ก่อนนี้ยังดีอยู่เลย : 8 ทีมดังพรีเมียร์ลีกที่ฟอร์มตกตลอดฤดูกาลแบบน่าใจหาย

 

การที่สโมสรเล็กๆหรือทีมน้องใหม่ประสบปัญหาฟอร์มตกจนต้องหล่นหนีตายในโซนตกชั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดอะไรมากนักในวงการลูกหนังยุคปัจจุบัน

 

อย่างเช่น ดาร์บี้ เค้าท์ตี้ ในฤดูกาล 2007-08 ที่เลื่อนชั้นขึ้นมาพรีเมียร์ลีก กลับต้องหล่นลงไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ชิพอีกครั้ง ทั้งๆที่ยังเหลือเกมการแข่งขันอีกตั้ง 6 นัด

 

แต่ก็มีทีมใหญ่หลายๆทีมที่ทำให้หลายคนประหลาดใจไม่น้อย เนื่องจากทีมเหล่านั้นถูกคาดหวังจากแฟนบอลสูงมากๆว่าจะสามารถทำผลงานได้ยอดเยี่ยมอย่างฤดูกาลก่อนที่เคยทำได้ แต่ความเป็นจริงกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่หวังไว้อย่างสิ้นเชิง และบางทีมย่ำแย่จนถึงขั้นตกชั้นมาแล้วก็ยังมี

 

ทาง UFA ARENA จะพาไปพบ 8 ทีมดังที่ล้มเหลวในแบบที่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น ตลอดเวลา 27 ปีในพรีเมียร์ลีก อังกฤษกัน    

 

 

ลีดส์ ยูไนเต็ด ปี 1992-93

 

 

ทีมนกยูงทองหล่นลงจากลีกสูงสุดของอังกฤษตั้งแต่ปี 2004 และยังไม่กลับขึ้นเลยจนปัจจุบัน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็คือแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งปีสุดท้ายก่อนที่มีเปลี่ยนแปลงมาเป็นพรีเมียร์ลีกในตอนนี้ ซึ่งในปีนั้นเอง สโมสรจากยอร์คเชียร์เสีย เอริค คันโตน่า แข้งเบอร์หนึ่งให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอริไปในเดือนพฤศจิกายนปี 1992 แต่ด้วยคุณภาพของทีมก็เชื่อว่าพวกเขายังมีดีที่ป้องกันแชมป์ได้อยู่เหมือนกัน

 

แต่ความจริงทุกอย่างกลับดูยุ่งเหยิงไปหมด ทุกคนในทีมต่างมีปัญหาหมด หนักที่สุดก็เป็นจอห์น ลูคิช นายทวารของลีดส์ที่ปรับตัวกับกฏใหม่ไม่ได้ (ห้ามผู้รักษาประตูรับลูกจาการส่งบอลโดยตรง) ส่งผลให้แฮโรลด์ วิลกินสัน พาทีมจบอันดับที่ 17 ตามหลังปีศาจแดงที่เป็นแชมป์ลีกในปีนั้นถึง 33 แต้ม โดยที่พวกเขาหาชัยชนะนอกบ้านไม่เจอเลย

 

อย่างไรก็ตามการแพ้ในเอลเลนด์ โร้ด แค่เกมเดียวตลอดซีซั่นช่วยให้พวกเขาไม่กลายเป็นทีมที่สองที่คว้าแชมป์ลีกได้และตกชั้นในปีถัดมาได้ (ทีมแรกและทีมเดียวคือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่คว้าแชมป์ในปี1937 และตกชั้นในปี 1938)

 

 

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ปี 1992-93

 

 

ฟุตบอลลีกโฉมใหม่ไม่เพียงแต่ทำให้ลีดส์ ยูไนเต็ด ต้องหัวหมุนอยู่ทีมเดียว แต่ยอดทีมจากน็อตติ้งแฮมก็ย่ำแย่ไม่แพ้กันกับการก่อตั้งพรีเมียร์ลีกในปีแรก

 

ฟอเรสต์จบอันดับต่ำกว่าที่ 10 เพียงครั้งเดียวเท่านั้น (ที่ 12 ในปี 1981-82) จาก 13 ปีหลังสุด แต่ภายใต้การคุมทีมของ ไบรอัน คลัฟ กุนซือระดับตำนานของทีมเจ้าป่า พวกเขาเอาตัวแทบไม่รอดในโซนหนีตกชั้นตลอดทั้งปี

 

