ก่อนจะถึงคูมัน : 5 กุนซือบาร์ซ่าผู้เคยค้าแข้งกับสโมสร

 

หลังปลด กีเก้ เซเตียน ออกไปไม่กี่วัน บาร์เซโลน่า ก็ประกาศแต่งตั้ง โรนัลด์ คูมัน เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา พร้อมสัญญาคุมทีมถึงปี 2022

 

อดีตกองหลังทีมฮอลแลนด์ ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับแฟนบอลอาซูลกราน่าเลย เนื่องจากเขาเคยค้าแข้งในถิ่นคัมป์ นู ระหว่างปี 1989-1995 ซึ่งเวลานั้นเขาพาทีมคว้าแชมป์ ลาลีก้า 4 สมัย, โคปา เดล เรย์ 1 สมัย, สแปนิช ซุปเปอร์ คัพ 3 สมัย, ยูโรเปี้ยน คัพ 1 สมัย และ ยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ คัพ 1 สมัย

 

อย่างไรก็ดี คูมัน ก็ไม่ใช่นักเตะเก่าของบาร์ซ่าคนแรกที่ได้โอกาสหวนกลับมาคุมอดีตต้นสังกัด เพราะก่อนนี้มีนักเตะเก่าถึง 5 คนที่กลับมารับงานกับในแคว้นกาตาลัน

 

แต่ว่าทั้ง 5 คนนั้นจะทำผลงานได้ดีมากน้อยแค่ไหน ทาง UFA ARENA จะพาไปย้อนความหลังผ่านบทความนี้

 

 

โยฮัน ครัฟฟ์ 

 

 

คุมบาร์ซ่าระหว่างปี : 1988–1996
เกียรติยศ : แชมป์ ลาลีก้า 4 สมัย , โคปา เดล เรย์ 1 สมัย, สแปนิช ซุปเปอร์ คัพ 2 สมัย, ยูโรเปี้ยน คัพ 1 สมัย, ยูฟ่า วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย และ ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ 1 สมัย

 

โททัล ฟุตบอล กลายเป็นปรัชญาที่ล้ำหน้าเกินใครในฟุตบอลยุค 70 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ โยฮัน ครัฟฟ์ ประสบความสำเร็จสุดๆกับ อาแจ็กซ์ ที่มีไรนุส มิเชลส์ กุมบังเหียน ทั้งคว้าแชมป์ในฮอลแลนด์ และยุโรปได้อย่างยิ่งใหญ่

 

จากนั้น เจ้าของฉายา ‘นักเตะเทวดา’ ได้ย้ายไปเล่นกับ บาร์เซโลน่า ในปี 1973 แม้จะไม่ได้คว้าแชมป์ทุกฤดูกาลตลอด 5 ปีในถิ่นคัมป์ นู แต่ยังมีแชมป์ ลาลีก้า ปี 1974 และ โคปา เดล เรย์ ปี 1978 ไว้ประดับชื่อยามค้าแข้งในแดนกระทิง

 

แต่สิ่งที่ทำให้ ครัฟฟ์ ได้รับการยกย่องเป็นตำนานของ อาซูลกราน่า อย่างแท้จริงๆ คือช่วงที่เขากลับไปทำหน้าที่กุนซือให้ในปี 1988 พร้อมกับวางรากฐานรูปแบบการเล่นใหม่, สร้าง ลา มาเซีย ศูนย์ฝึกเยาวชนระดับโลก และให้กำเนิดบาร์ซ่ายุค ‘ดรีมทีม’ ที่มีทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, โรนัลด์ คูมัน, ไมเคิล เลาดรู๊ป, โรมาริโอ้, ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ หรือ จอร์จี้ ฮาจี้ จนครองความยิ่งใหญ่ในสเปนและบอลยุโรป

 

8 ปีในฐานะกุนซืออาซูลกราน่า อดีตแข้งชาวดัตช์ คว้าแชมป์ ลาลีก้า 4 สมัย, โคปา เดล เรย์ 1 สมัย, สแปนิช ซุปเปอร์ คัพ 2 สมัย, ยูโรเปี้ยน คัพ 1 สมัย, ยูฟ่า วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย และ ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ 1 สมัย

 

แม้จะถูกปลดออกจากตำแหน่งในปี 1996 หลังไม่มีติดมือเลยในช่วง 2 ฤดูกาลหลังสุด อย่างไรก็ตาม ครัฟฟ์ ก็สร้างคุณูปการให้กับสโมสรและวงการลูกหนังอย่างมาก ร่วมทั้งสไตล์การทำทีมของเขายังมีอิทธิพลอย่างมากต่อกุนซือรุ่นหลังๆจนถึงปัจจุบัน 

 

 

การ์เลส เรซัค

 

 

คุมบาร์ซ่าระหว่างปี : 1991 (รักษาการ), 2001-2002
เกียรติยศ : ลาลีก้า 1 สมัย

 

