กำแพงเหล็กของเป๊ป : เจาะเบื้องหลังความเทพของคู่หู “ดิอาส-สโตนส์”

“เกมรุกจะทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์” วลีนี้ยังคงใช้ได้เสมอไม่ว่าจะยุคสมัยไหน และนั่นคือสิ่งที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังจะพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งในฤดูกาลนี้

 

จากที่เคยออกสตาร์ทฤดูกาล 2020-21 แบบสโลว์ไลฟ์ จนต้องหล่นลงไปใช้ชีวิตอยู่ครึ่งล่างของตารางในช่วง 10 นัดแรก ปัจจุบันทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า กลับทะยานขึ้นมาอยู่ในสถานะที่สามารถก้าวสู่ตำแหน่งจ่าฝูงได้หากแข่งเท่ากับทีมอื่น และปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้เรือใบสีฟ้าเดินหน้าเก็บชัยแบบรัวๆ คือการมี รูเบน ดิอาส กับ จอห์น สโตนส์ ยืนจังก้าขวางหน้าปากประตูอยู่

 

แต่คุณสงสัยไหม ว่าอะไรคือเบื้องหลังความแกร่งของปราการหลังคู่นี้ ?

 

ดิอาส ผู้ปลุกชีพ สโตนส์

 

หลายคนรู้ว่า สโตนส์ เป็นกองหลังที่เก่งที่สุดคนหนึ่งบนเกาะอังกฤษ คงไม่มีแนวรับกากๆคนไหนที่จะมีค่าตัวเกือบ 50 ล้านปอนด์ และติดทีมชาติไปแล้ว 39 นัด แต่ปัจจัยที่ทำให้แข้งวัย 26 ปีออกทะเล นอกจากเรื่องอาการบาดเจ็บแล้ว ยังเป็นเรื่องของจุดอ่อนที่เจ้าตัวมีมาแต่ไหนแต่ไร นั่นคือความมั่นใจ , สมาธิกับเกม และการตัดสินใจในบางจังหวะ ซึ่งชัดเจนว่าปัญหาทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่เรื่องของฝีเท้า

 

การมาของผู้บัญชาการในแนวรับอย่าง ดิอาส ที่ทั้งคอยอ่านเกม , โหวกเหวกสั่งการ และกระตุ้นเพื่อนตลอดเวลา จึงเหมือนเป็นการช่วยเติมเต็มจุดอ่อนเหล่านั้นของ สโตนส์ เมื่อรวมกับความเข้าขารู้ใจที่พัฒนาขึ้นไปตามชั่วโมงบินที่เล่นร่วมกันแล้ว ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมพวกเขาถึงกลายมาเป็นฝันร้ายของคู่แข่งในเวลานี้

 

 

เป๊ป เน้นเกมรับมากขึ้น

 

ด้วยความที่ แมนฯ ซิตี้ จบฤดูกาล 2019-20 ช้ากว่าชาวบ้านชาวช่อง จนไม่ได้มีเวลาเตรียมตัวสำหรับซีซั่นใหม่มากนัก รวมถึงปัญหาในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ที่ทั้ง เซร์คิโอ อเกวโร่ และ กาเบรียล เฆซุส จูงมือกันเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องเปลี่ยนมาเล่นแบบรัดกุมกว่าเดิม ทั้งในแง่ของแนวทางการเล่นและระบบการเล่น จากที่ฤดูกาลก่อนกุนซือชาวสแปนิชมักจะใช้กองกลางตัวรับแค่คนเดียว มาซีซั่นนี้เราได้เห็นเรือใบสีฟ้าลงสนามด้วยการมีกองกลางตัวรับสองคนยืนคู่กันเป็นส่วนใหญ่

 

ซึ่งการที่ ซิตี้ ไม่ได้ปูพรมถล่มคู่ต่อสู้อย่างเคย รวมถึงมีหมากในเกมรับเพิ่มมาอีกตัว มันก็ช่วยให้คู่หู ดิอาส-สโตนส์ เล่นได้ง่ายขึ้นตามไปด้วย

 

 

วัดกับเซนเตอร์แบ็คในกลุ่มบิ๊ก 6

 

รูเบน ดิอาส : เข้าแทคเกิ้ล 0.8 ครั้งต่อเกม , ตัดบอลได้ 1.1 ครั้งต่อเกม , เคลียร์บอลพ้นเขตอันตราย 3.1 ครั้งต่อเกม , ชนะในการดวลลูกกลางอากาศ 1.9 ครั้งต่อเกม

จอห์น สโตนส์ : เข้าแทคเกิ้ล 0.7 ครั้งต่อเกม , ตัดบอลได้ 1 ครั้งต่อเกม , เคลียร์บอลพ้นเขตอันตราย 2.2 ครั้งต่อเกม , ชนะในการดวลลูกกลางอากาศ 1.9 ครั้งต่อเกม

 

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) : เข้าแทคเกิ้ล 0.8 ครั้งต่อเกม , ตัดบอลได้ 2 ครั้งต่อเกม , เคลียร์บอลพ้นเขตอันตราย 3.7 ครั้งต่อเกม , ชนะในการดวลลูกกลางอากาศ 4 ครั้งต่อเกม

