เมื่อเกมวันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายนผ่านมา หนึ่งในเกมที่ได้รับการพูดถึงในหมู่แฟนบอลน้อยใหญ่พอสมควรคือนัดที่ เรอัล มาดริด บุกไปเฉือนชนะ เรอัล โซเซียดาด 2-1
นอกจากชัยชนะนัดนี้ยังทำให้ ราชันชุดขาว ขึ้นไปรั้งจ่าฝูงแทนที่ บาร์เซโลน่า ด้วยผลเฮดทูเฮดดีกว่า ประตูที่ เซร์คิโอ รามอส กัปตันทีมทำได้ในวันนั้นยังทำให้เขากลายเป็น กองหลังที่ประตูได้มากที่สุดในลาลีก้า แซงหน้า โรนัลด์ คูมัน ตำนานปราการหลังชาวดัชต์สมัยค้าแข้งกับบาร์เซโลน่าด้วย
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จะไปแฟนบอลทุกท่านไปย้อนดูกองหลังอีก 8 คนก่อนหน้า รามอส และ คูมัน ที่ยิงประตูในลีกเป็นว่าเล่นจนกองหน้าบางคนยังเทียบไม่ติด
10.เคราร์ด ปิเก้ | 30 ประตู
สโมสรที่ค้าแข้งในลาลีก้า : บาร์เซโลน่า, เรอัล ซาราโกซ่า (ยืมตัว)
แม้จะเลือกย้ายออกไปผจญภัยต่างแดนกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงแรกๆของการเป็นนักเตะอาชีพ แต่ท้ายที่สุด เคราร์ด ปิเก้ ก็กลับมา บาร์เซโลน่า สโมสรที่เปรียบเสมือนบ้านของเขา และเป็นที่ที่ทำให้เขากลายเป็นกองหลังระดับโลกในเวลาต่อมา
กองหลังวัย 33 ปี ประสบความสำเร็จมากมายในถิ่นคัมป์ นู และกวาดแชมป์มาครองได้ทุกรายการที่ลงเล่น รวมไปถึงแชมป์โลกและแชมป์ยูโรกับทีมชาติสเปนอีกด้วย
9.ไอตอร์ ลาร์ลาซาบาล | 32 ประตู
สโมสรที่ค้าแข้งในลาลีก้า : แอธเลติก บิลเบา
ไอตอร์ ลาร์ลาซาบาล เป็นอีกหนึ่งแข้งชาวบาสก์ที่เติบโตกับ แอธเลติก บิลเบา มาตั้งแต่ทีมชุดเยาวชน และสามารถพัฒนาฝีเท้าจนก้าวขึ้นไปเล่นชุดใหญ่ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
แบ็คขวาชาวสแปนิชเป็นตัวหลักของทีมตั้งแต่ปี 1990 จนถึง ปี 2004 แม้ในช่วงท้ายๆของอาชีพค้าแข้ง อาซิเอร์ เดล ออร์โน่ ดาวรุ่งของสโมสรจะขึ้นมาเบียดแย่งตำแหน่ง เขาก็ยังได้ลงเล่นมากถึง 36 นัดใน 2 ฤดูกาลสุดท้าย ก่อนจะแขวนสตั๊ดด้วยวัยเพียง 33 ปี
8.อันโดนี่ อิราโอล่า | 33 ประตู
สโมสรที่ค้าแข้งในลาลีก้า : แอธเลติก บิลเบา
แบ็คขวาเลือดบาสก์แท้ๆ ที่เริ่มฝึกฝนวิชาลูกหนังกับ เลซาม่า ศูนย์ฝึกเยาวชนของ แอธเลติก บิลเบา ก่อนไต่เต้ามาเล่นในชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในปี 2003 และกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ด้วยลีลาการเติมเกมบุกที่ดุดัน ทำให้ อิราโอล่า ขึ้นไปยิงประตูได้มากกว่ากองหลังปกติทั่วไป น่าเสียดายที่ตลอด 12 ปีกับบิลเบา เขาไม่สามารถคว้าแชมป์มาประดับถิ่น ซาน มาเมส ได้เลย แม้จะเคยเข้าชิงศึก โกปา เดล เรย์ หรือ ยูโรป้า ลีก ก็ตาม
อิราโอล่า ใช้ชีวิตค้าแข้งช่วงบั้นปลายกับ นิวยอร์ก ซิตี้ ก่อนจะแขวนสตั๊ดในปี 2016 ปัจจุบันเขาหันมาเดินเส้นทางสายกุนซือเต็มตัว โดยคุม มิรันเดส สโมสรจาก เซกุนด้า ตั้งแต่ปี 2019
