กาเบรียล บาติสตูต้า : บันทึกเรื่องราวการค้าแข้งที่อิตาลีของดาวยิงระดับตำนาน

ในยุคสมัยหนึ่งที่ กัลโช่ เซเรีย อา รุ่งเรือง เราเคยได้รู้จักกับศูนย์หน้าผมยาวชาวละติน ผู้มาพร้อมกับภาพจำที่ว่าเมื่อได้จังหวะง้างเท้ายิงประตูทีไรเป็นต้องตาข่ายแหก ชายคนที่ว่านี้ก็คือ กาเบรียล บาติสตูต้า

 

เปิดตัวสู่วงการลูกหนังอิตาลี

 

เส้นทางลูกหนังที่อิตาลีของแข้งอาร์เจนตินาผู้นี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1991 ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมกับทีมชาติใน โคปา อเมริกา ทำให้รองประธานสโมสร ฟิออเรนติน่า รู้สึกประทับใจในฝีเท้าของเขาเป็นอย่างมาก กระทั่งเซ็นสัญญามาร่วมทีม ซึ่งตัวนักเตะก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะเพียงแค่ฤดูกาลแรกก็ซัดประตูให้กับทีมไปแล้ว 13 ลูก

 

อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลต่อมาทีมม่วงมหากาฬก็มีผลงานย่ำแย่จนร่วงตกชั้นไป เซเรีย บี ยังดีที่พวกเขาคว้าแชมป์จนเลื่อนชั้นขึ้นมาเตะในลีกสูงสุดได้อีกครั้ง และในฤดูกาล 1994/95 ก็เป็นปีที่ บาติสตูต้า เค้นฟอร์มการถล่มประตูที่ดีที่สุดของของเขาออกมา

 

เจ้าของฉายา บาติโกล กระหน่ำประตูไปถึง 26 ลูก จากการลงสนาม 32 เกมในลีก แต่ถึงจะล่อตาข่ายเป็นว่าเล่นจนคว้าตำแหน่งดาวซัลโวของลีกแบบทิ้งห่างอันดับ 2 ถึง 4 ประตู ฟิออเรนติน่า ก็ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่จบอันดับกลางตารางใน เซเรีย อา เท่านั้น

 

แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จกับต้นสังกัดของเขาเสียทีเดียว เพราะ บาติสตูต้า ก็คว้าแชมป์ โคปปา อิตาเลีย กับทางสโมสรได้ในฤดูกาล 1995/96

 

 

ความใฝ่ฝันคว้าสคูเด็ตโต้

 

อย่างไรก็ตาม เหมือนกับนักฟุตบอลอาชีพส่วนใหญ่ที่ต่างก็ต้องการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดให้ได้อย่างน้อยก็สักครั้งในชีวิต บาติสตูต้า เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เขาพยายามอย่างเต็มที่แล้วในการซัดประตูในลีกเกิน 20 ลูก ใน 3 ฤดูกาลสุดท้ายของเขากับ ฟิออเรนติน่า ซึ่งก็น่าเสียดายที่มันไม่มีแม้สักครั้งเลยที่จะดีพอช่วยให้ทีมได้สคูเด็ตโต้

 

กองหน้าแข้งหนักในวัย 30 ปี ณ ตอนนั้น ได้พิจารณาเรื่องย้ายทีมเพื่อประสบความสำเร็จในอาชีพมาสักพักแล้ว มันจึงถึงเวลาที่ต้องอำลาทีมรักอย่างช่วยไม่ได้ ในฤดูกาล 2000/01 เขาเซ็นสัญญาย้ายไปร่วมทีม โรม่า ด้วยค่าตัวที่ไม่น้อยเลยสำหรับผู้เล่นวัยนี้ และเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นความฝันของเขาก็เป็นจริง

 

โรม่า ผงาดคว้าแชมป์ เซเรีย อา โดยเฉือน ยูเวนตุส เพียงแค่ 2 คะแนนเท่านั้น แต่ระหว่างเส้นทาง บาติสตูต้า ก็มีช่วงเหตุการณ์ที่เขาทำใจได้ลำบาก

 

จำใจต้องซัดประตูใส่ทีมรัก

 

มันเกิดขึ้นในเกมการแข่งขันเมื่อเดือนพฤศจิกายน เมื่อต้นสังกัดใหม่ของเขาเปิดบ้านรับการมาเยือนของ ฟิออเรนติน่า ถ้าเลือกได้เขาก็คงไม่อยากที่จะยิงทีมเก่า แต่ในเมื่อมันเป็นไปตามวิถีของอาชีพ เขาก็จำเป็นต้องทำ