ท้ายที่สุด ฟอเรสต์รั้งอันดับบ๋วยในฤดูกาลนั้น ซึ่งตัวเขากุนซือปากกรรไกรลาทีมไปในซัมเมอร์ปีเดียวกัน หลังจากคุมทีมมายาวนานถึง 18 ปี และไม่เคยหวนกลับมาคุมทีมอีกเลย ก่อนที่สโมสรจากเขตมิดแลนด์ฝั่งตะวันออกจะกลับขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุดได้ช่วงสั้นๆ แต่ในตอนนี้พวกเขาหายหน้าไปจากพรีเมียร์มานานกว่า 20 ปีแล้วล่ะ

 

 

นิวคาสเซิล ปี 1997-98

 

 

นับตั้งแต่เลื่อนชั้นกลับมาบนลีกสูงสุดได้ในปี 1993 นิวคาสเซิลก็ไม่เคยทำอันดับได้ต่ำกว่าที่ 6 เลย แถม 2 ปีก่อนหน้าฤดูกาล 1997-98 พวกเขายังจบถึงอันดับที่ 2 ในลีกถึง 2 ครั้งด้วยกัน ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแค่ทีมเดียว

 

 ทั้งหมดนั้นประสบความสำเร็จได้เพราะฝีมือของเควิน คีแกน แต่ทว่าฮีโร่ของชาวจอร์ดี้ก็ลาทีมไปในเดือนมกราคมปี 1997 และได้เคนนี้ ดัลกริช เข้ามากุมบังเหียนแทน ซึ่งก็ทำได้พอๆกัน อย่างไรก็ตาม กองหน้าตัวความหวังของทีมอย่าง อลัน เชียเรอร์ ดันมาบาดเจ็บในช่วงพรีซีซั่นของซัมเมอร์ปีนั้น จนทำให้เขาหายหน้าไปจากทีมกว่าครึ่งฤดูกาล

 

สาลิกาดงจบอันดับที่ 13 แบบกระท่อนกระแท่น ซึ่งยิงประตูได้ 35 ลูกเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้อะไรดูแย่ไปกว่านั้นคือ บอร์ดบริหารนามว่า เฟร็ดดี้ เชพเพิร์ด เป็นข่าวพาดหัวในหนังสือพิมพ์ดังหลายฉบับหลังไปบอกว่าผู้หญิงในนิวคาสเซิลว่าเป็น ‘หมา’ แต่กลับได้กลายเป็นประธานสโมสรในฤดูกาลต่อมา พร้อมกับปลดอดีตกองหน้าลิเวอร์พูลออกจากตำแหน่งกุนซือด้วย

  

 

แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ปี 1998-99

 

 

หลังจากที่โค่นการครองอำนาจของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 1994-95 แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ก็หลุดตำแหน่งท็อบโฟร์มา 3 ปีติดหลังจากนั้น (ปี 1996 ที่ 7,  ปี 1997 ที่ 13, ปี 1998 ที่ 6) แต่การที่พวกเขาได้รอย ฮอจ์ดสัน ผู้พาอินเตอร์ มิลาน เข้าชิงยูฟ่า คัพ ในปี 1997 เข้ามาคุมทีมและพาทีมจบอันดับ 6 ได้ในปี 1998 ทำให้แฟนๆกุหลาบไฟเชื่อว่าเขาจะช่วยให้ทีมรักกลับมาเป็นม้ามืดแย่งแชมป์ลีกได้อีกครั้งแน่นอน

 

แต่ทว่าหลังจากที่ทีมคว้าชัยแค่ 2 จาก 14 นัดแรกในพรีเมียร์ลีก ทำให้หลายคนเริ่มทบทวนกับสิ่งที่พวกเขาคาดหวังกันไม่น้อย และการพ่ายแพ้ต่อเซาธ์แฮมป์ตันไป 2-0 ทำให้ตัวของปู่รอยเซ็นใบลาออกหลังเกมนั้นทันที

 

ไบรอัน คิด ได้วางมือจากการเป็นผู้ช่วยของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในแมนฯยูไนเต็ด เพื่อมารับงานด่วนในถิ่นอีวู๊ด ปาร์ค แต่เขาก็ไม่สามารถยื้อชีวิตให้ทีมกุหลาบไฟอยู่รอดบนลีกสูงสุดแดนผู้ดีได้ และตกชั้นไปในที่สุด หลังจากได้สัมผัสแชมป์ลีกแค่ 4 ปีเท่านั้น

  

 

เวสต์แฮม ปี 2002-03

 

 

