การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ : อัศวินสีส้มจะเป็นอย่างไรหลังไร้คูมัน

 

การที่ โรนัลด์ คูมัน ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของ บาร์เซโลน่า ถือว่าไม่ใช่เรื่องผิดคาดหรือน่าแปลกใจอะไร เพราะนี่ถือเป็นโอกาสและความฝันที่เขาเฝ้ารอมานาน

 

แต่การรับงานใหม่ของ คูมัน ทำให้ตำแหน่งนายใหญ่ทีมชาติฮอลแลนด์ เว้นว่างลงอีกครั้ง และอาจส่งผลกระทบต่อการเตรียมตัวของทีมในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปที่จะจัดขึ้นในซัมเมอร์หน้าด้วย

 

อดีตกองหลังบาร์ซ่า เข้ามารับงานกับ อัศวินสีส้มในปี 2018 พร้อมกับทำผลงานได้น่าประทับใจ ด้วยสถิติชนะกว่า 55% ของจำนวนนัดทั้งหมดที่คุม และพาทีมเข้าชิงศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ในปี 2019 ด้วย 

 

ทว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้ทัพออรันเย่ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่ใช่งานง่ายเลยที่ สมาคมฟุตบอลฮอลแลนด์ จะหาคนคุมทีมแทน คูมัน ก่อนที่ ฮอลแลนด์ ต้องลงเล่นศึก ยูโร 2020 ในปีหน้า

 

 

ว่าที่กุนซือคนต่อไป

 

 

ใครก็ตามที่ได้รับการแต่งตั้งก็จะกลายเป็น นายใหญ่อัศวินสีส้มคนที่ 5 นับตั้งแต่ หลุยส์ ฟาน กัล พาทีมคว้าอันดับ 3 ในฟุตบอลโลกปี 2014 ซึ่งปัจจุบัน โค้ชชาวดัตช์ไม่ได้มีชื่อเสียงกว้างขวางและโด่งดังเหมือนที่เคยเห็นในยุค 90 

 

แต่ก็มี 2 กุนซือมากแท็คติกที่ได้รับการจับตามองและเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แม้การจะโน้มน้าวให้พวกเขาลาบทบาทกับต้นสังกัดในปัจจุบันจะเป็นยากพอสมควรก็ตาม

 

ปีเตอร์ บอสซ์ คือรายแรกที่เราหมายถึง เขาพา ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้งคว้าอันดับที่ 5 ในบุนเดสลีก้า, เข้าชิง เดเอฟเบ โพคาล และทะลุรอบ 8 ทีมสุดท้ายในยูโรป้าลีก โดยตอนนี้เขามีสัญญาในถิ่น ไบอารีน่า ถึงเดือนมิถุนายนปี 2022

 

ดังนั้นนี่จึงเป็นตัวเลือกที่ไม่ง่าย เช่นเดียวกับ เอริก เตน ฮาก กุนซือหนุ่มไฟแรงจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม

 

 

ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ไม่มีผู้จัดการทีมคนไหนที่พุ่งพรวดโด่งดังแบบรวดเร็วไปมากกว่า อดีตโค้ชทีมสำรองของ บาเยิร์น มิวนิค อีกแล้ว อีกทั้งยังเคยได้ร่วมงานกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในสมัยที่คุมเสือใต้ด้วย

 

หลังลา อูเทร็คท์ มาคุม อาแจ็กซ์ ในปี 2017 เขาก็พาทีมเมืองหลวงแดนกังหันกลับมาครองความยิ่งใหญ่ในเอเรดิวิซี่อีกครั้ง และการคว้าแชมป์ลีกกับ ดัตช์ คัพ ในฤดูกาล 2018-19 รวมถึงพาทีมไปไกลถึงรอบตัดเชือกในแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนั้น เป็นหลักฐานที่บ่งบอกถึงความสามารถและกึ๋นของ เตน ฮาก ได้ดี

 

 