 

โชคชะตาก็ช่างเล่นตลก เมื่อเกมที่ยังไร้สกอร์ดำเนินมาถึงนาทีที่ 83 บาติสตูต้า ก็ได้จังหวะซัดวอลเลย์ด้วยขวาเข้าสู่ก้นตาข่ายอย่างสวยงาม กลายเป็นประตูชัยไปในที่สุด

 

ท่ามกลางเพื่อนๆ ร่วมทีมที่เข้ามาแสดงความยินดีด้วยสีหน้ารื่นเริงสุดขีด บาติสตูต้า กลับยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางวงล้อม

 

 

“ตอนจบเกมผมก็รู้สึกมีความสุข เพราะว่าเราได้ 3 คะแนนสำคัญ แต่หลังจากนั้นไม่นานผมก็ไม่สามารถห้ามตัวเองได้ แต่ผมรู้สึกเศร้ามากจริงๆ เมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาเหล่านั้นที่ผมค้าแข้งกับ ฟิออเรนติน่า” บาติสตูต้า เผยความรู้สึกกับนักข่าว หลังจากที่เขาเดินออกจากสนามด้วยน้ำตา

 

“ครอบครัวของผมโตขึ้นมาที่เมืองฟลอเรนซ์ หล่อหลอมให้ผมเป็นตัวของผมอย่างทุกวันนี้ และสิ่งเหล่านั้นมันก็ไม่สามารถที่จะเลือนหายไปได้เลย ผมก็หวังว่าแฟนๆ วิโอล่า จะเข้าใจสิ่งนี้ ผมคิดว่าผมได้แสดงความเคารพต่อพวกเขาแล้ว ผมไม่อยากที่จะทำร้าย ฟิออเรนติน่า หรอก บางครั้งคนเรามันก็จำเป็นต้องทำอะไรในสิ่งที่ไม่อยากทำ”

 

สิ้นสุดฤดูกาล เขาได้ชูถ้วยแชมป์สมใจ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่ โรม่า ได้สัมผัสสคูเด็ตโต้อีกด้วยนับตั้งแต่ปี 1983 เป็นต้นมา แต่หลังจากนั้นก็นับว่าเป็นขาลงในอาชีพของ บาติสตูต้า

 

บั้นปลายอาชีพของดาวยิงเท้าหนัก

 

ด้วยวัยที่ถือว่ามากแล้วสำหรับนักฟุตบอล ฟอร์มการเล่นจึงเริ่มถดถอย ขณะที่อาการบาดเจ็บก็เริ่มถามหา นั่นทำให้เขาไม่สามารถกลับมาถล่มประตูได้เหมือนเดิม กระทั่งระหว่างฤดูกาล 2002/03 เขาก็ถูกปล่อยยืมตัวให้กับ อินเตอร์ มิลาน แต่อะไรๆ ก็ไม่ดีขึ้น ทำให้เขาโยกไปส่องประกายเป็นครั้งสุดท้ายที่ตะวันออกกลางกับ อัล อาราบี ก่อนที่จะแขวนสตั๊ด

 

ความสำเร็จของ บาติสตูต้า นั้นเขาต้องแลกมากับอะไรหลายอย่าง นอกเหนือไปจากการที่จำต้องจากลาทีมรัก ก็ยังมีอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่เขาต้องแลกมากับการใช้แข้งขาหากินที่อิตาลีนับสิบปี

 

อดีตดาวยิงเท้าหนักต้องประสบปัญหาบาดเจ็บที่ข้อเท้า ถึงขนาดที่ว่าต้องขอร้องให้แพทย์ตัดขาเขาทิ้งออกไปเลยทีเดียว ยังดีที่คุณหมอไม่เล่นด้วย กระทั่งในภายหลังเขาเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งความเจ็บปวดมันก็ทุเลาลง แม้ว่าเขาจะยังเดินไม่ค่อยถนัดนักก็ตาม

 

บาติสตูต้า สามารถกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีกครั้งในเกมการกุศลเมื่อปี 2014 เกมนั้นเขายิงประตูไป 2 ลูก หนึ่งในนั้นเป็นการซัดอย่างทรงพลังจากระยะ 35 หลา ส่งบอลเสยเพดานตาข่าย ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เขาได้ครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดเส้นทางสายลูกหนังของเขาที่ประเทศอิตาลี