เปาโล มัลดินี่ในตำแหน่งกองกลางงั้นหรอ? แต่อะไรก็ดูเป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ หากทีมของคุณมีเป็ป กวาร์ดิโอล่าเป็นกุนซือ และ UFA ARENA จะพาทุกท่านไปพบกับนวัตกรรมใหม่ที่อดีตลูกหม้อบาร์เซโลน่าเป็นคนสร้างสรรค์กัน
ตั้งแต่ เป็ป กวาร์ดิโอล่า ก้าวขึ้นรับงานผู้จัดการทีม เขามักจะไอเดียและวิธีคิดในการสร้างตำแหน่งหรือเทคนิคใหม่ๆในวงการลูกหนังเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการดัน ลิโอเนล เมสซี่ ขึ้นไปเล่นเป็นหน้าเป้าท้าชนกับแผงหลังร่างยักษ์ของทีมคู่แข่ง, การให้ฟูลแบ็คทั้งสองข้างหุบเข้ามาใกล้กับกองกลางเพื่อกลยุทธ์เน้นครองบอล หรือการมีผู้รักษาประตูที่ใช้เท้าในการเล่นหรือออกบอลได้อย่างโดดเด่น ซึ่งบางครั้งอาจจะดีกว่ากองกลางของคู่แข่งบางคนด้วยซ้ำไป
นั่นทำให้บางครั้งเรามองว่า กุนซือชาวสเปนิชไม่ต่างอะไรกับอาจารย์ในคลาสวิชาชีววิทยาที่มักจะชอบให้เด็กนักเรียนทดลองอะไรแปลกอยู่เสมอ จนบางคนถึงกับลมจับเมื่อได้เจองานทดลองชิ้นนั้น และนักเรียนคนล่าสุดก็คือ อูไน เอเมอรี่ นายทีมใหญ่อาร์เซน่อลที่เสียท่าให้เป็ปในเกมล่าสุดแบบสู้ไม่ได้เลย
กวาร์ดิโอล่าเผยผลงานล่าสุดของเขา “กองหลังตัวหลอก” ต่อหน้าแฟนบอลราวๆ 54,483 คนในสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม ซึ่งแฟร์นานดินโญ่ คือนักเตะที่รับบทบาทในตำแหน่งอันย้อนแย้งนี้
และนับตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่ในอังกฤษ แทคติกของเขาก็ดูจะบ้าบิ่นไปอีกขึ้น
ผู้คิดค้นและสร้างสรรค์
ย้อนกลับสมัยสร้างชื่อกับบาร์เซโลน่าในตำหน่งผู้จัดการทีม เป็ปเป็นคนนำสไตล์ ติกิ-ตาก้า ซึ่งเป็นการเล่นบอลในพื้นที่แคบๆ และเคาะชิ่งบอลไปมาเพื่อหาช่องในการโจมตีมาสู่ทีมแห่งแคว้นกาตาลัน ซึ่งมันได้ผลเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในลีกหรือฟุตบอลระดับทวีปก็ตาม เป็ปกวาดแชมป์ในสเปนมาเรียบร้อยทุกรายการ
อีกสิ่งที่ไม่พูดไม่ได้คือ การดันเมสซี่ไปเล่นเป็นหน้าเป้า และนิยามกองหน้าชนิดใหม่ขึ้นมาว่า ‘ฟอลส์ ไนน์’ หรือกองหน้าตัวหลอก ซึ่งช่วยให้ดาวเตะอาร์เจนไตน์เป็นยอดนักเตะระดับโลกตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน
หลังจากประสบความสำเร็จในบ้านเกิด กวาร์ดิโอล่า หาความท้าทายใหม่ด้วยการไปลุยงานโค้ชที่เยอรมันกับบาเยิร์น มิวนิค และแน่นอนว่าเขาได้นำการเล่นในบาร์ซ่านำไปปรับใช้ในลีกเมืองเบียร์ด้วย ด้วยสิ่งนั้นยิ่งทำให้เสือใต้เป็นทีมที่ไร้เทียมทานขึ้นไปอีก ซึ่งการเข้ามาของเป็ปช่วยสร้างให้ มานูเอล นอยเออร์ เป็นสวีปเปอร์ คีปเปอร์ และก้าวขึ้นไปเป็นนายทวารอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทัพอินทรีเหล็กคว้าแชมป์โลกมาครองได้