แต่เป็นเรื่องยากเหมือนกันที่ เตน ฮาก จะย้ายมาคุมทีมชาติ ในเมื่อยังมีอะไรหลายอย่างให้เขาทำในเกมระดับสโมสรมากมาย เพราะฉะนั้นหากมองไปที่ มาร์ค ฟาน บอมเมล ที่กำลังว่างงานอยู่ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย

 

อดีตกองกลางชาวดัตช์ พา พีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น ขับเคี่ยวแย่งแชมป์กับ อาแจ็กซ์ ของ เตน ฮาก ได้อย่างเข้มข้นดุเดือดตลอดฤดูกาล 2018-19 แย่หน่อยที่ฤดูกาลต่อมา เขากลับผลงานตกลงจนโดนปลดกลางฤดูกาล 2019-20 และยังว่างงานอยู่จนถึงปัจจุบัน ทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่เป็นไปได้ง่ายที่สุดสำหรับตำแหน่งนายใหญ่ออรันเย่คนใหม่

 

 

อีกทั้ง ฟาน บอมเมล ไม่ใช่คนแปลกหน้าไร้ประสบการณ์ในเกมระดับชาติเลย เมื่อเขาเคยช่วยงาน เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ พ่อตาของตนยามคุมทีมชาติ ซาอุดิอาราเบีย และ ออสเตรเลีย แม้จะเป็นตัวเลือกที่เสี่ยง เขาก็รู้จักและคุ้นเคยกับผู้เล่นทีมชาติฮอลแลนด์ชุดปัจจุบันหลายคน เช่น เมมฟิส เดอปาย หรือ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ซึ่งนี่น่าจะทำให้เขาได้รับความเคารพจากนักเตะภายในทีมได้ทันที

 

ขณะที่ แฟรงค์ เดอ บัวร์ ก็เป็นกุนซือว่างงานที่น่าสนใจอีกราย หลังแยกทางกับ  แอตแลนต้า ยูไนเต็ด ในปีนี้ และประสบการณ์คุมทีมของเขาก็โชกโชนไม่น้อย ทั้งเป็นสต๊าฟโค้ชทีมชาติฮอลแลนด์ชุดรองแชมป์โลกปี 2010 และกุนซืออาแจ็กซ์ ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ศตวรรษที่ 21 ด้วยการคว้าแชมป์ 4 สมัยติด

 

 

อย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวที่เขาเคยแสดงให้เห็นกับ อินเตอร์ มิลาน, คริสตัล พาเลซ ก็อาจเป็นสิ่งที่สมาคมลูกหนังแดนกังหันลมกังวลไม่น้อยที่มอบตำแหน่งให้

 

อีกคนที่โผล่ขึ้นมาเป็นตัวเลือกแบบเซอร์ไพรส์ก็คือ อาร์เซน เวนเกอร์ อดีตกุนซือระดับตำนานของ อาร์เซน่อล ที่ไม่ต้องบรรยายถึงความยอดเยี่ยมของเขาให้มากความ โดยมีข่าวว่าเขาอาสาคุมทีมอัศวินสีส้มแทนที่ คูมัน ลงจากตำแหน่งนี้

 

อย่างไรก็ตาม กุนซือเลือดน้ำหอมก็ยืนยันว่าข่าวลือที่ออกไปไม่ใช่ความจริง และยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับใครเลย ในขณะที่กำลังวุ่นอยู่กับงานประธานฝ่ายพัฒนาฟุตบอลทั่วโลกของฟีฟ่าอยู่ เพราะฉะนั้น เคเอ็นวีบี กาชื่อของ เวนเกอร์  ทิ้งไปได้เลย

 

 

ใครได้หรือเสียประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลง

 

 

คนที่เราไม่ได้เอ่ยว่าอาจเป็นกุนซือถาวร ก็คือ ดไวท์ โลเดเวเจส อดีตมือขวาของ โรนัลด์ คูมัน ที่ได้ขึ้นมาคุมทีมแทนแบบชั่วคราวในเกมยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ที่จะพบกับ โปแลนด์ และ อิตาลี ถ้าหากเขาทำผลงานได้น่าประทับใจมากพอก็อาจได้รับสัญญาถาวรไป แต่จะเป็นแบบนั้นหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของอนาคตต่อไป