7.โจน กัปเดบีล่า | 37 ประตู
สโมสรที่ค้าแข้งในลาลีก้า : เอสปันญ่อล, แอตเลติโก้ มาดริด, เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า, บียาร์เรอัล
โจน กัปเดบีล่า ถือเป็นหนึ่งในนักเตะทีมชาติสเปนยุคทองชุดคว้าแชมป์ยูโร 2008 และ แชมป์โลกปี 2010 และที่เป็นเช่นนี้ได้ต้องขอบคุณฟอร์มการเล่นของเขาที่พีกสุดๆตอนเล่นให้ บียาร์เรอัล ในช่วงปี 2007-2011
แต่ก่อนหน้านั้นช่วงเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งแรกๆ แบ็คซ้ายเลือดกระทิงเคยอยู่กับ เอสปันญ่อล และ แอตเลติโก้ มาดริด แต่หลังจากที่ ตราหมีตกชั้นในปี 2000 เขาจึงย้ายไปอยู่กับ ลากอรุนญ่า และประสบความสำเร็จพอสมควรกับแชมป์โกปา เดล เรย์ในปี 2002
ช่วงท้ายของอาชีพ กัปเดบีล่า ได้ย้ายไปค้าแข้งต่างแดนมากมายทั้ง เบนฟิก้า ในโปรตุเกส, นอร์ธอัสต์ ยูไนเต็ด ในอินเดีย, เลียร์เซ่ ในเบลเยี่ยม และปิดฉากกับ ซานต้า โคโลม่า สโมสรในอันดอร์ร่า ปี 2018
6.โจเซฟ เซอร์เก้ | 38 ประตู
สโมสรที่ค้าแข้งในลาลีก้า : บาร์เซโลน่า, เรอัล เบติส
โจเซฟ เซอร์เก้ คือหนึ่งในตำนานผู้ล่วงลับของ บาร์เซโล่า ที่เคยพาทีมครองคว้ายิ่งใหญ่ในกลางยุค 40 ถึงต้นยุค 50 กับแชมป์ลาลีก้า 5 สมัย
ในปี 1957 ซึ่งอยู่ในช่วงบั้นปลายของอาชีพค้าแข้ง กองหลังเลือดกระทิงตัดสินใจบอกลา อาซูลกราน่า และย้ายไปเล่นกับ เรอัล เบติส กับ มันเรซ่า ทีมเล็กๆจากแคว้นกาตาลัน พร้อมตำแหน่งโค้ชในทีมด้วย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในเส้นทางผู้จัดการทีม แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นสมัยเป็นนักเตะอาชีพเท่าไหร่นัก
5.โรแบร์โต้ คาร์ลอส | 48 ประตู
สโมสรที่ค้าแข้งในลาลีก้า : เรอัล มาดริด
คงไม่ต้องบรรยายให้มากความสำหรับลีลาการเติมเกมบุกและทำประตูจากลูกฟรีคิกของ โรแบร์โต้ คาร์ลอส ที่กลายเป็นต้นแบบให้กับ แบ็คหลายๆคนในยุคปัจจุบัน
แข้งชาวบราซิลเลี่ยน ย้ายมาเล่นกับ เรอัล มาดริด ในปี 1996 ซึ่งเป็นสโมสรเดียวในสเปนที่เขาค้าแข้ง และเป็นหนึ่งในกาลาติกอสยุคแรกที่กวาดแชมป์เข้าตู้สโมสรเป็นว่าเล่นในช่วง 11 ปี ณ ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว
หลังบอกลา โลส บลังโกส แบ็คเท้าหนักก็ยังตะเวนค้าแข้งไปทั่วโลก ทั้ง เฟเนร์บาห์เช่จาก ตุรกี, อันจิ มาคัชคาล่า ในรัสเซีย รวมถึงกลับมาเล่นในช่วงสั้นๆกับ เดห์ลี ไดนาโม ในอินเดีย เมื่อปี 2015 พร้อมพ่วงตำแหน่งผู้เล่น-กุนซือด้วย แต่หลังจากนั้น คาร์ลอส ก็ไม่เคยกลับมาคุมทีมไหนอีกเลย
4.ปีร์รี่ | 52 ประตู
สโมสรที่ค้าแข้งในลาลีก้า : กรานาด้า, เรอัล มาดริด
