กอร์ดอนระวัง : เจฟฟเฟอร์ส ดาวรุ่งท็อฟฟี่ผู้ดับแสงหลังลาทีม

กอร์ดอนระวัง : เจฟฟเฟอร์ส ดาวรุ่งท็อฟฟี่ผู้ดับแสงหลังลาทีม

หลังจากที่งอแงไม่ยอมโผล่มาซ้อมกับสโมสร ในที่สุด แอนโธนี่ กอร์ดอน ปีกดาวรุ่งของ เอฟเวอร์ตัน ก็ได้ย้ายทีมสมใจ หลังเปิดตัวซบ นิวคาสเซิ่ล อย่างเป็นทางการเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

กอร์ดอน ย้ายมาเล่นกับ ‘ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน’ ตั้งแต่อายุ 11 ขวบ และได้รับการปลุกปั้นมาตั้งแต่ตอนนั้น และได้ไต่เต้าจนมาเล่นชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2017 แต่มาแจ้งเกิดจนได้เป็นตัวหลักของทีมจริงๆ เกิดขึ้นในฤดูกาล 2021-22 ช่วงที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด กุมบังเหียน หลังลงเล่นไป 40 นัด ซัดไป 4 ประตู พร้อมมีส่วนช่วยให้ทีมรอดตกชั้น

แม้โด่งดังได้ปีเศษๆ ปีกวัย 21 ปี ก็ตัดสินใจลาถิ่น กูดิสัน ปาร์ค เพื่ออนาคตที่ดีกว่าทันที หลังทีมกำลังหนีตกชั้นอีกครั้ง ซึ่งจุดหมายก็คือ ‘สาลิกาดง’ ที่กำลังลุ้นคว้าตั๋วไปลุย แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้า

อย่างไรก็ตาม การย้ายไปทีมที่ดีกว่าทั้งๆที่แจ้งเกิดได้ไม่นาน อาจไม่ใช่เรื่องดีสำหรับ กอร์ดอน ก็เป็นได้ เพราะมีดาวรุ่งหลายคนที่ดับสนิทหลังลาต้นสังกัด และกรณีของเขาก็ทำให้หลายคนนึกถึง ฟรานซิส เจฟเฟอร์ส อดีตกองหน้าดาวรุ่งของ เอฟเวอร์ตัน ไม่น้อยเลย

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จะพาไปย้อนเรื่องราวของ เจฟเฟอร์ส ช่วงที่กำลังร้อนแรงในสี้เสือท็อฟฟี่ ก่อนล้มเหลวหลังย้ายทีมในเวลาต่อมา และเป็นสิ่งที่เขาเสียใจจนทุกวันนี้

 

ร้อนแรงเกินวัย

Everton TV | Everton Football Club

เจฟเฟอร์ส เป็นชาวลิเวอร์พูลโดยกำเนิด เขาลืมตาดูโลกในวันที่ 25 มกราคม ปี 1981 และเริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็กเหมือนแข้งอิงลิชชนทั่วไป ก่อนเข้าไปอยู่ในทีมอคาเดมี่ของ เอฟเวอร์ตัน ในเวลาต่อมา

ด้วยลีลาการเล่นที่ยอดเยี่ยมเกินวัยทำให้เขาได้โอกาสประเดิมชุดใหญ่ให้ ท็อฟฟี่ ด้วยวัยเพียง 16 ปี ในเกมพบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในปี 1997 แม้ลงเล่นในฐานะตัวสำรอง แต่เกมนั้นก็ทำให้หลายคนจดจำชื่อเขาในฐานะดาวรุ่งอนาคตไกล

ในชุดเยาวชน เขาพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ ในฤดูกาล 1997-98 หลังคว้าชัยในนัดชิงเหนือ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ทำให้เขาได้โอกาสเล่นชุดใหญ่เต็มตัวในฤดูกาลต่อมา

ผลงานหลังจากนั้น ต้องบอกว่าร้อนแรงใช้เล่น เมื่อฤดูกาล 1998-99 เจฟเฟอร์ส กดไป 7 ประตู จากการลงเล่น 17 เกมในทุกรายการ, 6 ประตูจาก 28 นัดในฤดูกาล 1999-2000 และอีก 7 ประตูจาก 14 นัดในฤดูกาล 2000-01 ทั้งๆที่เขามีปัญหาอาการบาดเจ็บข้อเท้าและหัวไหล่รบกวนก็ตาม

