีกหนึ่งคู่กรณีในอิปสวิช ทาวน์ เมื่อ คีน ได้ตำหนิคูนาโก้ หลังทำผลงานแย่กับทีมชุดสำรอง แต่ก็ต้องตกตะลึงทันทีที่กองหน้าทีมม้าขาวกล้างัดข้อกับเขา

 

“ผมไปที่ห้องแต่งตัวหลังเกม และตรงไปที่เขา” คีนกล่าวในหนังสืออัตชีวประวัติของเขาเมื่อปี 2014 “เขาสวนกลับว่า ‘ทีมจะชนะได้ยังไงถ้ามีคุณเป็นผู้จัดการทีม?’ ผมเกือบจะอัดเขาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำ”

 

หลังจากได้รู้ถึงรายละเอียดที่ถูกวิจารณ์ในหนังของอดีตแข้งชาวไอรแลนด์ คูนาโก้ ก็จัดหนักใส่อดีตกุนซือม้าขาวเป็นครั้งที่ 2 

 

“มันเป็นจุดจบที่น่าเศร้าสำหรับคนที่ยิ่งใหญ่ในฐานะนักเตะ อย่างที่ผมเคยบอกเขาไปแล้วครั้งนึง ผมคิดว่าเขาล้มเหลวสุดๆในการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล” คูนาโก้ กล่าวผ่านเว็บไซต์ TWTD

 

“ตามที่เขาบอกในหนังสือ เขาอยากจะอัดผม แต่เบื้องหลังการปรากฏตัวของเขานั้นคือคนขี้ขลาด ผมแค่หวังว่าเขาจะได้พบกับความสุขจริงๆในชีวิตนะ ในความคิดของผม การเป็นคนที่น่าสังเวชแบบนั้นต้องกัดกินจิตใจมากแน่ๆเลย”

 

 

ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล

 

 

แม้จะประสบความสำเร็จร่วมกันในสนาม แต่ คีน กับ ชไมเคิ่ล ก็ไม่ได้ลงรอยกันเสมอไปในช่วงที่ทั้งคู่เล่นด้วยกันใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

 

“ผมถกเถียงกับ ปีเตอร์ เมื่อเรามีทัวร์พรีซีซั่นที่เอเชียในปี 1998 ไม่นานหลังจากที่ผมหายจากการบาดเจ็บหนัก ผมคิดว่าเราอยู่ ฮ่องกง มีการดื่มเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย” คีนกล่าวในหนังสืออัตชีวประวัติของเขาเมื่อปี 2014

 

“มีความตึงเครียดเล็กน้อยระหว่างเราในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลด้านฟุตบอล ปีเตอร์จะออกมาตะโกนใส่ผู้เล่น และผมรู้สึกว่าบางครั้งเขากำลังเล่นกับแฟนบอลคนดูแบบ ‘มองมาที่ฉันสิ!’”

 

“เขาอาจจะทำเพื่อให้มีสมาธิ แต่ผมรู้สึกว่าเขาทำบ่อยเกินไปราวกับว่าเขากำลังบอกกับผู้คนว่า ‘ดูสิ่งที่ฉันต้องจัดการสิ’ ”

 

“เขาบอกว่า ‘ฉันทนแกมาพอแล้ว ถึงเวลาที่เราจะจัดการเรื่องนี้แล้ว’ ผมจึงพูดว่า ‘โอเค’ และเราก็ทะเลาะกัน รู้สึกราวๆ 10 นาที มีเสียงดังมากเพราะปีเตอร์เป็นคนที่ตัวใหญ่”

 

“ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น จำการต่อสู้ได้อย่างคลุมเครือ ผมปวดที่มือมากๆและนิ้วข้างหนึ่งงอไปข้างหลังเลย”

 

 

ไมกาห์ ริชาร์ดส์

 

 

ขณะที่ทำงานเป็นกูรูใน สกาย สปอร์ต ไมกาห์ ริชาร์ด ได้ย้อนความหลังว่าเขาแจ้งเกิดในตอนเป็นแข้งดาวรุ่งได้อย่างไร แต่ คีน กลับไม่ได้มองแบบนั้น  พร้อมกับจิกกัดไปว่า  “นายเคยแจ้งเกิดด้วยหรอ?”

 

แทนที่เลี่ยงตอบคำถามนี้ไป แต่อดีตลูกหม้อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับยืนหยัดเพื่อศักดิ์ศรีของตัวเอง พร้อมตอบกลับไปว่า “คุณจำลูกโหม่งในเกมพบ แอสตัน วิลล่า ได้มั้ย? คุณจำเรื่องนั้นไม่ได้หรอ? ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ?”

 

“อ่อ เดี๋ยวก่อนนะ ผมเล่นทีมชาติอังกฤษตอนอายุ 18 เป็นแนวรับอายุน้อยที่สุดที่เคยเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ ผมคงพูดได้นะว่านั่นคือการแจ้งเกิด”

 

 

เจมี่ คาร์ราเกอร์

 

 

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ถูกวิจารร์พอสมควร หลังพายูไนเต็ดพ่าย ลิเวอร์พูล 2-0 ในเดือนมกราคมปี 2020 แต่ คีน ก็ออกมาปกป้องอดีตเพื่อนเก่าและยืนยันว่าต้องให้เวลาอีกหน่อย 

 