ปีร์รี่ หรือในชื่อเต็ม โฆเซ่ มาร์ติเนซ ซานเชซ เป็นแข้งระดับตำนานของ เรอัล มาดริดในยุคก่อนที่กวาดแชมป์มาครองเป็นว่าเล่น และพาทีมครองความยิ่งใหญ่ทั้งในสเปนและทวีปยุโรป
ในช่วงแรก ปีร์รี่ เริมเล่นเป็นตำแหน่งกองกลางก่อนกับ กรานาด้า ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น สวีปเปอร์ ในเวลาต่อมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ลดความสามารถในการทำประตูของเขาไปแต่อย่างใด และ 52 ประตูที่ทำได้ในลาลีก้า ก็หลักฐานที่บ่งบอกได้ชัดเจน
3.เฟร์นานโด เอียร์โร่ | 60 ประตู
สโมสรที่ค้าแข้งในลาลีก้า : บายาโดลิด, เรอัล มาดริด
แม้จะเริ่มต้นค้าแข้งกับ บายาโลดิด แต่ด่วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่น บวกกับความสามารถในการทำประตูที่ยอดเยี่ยม แม้เป็นกองหลัง ทำให้ เรอัล มาดริด ดึงเขามาร่วมทีมในปี 1989 ก่อนจะสถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งในตำนานของสโมสรในเวลาต่อมา
หากนับจำนวนประตูที่ อดีตแข้งวัย 52 ปี ทำได้ในลีก เขาคืออันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัยกับจำนวน 105 ประตู แต่ถ้านับประตูที่เขาทำได้ในตำแหน่งกองหลังจริงๆ และตัดที่มาจากการเล่นเป็นกองกลางทิ้งไป ประตูทั้งหมดของ เอียร์โร่ในลาลีก้าจะอยู่ที่ 60 ลูกเท่านั้น
2.โรนัลด์ คูมัน | 67 ประตู
สโมสรที่ค้าแข้งในลาลีก้า : บาร์เซโลน่า
ด้วยทักษะการสังหารลูกนิ่งที่ยอดเยี่ยม ไม่แปลกที่ โรนัลด์ คูมัน จะยิงประตูได้มากกว่ากองหลังปกติทั่วไป จนถึงขั้นเคยรั้งดาวซัลโวของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาแล้วในฤดูกาล 1993-94
ปราการหลังชาวดัตช์ อาจเสียตำแหน่งกองหลังที่ทำประตูมากที่สุดให้กับ เซร์คิโอ รามอส แต่กัปตันทีมราชันชุดขาว คงต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาด หากหวังจะก้าวขึ้นไปเป็นกองหลังที่ทำประตูได้มากที่สุดในวงการลูกหนังอย่างที่ คูมัน จารึกไว้ 252 ตุงในตลอดอาชีพค้าแข้ง
1.เซร์คิโอ รามอส | 68 ประตู
สโมสรที่ค้าแข้งในลาลีก้า : เซบีย่า, เรอัล มาดริด
หากวัดกันในฟุตบอลยุคปัจจุบัน คงไม่มีกองหลังคนไหนที่มีสถิติหรือตัวเลขในการทำประตูโดดเด่นไปมากกว่า เซร์คิโอ้ รามอส อีกแล้ว หลังซัดไปถึง 7 ประตูในลาลีก้าฤดูกาลนี้
ลูกจุดโทษของ กัปตันราชันชุดขาวในเกมล่าสุดที่ชนะ เรอัล โซเซียดาด 2-1 ทำให้เขากลายเป็น กองหลังที่ทำประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของลาลีก้า แซงหน้า โรนัลด์ คูมัน ที่ครองสถิตินี้มานานกว่า 25 ปี
ด้วยวัย 34 ปี ทำให้รามอส ยังมีโอกาสยิงประตูเพิ่มขึ้นไปในฐานะกองหลัง และเชื่อว่าสถิตินี้คงอยู่ต่อไปโดยไม่มีนักเตะคนไหนทำลายได้ในเร็วๆนี้ หรือในีอก 10-20 ปีข้างหน้าเป็นอย่างน้อยแน่นอน