3 ปีผ่านไป ถึงเวลาที่กุนซือหัวใสต้องโยกย้ายอีกครั้ง โดยครั้งนี้เขาเลือกมาคุมทีมเงินถุงเงินถังในอังกฤษอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งแม้จะล้มเหลวในปีแรก แต่ปีต่อมาเขาก็เรียนรู้จากความผิดพลาดและสร้างให้เรือใบกลับมาเป็นยอดทีมแห่งเกาะอังกฤษอีกครั้งในตอนนี้
และในแดนผู้ดี เป็ปก็ไม่พลาดที่จะสร้างสรรค์สิ่งแปลกๆให้วงการลูกหนังอีกครั้ง
รูปแบบและวิธีการ
นี่ไม่ใช่การดันเซ็นเตอร์แบ็คในทีมขึ้นไปเติมเกมรุกในช่วง 5 นาทีสุดท้าย หรือ ใช้กองหลังที่มีชั้นเชิงเข้ามายืนในแดนกลาง
เป็บได้สร้างตำแหน่งใหม่ให้กับแฟร์นานดินโญ่ ซึ่งในเกมนัดล่าสุด กองกลางทีมชาติบราซิลได้ลงไปยืนตำแหน่งเดียวกับ นิโคลาส โอตาเมนดี้ ในแผงหลังเลย
แต่ทันทีที่ซิตี้ได้ครอบครองบอล มิดฟิลด์วัย 33 ปี จะขยับขึ้นเล่นตรงกลางเหมือนเก่า และปล่อยให้โอตาเมนดี้ ยืนเฝ้าแผงหลังอยู่คนเดียว เพื่อให้นักเตะอย่าง เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน และ ดาบิด ซิลบา มีอิสระในการทำเกมมากขึ้น
หากดูจากสถิติจะเห็นว่าแฟร์นานดินโญ่สัมผัสบอลในเกมทั้งหมด 69 ครั้ง โดย 4 ครั้งมาจากในกรอบเขตโทษของซิตี้ ส่วนบริเวณกลางสนามเขาสัมผัสไป 10 ครั้ง ขณะที่การจ่ายบอลทำไป 57 ครั้ง มีแค่ 2 ครั้งเท่านั้นที่ออกบอลมาจากฝั่งตัวเอง
ด้วยการครองบอลที่เหนี่ยวแน่นทำให้ทีมปืนใหญ่ไม่สามารถหาช่องว่างในการเข้าเข้าทำได้ แม้ว่าพวกเขาจะใช้นักเตะที่มีความเร็วสูงอย่าง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง และ อเล็กซอง ลากาแซตต์ มาประสานงานเป็นคู่หูในแดนหน้าก็ตาม
กองหลังตัวหลอกจึงกลายเป็นผลงานใหม่ชิ้นโบว์แดงของเป็ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งในตอนนี้คงจะมีแค่เขาเท่านั้นที่ใช้งานนักเตะในทีมให้ทำแบบนี้และมีประสิทธิภาพสูงสุด
ผู้สืบทอดในอนาคต
ด้วยการกำเนิดของ ‘กองหลังตัวหลอก’ ครั้งนี้ทำให้เราสงสัยว่าทำไมเรือใบสีฟ้าถึงไม่ยอมทุ่มกำลังที่มีเพื่อล่าลายเซ็น แฟร้งกี้ เดอ ยอง กองกลางดาวรุ่งชาวดัชต์ ตัดหน้าบาร์เซโลน่าในช่วงตลาดเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ลูกหม้อจากอาแจ็กซ์วัย 21 ปีนอกจากจะเล่นในแดนกลางได้โดดเด่นเกินวัย เขายังถูกถอยไปเล่นเป็นสวีปเปอร์อยู่บ่อยครั้งด้วยในฤดูกาลนี้ นั่นทำให้เขาได้ครองบอลจากแผงหลังและออกบอลจากแนวลึกให้ผู้เล่นในแดนหน้าได้
ด้วยเหตุนี้ทำให้กวาร์ดิโอล่าต้องเจอกับหนึ่งในงานที่ยากที่สุดในการคุมแมนซิตี้แล้ว นั่นก็คือการหาตัวแทนของแฟร์นานดินโญ่ในตำแหน่งนี้ เนื่องจากเป็ปมีเขาเป็นตัวเลือกคนเดียวในตำแหน่งนี้ แถมอายุของกองกลางชาวแซมบ้าก็เลยเลขสามมาแล้วด้วย
แต่ก็ไม่แน่หรอก ด้วยมันสมองระดับอัจฉริยะของกวาร์ดิโอล่าอาจจะเปลี่ยนนักเตะในทีมอย่าง เอเลียควิม มองกาล่า ให้กลายเป็นยอดกองหลังตัวหลอกในฤดูกาลหน้าก็เป็นก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ จริงมั้ย?