หากคุณเป็นแฟนบอลบาร์เซโลน่ารุ่นเก๋า ย่อมรู้จัก การ์เลส เรซัค หนึ่งในตำนานของสโมสรกลางยุค 50 ถึง ยุค 80 ซึ่งมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลาลีก้าในปี 1974, โคปา เดล เรย์ 4 สมัย และ วินเนอร์ส์ คัพ ปี 1978 ก่อนจะแขวนสตั๊ดในปี 1981

 

หลังอาชีพค้าแข้ง อดีตปีกทีมชาติสเปน ก็เริ่มต้นงานโค้ชกับ บาร์เซโลน่า ชุดบี ในปี 1984 และได้เลื่อนขั้นมาเป็นสต๊าฟทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 1987-88 ที่มี หลุยส์ อาราโกเนส เป็นกุนซือ อีกทั้งยังได้คุมทีมรักษาการช่วงสั้นๆด้วยในปี 1991 แทนที่ ครัฟฟ์ ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ ซึ่งเขาก็พาบาร์ซ่าคว้าแชมป์ลาลีก้าได้ในฤดูกาลนั้น ก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ผู้ช่วย ครัฟฟ์ ต่อไป

 

หลังสโมสรปลด กุนซือชาวดัตช์ ออกไปในปี 1996 ความสัมพันธ์ของเขา กับ เรซัค ก็แตกหัก แต่เมื่อ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้เข้ามาเป็นผู้ช่วยของ บ็อบบี้ ร็อบสัน เขาก็เปลี่ยนไปทำหน้าที่เป็นแมวมอง และเป็นคนที่ค้นพบ ลิโอเนล เมสซี่ ในเวลาต่อมา

 

เรซัค ได้โอกาสกุมบังเหียน บาร์ซ่า แบบเต็มตัวจริงๆในช่วงท้ายฤดูกาล 2000-01 และเมื่อพาทีมคว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกได้ เขาก็ได้รับไฟเขียวคุมทีมต่อในฤดูกาลถัดไป แต่เมื่อเขาไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ใดๆได้เลยในครั้งนั้น ทำให้สโมสรปลด เรซัค และดึง หลุยส์ ฟาน กัล กลับมาคุมทีมในถิ่น คัมป์ นู อีกครั้ง

 

 

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

 

 

คุมบาร์ซ่าระหว่างปี : 2008-2012
เกียรติยศ : แชมป์ ลาลีก้า 3 สมัย , โคปา เดล เรย์ 2 สมัย, สแปนิช ซุปเปอร์ คัพ 3 สมัย, ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย, ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ 2 สมัย และ แชมป์สโมสรโลก 2 สมัย

 

เมื่อบาร์เซโลน่าในมือของ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด ไม่สามารถต่อกรกับ เรอัล มาดริด ในการลุ้นแชมป์ลาลีก้า ทำให้สโมสรเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง โดยพวกเขาเลือกดัน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อดีตลูกหม้อสโมสรที่มีประสบการณ์การคุมทีมแค่ บาร์ซ่าชุดเล็กเท่านั้นในปี 2008

 

แต่ไม่มีคิดว่า อดีตกองกลางตัวรับทีมชาติสเปน จะเปลี่ยนให้อาซูลกราน่าเป็นยอดสโมสรภายในฤดูกาลเดียว เมื่อเขาเลือกใช้สไตล์การเล่นต่อบอลเคาะไปมาในพื้นแคบๆ หรือ ติกิ-ตาก้า ที่รับอิทธิพลมาจาก โยฮัน ครัฟฟ์ ผู้ที่เปรียบเหมือนอาจารย์ของเขา จนคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ได้ตั้งแต่ในปีแรกการคุมชุดใหญ่

 

ลิโอเนล เมสซี่ กลายเป็นดาวเตะเบอร์ต้นๆของโลก ภายใต้การดูแลของ กวาร์ดิโอล่า แต่ตำแหน่งอื่นก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ทั้งกองกลางที่มี เซร์คิโอ้ บุสเก็ตส์, ชาบี เอร์นานเดส กับ อันเดรส อิเนียสต้า ที่คุมเกมได้ยอดเยี่ยม หรือ แผงหลังอย่าง การ์เลส ปูโยล, เคราร์ด ปิเก้, ซิลวินโญ่, ดานี่ อัลเวส ก็เล่นเกมรับได้เหนี่ยวแน่น

 

แม้จะพลาดคว้ายุโรปในปีถัดมา แต่ฤดูกาล 2010-11 เป๊ป ก็คว้าแชมป์รายการนี้อีกครั้งด้วยการย้ำแค้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่ชิงเมื่อ 2 ปีก่อนได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ในฤดูกาล 2011-12 เขาก็ตัดสินใจลาทีมบ้านเกิดและย้ายไปคุม บาเยิร์น มิวนิค ในเวลาต่อมา

 

ตลอด 4 ปีของ เป๊ป ในฐานะกุนซืออาซูลกราน่า เขาพาทีมคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ได้ถึง 15 รายการ สร้างสถิติเป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของสโมสร แทนที่ ครัฟฟ์ อาจารย์ของเขาที่คว้าแชมป์ไป 11 รายการ

 

 

ตีโต้ บีลาโนบา 

 

 

