กลั้นไม่อยู่! 10 แข้งดังที่เคยหลั่งน้ำตาในสนาม

 

ซอน เฮือง มิน ถึงกับปล่อยโฮออกมาทันที เมื่อได้เห็นสภาพข้อเท้าที่หักของ อังเดร โกเมส ซึ่งมีต้นเหตุมาจากการเข้าสกัดของตัวเขาเอง โดยแนวรุกไก่เดือยทอง ยังคงเข้าไปร้องไห้ต่อในห้องแต่งตัวหลังจากถูก มาร์ติน แอตกินสัน ผู้ตัดสินในเกมนี้ชักใบแดงไล่ออกจากสนาม

 

แน่นอนว่าดาวเตะทีมชาติเกาหลีใต้ ไม่ใช่นักฟุตบอลคนแรกที่ร้องไห้ออกมาต่อหน้าคนดูนับหมื่นในสังเวียนแข้ง และ 10 นักเตะชื่อดังเหล่านี้ ต่างก็เคยเสียน้ำตาในสนามมาแล้วเช่นกัน

 

จอห์น เทอร์รี่

 

 

ในช่วงดวลจุดโทษชี้ขาดของเกม ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศปี 2008 จอห์น เทอร์รี่ กำลังจะกลายเป็นฮีโร่ของ เชลซี เพราะถ้าเจ้าตัวซึ่งเป็นมือปืนคนที่ 5 สังหารเข้าไป สิงโตน้ำเงินครามจะได้ครองถ้วยบิ๊กเอียร์เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรทันที

 

อย่างไรก็ตาม โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อกัปตันทีมสิงห์บลูส์ดันเสียหลักลื่นตอนยิงจนบอลที่ปล่อยออกจากเท้าพุ่งไปกระแทกเสาอย่างจัง ก่อนที่สุดท้าย นิโกล่า อเนลก้า ที่สังหารเป็นคนที่ 7 จะซัดไปติดเซฟ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ พร้อมส่งให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไปครอง และก็แน่นอน คนที่ทิ้งโอกาสสำคัญที่สุดอย่าง เทอร์รี่ ย่อมต้องเสียใจจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

 

เดวิด ซีแมน

 

 

ในฐานะนักฟุตบอล คงไม่มีความรู้สึกไหนที่เลวร้ายไปกว่าการเป็นต้นเหตุให้ประเทศของตัวเองกระเด็นตกรอบการแข่งขันฟุตบอลโลก และ เดวิด ซีแมน ต้องเผชิญกับชะตากรรมดังกล่าวในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ ของศึกเวิร์ลคัพ 2002 ที่อังกฤษพ่ายให้กับบราซิล 1-2

 

จริงอยู่ที่เราไม่อาจกล่าวโทษอดีตนายทวารอาร์เซน่อลโดยตรงได้ กับการที่ทัพสิงโตคำรามต้องโบกมือลามหกรรมลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก แต่ชื่อของเขาจะถูกแฟนบอลจดจำไปตลอดว่าเป็นคนที่ทำพลาด หลังจากเจ้าตัวกะจังหวะบอลตกไม่ดี จนทำให้ลูกฟรีคิกระยะ 40 หลาของ โรนัลดินโญ่ ลอยข้ามหัวเข้าไปเสียบข้างตาข่าย

 

เปเล่

 

 

ในฟุตบอลโลกปี 1958 เปเล่ ที่เพิ่งเคยได้สัมผัสศึกเวิร์ลคัพเป็นครั้งแรก สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมชาติบราซิลได้ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ , ยิง 2 ประตูในนัดชิงใส่สวีเดน , พร้อมพาทัพแซมบ้าคว้าแชมป์โลกมาครองได้เป็นสมัยแรก ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นในขณะที่ดาวเตะเจ้าของฉายา “ไข่มุกดำ” มีอายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น !

 

คงไม่จำเป็นต้องบรรยายถึงความรู้สึกในช่วงเวลาดังกล่าวของวัยรุ่นตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่ต่อมาจะพาประเทศของตัวเองขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดของโลกได้อีก 3 ครั้ง พร้อมได้รับการยกย่องให้เป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังจวบจนปัจจุบัน

 

จานลุยจิ บุฟฟ่อน

 

 

ในเดือนพฤศจิกายนปี 2017 ทีมชาติอิตาลีต้องอกหักจากการไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 หลังจากแพ้ให้กับสวีเดนในรอบเพลย์ออฟ ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1958 ที่ทัพอัซซูรี่ล้มเหลวในการพาตัวเองเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย

 

ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังถือเป็นเกมอำลาทีมชาติอันแสนเจ็บปวดของนายด่านระดับตำนานแห่งวงการฟุตบอลแดนมักกะโรนีอย่าง จานลุยจิ บุฟฟ่อน ด้วย

 

“ผมขอโทษที่เกมสุดท้ายของผมเป็นเกมที่เราไม่สามารถผ่านรอบคัดเลือกเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกได้” บุฟฟ่อน กล่าวหลังจบการแข่งขัน “ผมไม่ได้เสียใจแค่กับตัวเอง แต่ผมเสียใจกับวงการฟุตบอลอิตาเลี่ยนทั้งหมด”

 

มาริโอ บาโลเตลลี่

 

 