อย่างไรก็ตาม เจมี่ คาร์ราเกอร์ กลับตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของโซลชาในงานนี้ และมองว่า ปีศาจแดง ควรตัดสินใจขั้นเด็ดขาดในการปลดเจ้าตัวออกจากตำแหน่ง เหมือนเช่น โชเซ่ มูรินโญ่ หรือ เดวิด มอยส์ ที่โชว์ผลงานไม่ดี ก็ต้องออกจากตำแหน่งไป

 

ประเด็นดังกล่าวได้ใหญ่โตจนเกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือดระหว่าง 2 กูรูในสตูดิโอโทรทัศน์แบบไม่มีใครยอมใคร จนกระทั่งภาพได้ตัดการสนทนาครั้งนี้ไป 

 

 

กาเบรียล ไฮน์เซ่

 

 

ไฮน์เซ่ ย้ายจาก เปแอสเช มาร่วมทีมปีศาจแดงในปี 2004 และแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้หวั่นเกรงหรืออ่อนข้อให้กับแข้งขาใหญ่ในห้องแต่งตัวของต้นสังกัดใหม่เลย

 

“เราแพ้ในการแข่งขัน และผมก็เข้าห้องแต่งตัวเป็นคนแรก และ รอย คีน ก็ตามมาเป็นคนที่ 2 ผมอยากเข้ามาก่อนหลังเกม ผมไม่อยากจะคุยกับใครตอนที่เราแพ้” อดีตแบ็คซ้ายชาวอาร์ไจนไตน์กล่าวกับ Pura Quimica รายการทีวีที่บ้านเกิดในปี 2017

 

“ผมไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเท่าไหร่ รู้แค่คำสบถ ผมได้ยินชื่อของผมและคำว่า ‘ไอ้หัวขวด’ จากรอย คีน นักเตะที่ดีที่สุด”

 

“ผมรู้ว่านั่นไม่ดีเท่าไหร่ ผมจึงลุกขึ้นงัดกับเขา ไอดอลของแมนชสเตอร์คนนี้ คนที่ทุกคนชื่นชอบปลาบปลื้ม และตอบกลับไปว่า ‘ไสหัวไปซะ ไอ้เวร’ และผมก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น”

 

 

ปาทริซ วิเอร่า

 

 

ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 ถึงต้น 2000 ความเป็นปรปักษ์กันระหว่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและอาร์เซนอลกลายเป็นหนึ่งในภาพจำของพรีเมียร์ลีก เช่นเดียวกับ คีน และ วิเอร่า กัปตันทีมจาก 2 สโมสรที่ห้ำหั่นกันมาหลายศึกหลายคราในสนาม ทั้งที่ไฮบิวรี่และโอลด์แทรฟฟอร์ด

 

แม้จะเป็นไม้เบื่อไม้เบากันตลอดเวลาที่ได้ดวลแข่งกันในสนาม รวมถึงเหตุการณ์ใต้อุโมงค์แห่งตำนานในปี 2005 แต่ทั้ง 2 ต่างยอมรับถึงความเป็นผู้นำและฝีเท้าของกันและกันเสมอ หลังที่แขวนสตั๊ดจากอาชีพค้าแข้งแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม กองกลางชาวฝรั่งเศสก็แอบแขวะแกมหยอก คีโน่ แบบเล็กน้อยว่า แม้จะมีฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม แต่ถ้าได้ดวลหมัดกันจริงๆตนเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน

 

“ถ้าเราต้องต่อสู้กันมันคงต้องใช้เวลานานพอดูกว่าจะล้มเขาได้ และสุดท้ายผมก็ชนะอยู่ดี แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะยอมแพ้ง่ายๆ ผมไม่แปลกใจเลยเมื่อมีเรื่องราวของผมอยู่ในหนังสือของเขา เพราะเขาเขียนมาจากเรื่องจริงสมัยที่เขายังเป็นผู้เล่น” วิเอร่า กล่าวกับ เดอะ มิร์เรอร์ หลังถูกถามเรื่องหนังสืออัตชีวประวัติของ คีน 

 

 

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

 

 

ช่วงเวลา 26 ปีกว่าๆ ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก่อร่างสร้าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สู่การเป็นอาณาจักรอันยิ่งใหญ่นั้น มีนักเตะที่เปรียบเสมือนขุนพลคู่ใจมากมาย และ รอย คีน ก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

แต่ความสัมพันธ์ที่ดีในอดีต ไม่มีความหมายเลยในปัจจุบัน เมื่อ รอย คีน กลับมีความชิงชังในตัวเฟอร์กี้ อย่างฝังใจ และแสดงมันออกมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง นับตั้งแต่เขาลาโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แบบไม่สวยในปี  2005

 

แต่ในขณะเดียวบรมกุนซือชาวสก็อตก็ต้องมาตอกกลับอดีตลูกทีมฝีปากกล้าบ้างเช่นกันที่ไม่รู้จักโตในตอนนั้น  แม้จะไม่ได้กล่าวตรงๆและเลือกพูดในหนังสืออัตชีวประวัติของเขาในปี 2013 แทน

 

“เขาคิดว่าเขาคือปีเตอร์แพน ซึ่งไม่มีใครเป็นหรอก ส่วนที่ยากที่สุดของ รอย คือฝีปากของเขา สิ่งที่ผมสังเกตเห็นเกี่ยวกับตัวเขาในวันนั้นขณะที่ผมกำลังเถียงกับเขาก็คือ ดวงตาของเขาเริ่มหรี่ลงจนเกือบถึงเม็ดสีดำ มันดูน่ากลัวจริงๆ”