ฟาบินโญ่ (ลิเวอร์พูล) : เข้าแทคเกิ้ล 2.1 ครั้งต่อเกม , ตัดบอลได้ 1.5 ครั้งต่อเกม , เคลียร์บอลพ้นเขตอันตราย 2.4 ครั้งต่อเกม , ชนะในการดวลลูกกลางอากาศ 2.1 ครั้งต่อเกม

ติอาโก้ ซิลวา (เชลซี) : เข้าแทคเกิ้ล 0.9 ครั้งต่อเกม , ตัดบอลได้ 1.2 ครั้งต่อเกม , เคลียร์บอลพ้นเขตอันตราย 3.8 ครั้งต่อเกม , ชนะในการดวลลูกกลางอากาศ 1.9 ครั้งต่อเกม

เอริค ดายเออร์ (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์) : เข้าแทคเกิ้ล 0.4 ครั้งต่อเกม , ตัดบอลได้ 0.9 ครั้งต่อเกม , เคลียร์บอลพ้นเขตอันตราย 4.9 ครั้งต่อเกม , ชนะในการดวลลูกกลางอากาศ 3 ครั้งต่อเกม

ร็อบ โฮลดิ้ง (อาร์เซน่อล) : เข้าแทคเกิ้ล 1.3 ครั้งต่อเกม , ตัดบอลได้ 1.1 ครั้งต่อเกม , เคลียร์บอลพ้นเขตอันตราย 3.9 ครั้งต่อเกม , ชนะในการดวลลูกกลางอากาศ 2.4 ครั้งต่อเกม

 

จากสถิติที่ยกมา จะเห็นได้ว่าทั้ง ดิอาส และ สโตนส์ อยู่รั้งท้ายแทบทุกหัวข้อ ซึ่งบางทีสำหรับคู่นี้ หัวใจของความเหนียวแน่นอาจไม่ได้อยู่ที่การเล่นเกมรับ แต่อยู่ที่การไม่เปิดโอกาสให้คู่แข่งได้เล่นเกมรุกมากกว่า

 

 

คนอื่นว่าอย่างไร ?

 

“พวกเขาโดดเด่นมาก มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ วิดิช กับ ริโอ เล่นด้วยกัน เมื่อพวกเขาคนหนึ่งเข้าบล็อคได้ อีกคนจะเข้ามาแปะมือด้วย” เทรเวอร์ ซินแคลร์ อดีตปีกของแมนฯ ซิตี้ บอกกับ talkSPORT เมื่อสองสัปดาห์ก่อน

 

“มันดูเหมือนพวกเขามีความสัมพันธ์แบบนั้น และมีเคมีที่เคารพซึ่งกันและกัน”

 

“พวกเขาดูเหมือนเป็นความแตกต่างที่เข้ากันได้ดีมาก พวกเขาคนหนึ่งอยากคอยเล่นลูกโหม่ง , รูเบน ดิอาส เป็นคนสั่งการที่ดีมาก และสถิติของ จอห์น สโตนส์ นั้นเขาเล่นไป 8 นัด , ชนะ 7 นัด , เสมอ 1 นัด และไม่แพ้ใคร”

 

“ความแม่นยำในการผ่านบอลของเขาอยู่ที่ 93.4 เปอร์เซ็นต์ นั่นเป็นสถิติอันดับ 1 ของลีกเลยนะ และฤดูกาลนี้เขาเล่นไป 10 นัด , ชนะ 9 นัด , เสมอ 1 นัด และไม่แพ้ใคร แต่เมื่อเขาไม่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง พวกเขาเล่นไป 15 นัด , ชนะ 8 นัด , เสมอ 5 นัด และแพ้ไป 2 นัด”

 

 

สถิติสุดว้าว

 

– แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีกจนถึงตอนนี้ หลังจากโดนยิงไปเพียง 13 ประตู จาก 18 นัด ส่วนทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 คือ สเปอร์ส ซึ่งโดนยิงไป 17 ลูก จาก 18 นัด

 

– ดิอาส กับ สโตนส์ ลงเล่นร่วมกันทั้งหมด 9 นัดในพรีเมียร์ลีก มีผลงานชนะ 8 เสมอ 1 และเสียไปแค่ 1 ประตู โดยเกมเดียวที่ไม่ชนะคือการเสมอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด 0-0 ส่วนลูกเดียวที่เสียเกิดขึ้นในเกมที่ ซิตี้ คว้าชัยเหนือ เชลซี ไป 3-1 ซึ่งฝั่งสิงโตน้ำเงินครามมาได้ประตูปลอบใจในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจาก คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย

 

– เรือใบสีฟ้าปล่อยให้คู่แข่งยิงเข้ากรอบไปเพียง 39 ครั้ง และแน่นอนว่านั่นคือสถิติที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก ขณะที่ เชลซี ที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ยังโดนยิงตรงกรอบไปถึง 58 ครั้ง

 

– นั่นส่งผลให้ เอแดร์ซอน กลายเป็นนายทวารที่เซฟประตูได้น้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีกตามไปด้วย หลังจากจอมหนึบทีมชาติบราซิลได้โชว์ความเหนียวไปแค่ 26 ครั้ง