มาริโอ บาโลเตลลี่ คืออีกหนึ่งนักเตะทีมชาติอิตาลีที่หลั่งน้ำตาลงบนสนาม หลังจากที่ทีมของเขาพ่ายให้กับสเปนแบบยับเยิน 0-4 ในนัดชิงชนะเลิศศึก ยูโร 2012

 

“เกรียนโอ้” สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ และยิงไปได้ 3 ประตู ซึ่งการที่มาได้ไกลถึงรอบชิงในรายการที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ แต่ต้องมาผิดหวังในเกมที่สำคัญที่สุด ก็ทำให้เจ้าตัวไม่อาจเก็บความรู้สึกที่มีภายในได้หลังจากได้รับเพียงแค่เหรียญรองแชมป์

 

เดวิด เบ็คแฮม

 

 

เดวิด เบ็คแฮม ปิดฉากอาชีพการค้าแข้งของตัวเองในปี 2013 และได้รับการส่งตัวออกจากสนามอย่างสมเกียรติจากเพื่อนร่วมทีม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง รวมถึงทุกคนที่อยู่ในสังเวียน ปาร์ค เดอ แปรงส์ ในตอนที่ถูกเปลี่ยนตัวออกช่วง 10 นาทีสุดท้าย ในเกมที่ เปแอสเช เปิดบ้านเอาชนะ แบรสต์ ไป 3-1

 

การเดินออกจากสนามในฐานะนักฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งสุดท้าย คือช่วงเวลาที่สะเทือนอารมณ์สำหรับผู้เล่นทุกคน และน้ำตาของอดีตปีกปีศาจแดง ก็เป็นส่วนผสมระหว่างความสุขและความเศร้าที่กลั่นออกมาจากคนๆหนึ่งที่รักในเกมลูกหนังสุดหัวใจ

 

ดาวิด ลุยซ์

 

 

ความปราชัยแบบย่อยยับ 1-7 ของเจ้าภาพบราซิลที่มีต่อเยอรมันในศึกฟุตบอลโลก 2014 คือหนึ่งในการแข่งขันที่น่าตกใจที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนัง

 

และคนที่สวมปลอกแขนเป็นผู้นำของทัพเซเลเซาในเกมนั้นอย่าง ดาวิด ลุยซ์ ก็ถึงกับร้องไห้ออกมาหลังสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้าย เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมทีมของเขา และชาวบราซิลอีกหลายล้านคนที่ต่างก็เจ็บปวดอย่างที่สุดกับภาพที่ได้เห็น

 

ลอริส คาริอุส

 

 

ฟอร์มการเล่นของ ลอริส คาริอุส ในเกม ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ที่ ลิเวอร์พูล แพ้ให้กับ เรอัล มาดริด 1-3 เมื่อปี 2018 ถือเป็นผลงานที่อาจจะเรียกได้ว่า “หายนะ” ที่สุดในประวัติศาสตร์ของนัดชิงจ้าวยุโรป

 

โดยจอมหนึบชาวเยอรมัน ก่อความผิดพลาดแบบไม่น่าให้อภัยจนทำให้ต้นสังกัดของตัวเองเสียไปถึง 2 ประตู และเจ้าตัวก็ทำได้เพียงแค่เดินไปขอโทษต่อเหล่าเดอะค็อปที่ตามมาเชียร์ถึง เคียฟ พร้อมน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาจากหัวใจที่แตกสลาย

 

โมฮาเหม็ด ซาลาห์

 

 

และในแมตช์เดียวกันนั้นเอง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ต้องเดินออกจากสนามพร้อมทั้งน้ำตา หลังจากเกมนัดชิง ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ของเขาต้องจบลงก่อนเวลาอันควร เพราะเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บที่ไหล่จนเล่นต่อไม่ไหว จากการโดน เซร์คิโอ รามอส เข้าปะทะแบบน่าเกลียด

 

การร้องไห้ของดาวยิงลิเวอร์พูลในช่วงเวลานั้น ไม่ได้มีแค่ความผิดหวังที่เกิดขึ้นจากการอดเล่นในรอบชิง แต่ยังรวมถึงความกลัวที่อาจจะต้องพลาดการได้ไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายกับทีมชาติอียิปต์ด้วย

 

ลิโอเนล เมสซี่

 

 

ลิโอเนล เมสซี่ ต้องปวดใจกับช่วงเวลาในทีมชาติอาร์เจนติน่าหลายหน แต่หนึ่งในครั้งที่เขาเสียใจมากที่สุดคือนัดชิงชนะเลิศศึก โคปา อเมริกา 2016 ที่พบกับชิลี

 

โดยเกมดังกล่าว ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษชี้ขาด และสตาร์บาร์เซโลน่าที่เป็นมือสังหารคนแรกกลับเปิดฉากด้วยการยิงพลาด ก่อนที่สุดท้าย พลพรรค “ลา โรฆ่า” จะเป็นฝ่ายเอาชนะพร้อมซิวแชมป์ทวีปอเมริกาไปครอง

 

จากความผิดหวังในครั้งนี้ ทำให้ดาวเตะเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัยตัดสินใจประกาศอำลาทัพฟ้าขาวหลังจบทัวร์นาเมนต์ ก่อนที่ในสัปดาห์ถัดมา เจ้าตัวจะเปลี่ยนใจกลับมารับใช้ชาติอีกครั้ง