ขณะที่ทีมชาติอังกฤษชุดอายุไม่เกิน 21 ปี เจฟเฟอร์ส ก็ฟอร์มแจ่มไม่แพ้กัน ด้วยการกดไป 13 เม็ดจาก 16 นัด ทำสถิติเทียบเท่ากับ อลัน เชียเรอร์ สมัยเล่นให้ ‘สิงโตน้อย’ ก่อนทั้งคู่จะถูก เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ทำลายลงในปี 2022

ด้วยสไตล์การเล่นแบบกองหน้าจมูกไว พร้อมทำประตูได้เสมอในกรอบ 18 หลา ทำให้ลูกหม้อของ ‘ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน’ รายนี้ไปเข้าตา อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือใหญ่ของ อาร์เซน่อล ในเวลานั้นอย่างจัง

 

ไปทีมใหญ่แต่ทัศนคติกลับเล็กลง

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

เมื่อทีมระดับ ‘ปืนใหญ่’ ตามจีบย่อมทำให้ เจฟเฟอร์ส เกิดความหวั่นไหวเช่นกัน แม้เอฟเวอร์ตัน พยายามยื่นข้อเสนอสัญญาใหม่ให้พิจารณา และมีการเจรจราอยู่หลายเดือน แต่สุดท้ายเขาก็เลือกปฏิเสธสัญญาดังกล่าว

ในเวลาต่อมา เวนเกอร์ ได้ตัวกองหน้าดาวรุ่งไปร่วมทีมสมใจ โดยมีค่าตัวอยู่ราวๆ 8 ล้านปอนด์ พร้อมแอดออนอีก 2 ล้านปอนด์ ขึ้นอยู่กับโอกาสลงสนาม ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สูงเอาเรื่องกับนักเตะดาวรุ่งที่ขึ้นชุดใหญ่ไม่กี่ปี

อย่างไรก็ตาม โอกาสลงสนามของ เจฟเฟอร์ส ในสีเสื้อ ‘เดอะ กันเนอร์ส’ ก็มีไม่มาก เนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าและหัวไหล่ รวมไปถึงการมีกองหน้าระดับพระกาฬอย่าง เธียร์รี่ อองรี และ ซิลแว็ง วิลตอร์ ขวางทางอยู่

การพลาดโอกาสลงสนามบ่อยๆ ทำให้ เจฟเฟอร์ส เริ่มมีทัศคติที่แย่ลง และเจ้าตัวก็ยอมรับเรื่องนั้นหลังแขวนสตั๊ดได้ไม่นาน

“ผมออกไปปาร์ตี้ ใช้ชีวิต เลิกซ้อมเพราะผมคิดเสมอว่ายังไงก็ไม่ได้เล่นวันเสาร์อยู่แล้ว ตอนนี้ ผมมองย้อนกลับไปด้วยความเสียใจมากมาย” เจ้าตัว ย้อนความหลังกับ Independent ในปี 2014

“นั่นคือสิ่งที่ผมควรจะทุ่มเทไปมากกว่านี้ เวนเกอร์ให้โอกาสผมเท่าๆกับที่ให้คนอื่น ผมไม่มีคำแย่ๆที่จะพูดถึงเขาหรอก เขาบอกคุณว่าเป็นอย่างไร เป็นผู้จัดการทีมเพียงคนเดียวที่ผมจะเล่นให้”

“เขาบอกว่ามีหลายสิ่งเกิดขึ้นในหัวของผมที่ไม่ควรจะเป็นแบบนั้น และมันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในอาชีพของผม ผมไม่ได้บอกว่าผมเสียโอกาสไปทั้งหมด เพราะผมมีอาชีพที่ดีระดับนึง”

“ผมทำตามความทะเยอทะยานมากมาย แต่ผมพูดเสมอว่า ผมรู้ว่าผมมีความสามารถแค่ไหน ผมไม่เหยาะแหยะ ผมรู้ว่าผมเป็นนักเตะที่ดีแค่ไหน การลงเล่นทีมชาติอังกฤษนัดเดียวไม่พอ”

 

กว่าจะรู้ก็สายเกินไป

Interview: Francis Jeffers - 'If I was playing now I would never leave  Everton for Arsenal'