 

ในขณะที่ผู้เล่นทีมชาติฮอลแลนด์ชุดปัจจุบัน ก็อาจได้หรือเสียประโยชน์ในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เช่นกัน โดยขึ้นอยู่กับว่ากุนซือคนใหม่ของทัพออรันเย่จะเป็นใคร

 

แต่แข้งที่ไม่ใช่ตัวหลักก็มีโอกาสได้ลงเล่นน้อยลง เมื่อไม่มีคูมันเป็นหัวเรือใหญ่อีกต่อไป แต่ถ้ากุนซือคนใหม่เป็นคนที่ชอบให้โอกาสแข้งดาวรุ่งลงสนาม แฟนบอลก็อาจเห็น โมฮาเหม็ด อิฮัตตาเรน และ ดอนเยล มาเลน จาก พีเอสวี ได้ลงสนาม เช่นเดียวกับ มีรอน เบาดู, คัลวิน สเต็งส์ และ ทูน คุปไมเนอร์ส 3 ดาวรุ่งจาก อาแซค อัลค์มาร์

 

นอกจากนี้ ช่วงเวลานับตั้งแต่นี้จนถึงศึกยูโรใน ซัมเมอร์ในปี 2021 น่าจะทำให้หลายๆคนได้มีโอกาสขึ้นมาเป็นตัวหลักได้ แต่ในขณะเดียวกันกุนซือคนใหม่ที่เขามาก็ไม่ได้การันตีว่าเขาจะประสบความสำเร็จได้เท่าๆกับที่ คูมัน ทำไว้เช่นกัน

 

 

11 ตัวหลักที่คาดว่าจะได้ใช้ในยูโร 2021

 

 

ทีมอัศวินสีส้ม ต้องรออีกนานราวๆ 1 ปี ถึงจะได้ลงแข่งในทัวร์นาเม้นต์ระดับชาติที่ควรจะจบลงตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาแล้ว แต่การแพร่ระบาดของ โควิด-19 กลายเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้การแข่งขันเลื่อนไปจัดในปีหน้าแทน แต่ยังมีเรื่องดีๆในช่วงเวลาที่มืดมนเช่นนี้

 

เมมฟิส เดอปาย คือนักเตะที่สำคัญที่สุดที่อาจพลาดลงเล่นในยูโรแน่นอน หลังเจ็บหนักบริเวณหัวเข่า แต่โควิดทำให้เขาหายทันช่วย โอลิมปิก ลียง ได้ แถมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนพาทีมทะลุรอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้ และถ้าไม่มีอาการบาดเจ็บอะไรมาขวาง เราก็น่าจะได้เห็น เดอปาย พาฮอลแลนด์ไล่ล่าคว้าแชมป์ยูโรสมัยที่ 2 ในปีหน้า

 

ในส่วนแดนกลาง ไวจ์นัลดุม และ แฟรงกี้ เดอ ยอง น่าจะลงเล่นเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว โดยมี มาร์เท่น เดอ รูน มิดฟิลด์ตัวเก๋าจาก อตาลันต้า ยืนต่ำสุดในแผงกลาง

 

ขณะที่แผงหลัง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กับ มัธไธส์จ เดอ ลิกต์ น่าจะครองตำแหน่งเซ็นแบ็คตัวหลักค่อนข้าง 100 เปอร์เซนต์ โดยแบ็คอาจใช้ ดาลี่ย์ บลินด์ ทางฝั่งซ้าย และ ฮันส์ ฮาเตบัวร์ ในฝั่งขวา ปิดท้ายด้วย แยสเปอร์ ซิลเลสเซ่น ในตำแหน่งผู้รักษาประตู

 

 

(4-4-3) ซิลเลสเซ่น : บลินด์, ฟาน ไดจ์ค, เดอ ลิกต์, ฮาเตบัวร์ : เดอ รูน, ไวจ์นัลดุม, เดอ ยอง : โปรเมส, เบิร์กไวน์, เดอปาย