คุมบาร์ซ่าระหว่างปี : 2012-2013
เกียรติยศ : แชมป์ ลาลีก้า 1 สมัย

 

ช่วงที่ บาร์เซโลน่า ประสบความสำเร็จอย่างมากในมือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ได้ ตีโต้ บีลาโนบา เป็นผู้ช่วยคู่ใจที่อยู่กับเขาตั้งสมัยคุมชุดเล็กจนกระทั่งฤดูกาลสุดท้ายในถิ่นคัมป์ นู และเมื่อ เป๊ป ลาทีมไป ผู้ช่วยชาวสแปนิช ก็เข้ามาทำหน้าที่แทนในปี 2012

 

สำหรับ กรณีของ ตีโต้ อาจพิเศษกว่าใครในลิสต์นี้ เนื่องจากเขาเป็นอดีตแข้งบาร์เซโลน่าเพียงคนเดียวที่ไม่ขึ้นมาเล่นในชุดใหญ่เหมือนกับ 4 คนที่เหลือ โดยได้ลงเล่นเต็มที่คือทีมชุดบีในระหว่างปี 1988-1990 เท่านั้น ก่อนจะตระเวนค้าแข้งกับสโมสรทั่วบ้านเกิดจนแขวนสตั๊ดในปี 2001

 

บีลาโนบา พาทีมทวงแชมป์ลาลีก้าจาก เรอัล มาดริด ได้สำเร็จในฤดูกาล 2012-13 แต่ด้วยอาการป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำลาย ทำให้เขาหายหน้าไปผ่าตัดช่วงหนึ่งของฤดูกาลนั้น และให้ จอร์ดี้ รูร่า ทำหน้าที่คุมทีมแทนไปก่อน 

 

แต่เมื่อกลับมาทำหน้าที่แล้วในเดือนมีนาคม อาการของเขาก็ยังไม่ดีขึ้นทำให้เจ้าตัวประกาศลงจากตำแหน่งกุนซืออาซูลกราน่าในเดือนกรกฏาคมปี 2013 ก่อนที่สโมสรจะดึง เคราร์โด้ มาร์ติโน่ มาทำหน้าทีแทนในฤดูกาลต่อไป

 

ทว่าแฟนบอลก็ต้องพบกับข่าวเศร้าเมื่อวันที่ 25 เมษายน ปี 2014 บาร์เซโลน่า แถลงว่า บีลาโนบา ได้จากโลกนี้ไปด้วยวัย 45 ปี หลังจากต้องต่อสู้กับอาการมะเร็งต่อมน้ำลายมาเป็นเวลาถึง 2 ปี

 

 

หลุยส์ เอ็นริเก้

 

 

คุมบาร์ซ่าระหว่างปี : 2014-2017
เกียรติยศ : แชมป์ ลาลีก้า 2 สมัย, โคปา เดล เรย์ 3 สมัย, สแปนิช ซุปเปอร์ คัพ 1 สมัย, ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย, ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ 1 สมัย และ แชมป์สโมสรโลก 1 สมัย

 

แฟนบอลเจ้าบุญทุ่มต่างหวั่นใจไม่น้อย เมื่อสโมสรได้แต่งตั้ง หลุยส์ เอ็นริเก้ เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในปี 2014 แทนที่ เคราร์โด้ มาร์ติโน่ ที่ทำผลงานได้น่าผิดหวังในฤดูกาลก่อน

 

เหตุที่เป็นเช่นนั้น แม้ อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติสเปน จะเคยค้าแข้งในคัมป์ นู ระหว่างปี 1996-2004 และคว้าแชมป์มาครองมากมาย แต่ในงานการคุมทีมชุดใหญ่จริงๆ ไม่ว่าจะเป็น โรม่า ในเซเรียอา หรือ เซลต้า บีโก้ ในลาลีก้า ล้วนดูไม่ดีเท่าไหร่นัก ทั้งรูปแบบการเล่น และความสำเร็จรางวัลต่างๆ

 

อย่างไรก็ตาม บาร์ซ่าในมือเอ็นริเก้ ค่อยๆฉายฟอร์มเด่นขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในแดนหน้าของพวกเขาอย่าง ลิโอเนล เมสซี่, เนยมาร์ และ หลุยส์ ซัวเรซ หลังพ้นโทษแบนในเดือนตุลาคม จนกลายเป็น 3 ประสานที่อันตรายที่สุดในยุโรป

 

ผลลัพธ์ตอนท้ายฤดูกาล 2013-14 ปรากฏว่า เอ็นริเก้ กลายเป็นกุนซือคนที่ 2 ต่อจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่พาทีมคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ได้ตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาคุมทีม และเขายังรักษามาตรฐานด้วยการป้องกันแชมป์ลีกได้อีกสมัยในฤดูกาลถัดมา

 

เอ็นริเก้ ปิดฉากฤดูกาลในคัมป์ นู ด้วยการคว้าแชมป์ โคปา เดล เรย์ เป็นครั้งที่ 3 และประกาศลาตำแหน่งนี้เมื่อหมดสัญญากับสโมสรในวันที่ 30 มิถุนายน ปี 2017