อาร์เซน่อล กลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2001-02 แต่ เจฟเฟอร์ส ได้ลงเล่นเพียง 6 เกมลีกเท่านั้นในซีซั่นดังกล่าว โดยเขาเป็นตัวสำรองที่ไม่ถูกใช้งาน ในเกม วิลตอร์ ยิง แมนฯยูไนเต็ด ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด การันตีแชมป์

ในฤดูกาลต่อมา หอกชาวอังกฤษ ได้ลงสนามมากขึ้นถึง 28 นัด แต่ก็ไม่สามารถเบียดทั้ง อองรี และ วิลตอร์ 2 ดาวยิงตัวหลักให้เป็นตัวสำรองได้

เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เขาลงเล่นให้ เอฟเวอร์ตัน 60 นัด ยิงไป 20 ประตูในวัย 20 ปี และตัวเขาก็ยอมรับว่าการเลือกปฏิเสธโอกาสลงเล่นสม่ำเสมอในพรีเมียร์ลีกกับ เอฟเวอร์ตัน เพื่อย้ายไปเป็นตัวสำรองให้ทีมที่ใหญ่กว่า เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ที่กว่าที่รู้ตัวก็สายเกินแก้ไปแล้ว

“ผมเปลี่ยนจากการเป็นนักเตะที่ลงเล่นประจำกับเอฟเวอร์ตัน ไปเป็นนักเตะที่แย่ลงและไม่สามารถอยู่ในทีมได้” อดีตแข้งวัย 42 ปี กล่าวในปี 2017

“เมื่อคุณนั่งอยู่ที่บ้านและนึกย้อนกลับไปถึงเส้นทางอาชีพที่หายไป ผมรู้สึกว่าหัวของผมสับสนไปหมด ผมยังเด็กอยู่ มันเป็นเรื่องยากเพราะผมรู้สึกว่าอาร์เซนอลคือทีมที่ดีที่สุดในลีก ณ เวลานั้น”

“มันเป็นการตัดสินใจที่ยากสำหรับผม เพราะผมเป็นชาวเอฟเวอร์ตัน ผมถือตั๋วฤดูกาลมาตลอดชีวิต มันเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่แต่ไม่เคยเวิร์คเลยกับผม”

โดยรวมแล้ว เจฟเฟอร์ส เล่นให้ ‘เดอะ กันเนอร์ส’ ไปเพียง 39 เกม ยิงได้ 8 ประตู และเล่นให้ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่แค่เกมเดียวที่แพ้ ออสเตรีย ในปี 2003 แม้ยิงประตูได้ตั้งแต่เกมเดบิวต์ก็ตาม

อาชีพหลังจากนั้นของเขา กลายเป็นแข้งพเนจรเต็มตัว โดยย้ายไปเล่นกับ แบล็คเบิร์น และเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ก่อนจะไปค้าแข้งในออสเตรเลีย, สกอตแลนด์ และมอลตา

ในที่สุด เจฟเฟอร์ส ก็แขวนสตั๊ดในวัย 32 ปี เมื่อปี 2013 หลังล้มเหลวในการทดสอบฝีเท้ากับทีมนอกลีกอย่าง บิวรี่ และ เชสเตอร์ และแม้ถึงขั้นเดินทางไปสิงคโปร์เพื่อฝึกซ้อมกับ บรูไน ดีพีเอ็มเอ็ม ก็ไม่ได้รับสัญญาแต่อย่างใด

ปัจจุบัน เขากลายเป็นโค้ชชุดใหญ่และผู้ช่วยของ เดวิด อันสเวิร์ธ อดีตแข้งรุ่นพี่เอฟเวอร์ตัน ที่กำลังคุม โอลด์แฮม แอธเลติก สโมสรในเนชั่นแนล ลีก อยู่

ไม่ว่าการย้ายไป นิวคาสเซิ่ล ของ กอร์ดอน จะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ เรื่องของ เจฟเฟอร์ส เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างชัดเจนว่าการย้ายไปทีมใหญ่ในเวลาที่ไม่เหมาะสมอาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดี และกว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไปแล้ว

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

คดีฉาวทำพิษ : ยูเวนตุสกับอนาคตที่สั่นคลอนหลังโดนตัดแต้ม
คดีฉาวทำพิษ : ยูเวนตุสกับอนาคตที่สั่นคลอนหลังโดนตัดแต้ม