ฤดูกาล 2002-03 เป็นช่วงเวลาที่เวสต์แฮมอยู่โลดแล่นอยู่พรีเมียร์ลีกมานานนับ 10 ปีแล้ว หลังจากที่พวกเขาเลื่อนชั้นขึ้นมาได้สำเร็จในฤดูกาล 1992-93  

 

ซึ่งปีก่อนหน้านี้ ทีมขุนค้อนจบอันดับ 7 ในตาราง พร้อมกับปั้นนักเตะจากทีมเยาวชนของตนเองมามากมาย ทั้งเจอร์เมน เดโฟ ที่ซัดไป 14 ประตู เป็นดาวซัลโวประจำทีม, ชณะที่ โจ โคล, ไมเคิ่ล คาร์ริ และ เกล็น จอห์นสัน ก็สามารถเบียดขึ้นชุดใหญ่ได้อย่างงดงาม

 

จากนั้นพวกเขากลับสร้างความตกใจครั้งใหญ่ให้แฟนบอลทั่วอังกฤษ เมื่อทีมจากเขตลอนดอนฝั่งตะวันออกจบอันดับที่ 18 ในปี 2003 และตกชั้นไป พร้อมกับทำสถิติเป็นทีมตกชั้นที่มีแต้มมากที่สุด (42 แต้ม) นับตั้งแต่พรีเมียร์ลีกเปลี่ยนมาใช้ระบบแข่งขันในลีก 20 ทีม 

 

 

แอสตัน วิลล่า ปี 2011-12

 

 

ภายใต้การคุมทีมของ มาร์ติน โอนีล แอสตัน วิลล่า ก็ขึ้นมาผงาดสมฉายาในช่วงกลางยุค 2000 กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือพาทีมจบอันดับ 6 ได้ 3 ฤดูกาลติด และผ่านเข้าไปเล่นในบอลยุโรปรอบตัดเลือกในฤดูกาล 2007-10 หรือแม้แต่ช่วงเวลาที่ เชราร์ อุลลิเย่ร์ นายใหญ่ของทีมต้องไปพักรักษาตัว วิลล่าก็ยังจบอันดับ 9 ได้อย่างสวยงามในฤดูกาล 2010-11

 

แต่การที่สโมสรแต่งตั้ง อดีตกุนซือเบอร์มิ่งแฮมอย่าง อเล็กซ์ แม็คลีช มาแทนที่ อุลลิเย่ร์ สร้างความงุนงงให้กับแฟนบอลสิงห์ผงาดไม่น้อย ซึ่งหลังจากนั้นนายใหญ่ชาวสก็อตก็ทำผลงานแย่ลงเรื่อยๆ จนจบอันดับที่ 16 ในตาราง เกือบตกชั้นไปแบบหวุดหวิด และนี่เป็นเป็นปีที่วิลล่าชนะในพรีเมียร์ลีกน้อยที่สุด รวมไปถึงสถิติต่างๆก็ย่ำแย่ยามเล่นเกมเหย้าด้วย

 

แฟนบอลต่างใจชื้นอยู่บ้างหลังเห็นผลงานทีมรักกระเตื้องขึ้นมาพอสมควร แต่ในฤดูกาล 2015-16 ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาต้องหล่นไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ชิพ หลังจากอยู่ในพรีเมียร์ลีกมานานกว่า 26 ปี

 

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 2013-14

 

 

การสานต่อความสำเร็จจากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่เคยเป็นเรื่องที่ง่ายเลย และบางทีงานในครั้งนี้อาจเป็นภารกิจที่เป็นไม่ได้สำหรับชายที่ชื่อ เดวิด มอยส์ จริงๆ

 

นับตั้งแต่ก่อตั้งพรีเมียร์ลีกมา ปีศาจแดงไม่เคยจบอันดับต่ำกว่าที่ 3 แม้แต่ครั้งเดียวในยุคของเฟอร์กี้ ซึ่งในฤดูกาล 2013-14 คือปีที่พวกเขาต้องแข่งขันเพื่อป้องกันแชมป์ลีก แต่ภายใต้การกุมบังเหียนของอดีตกุนซือเอฟเวอร์ตัน ยูไนเต็ดหล่นไปอยู่อันดับ 7 มีแค่ 64 แต้มเท่านั้น พร้อมกับสร้างสถิติต่างๆมากมายในปีนั้น ซึ่งสถิติในแง่ลบเป็นส่วนใหญ่

 

นายใหญ่แดนวิสกี้อยู่คุมทีมไม่จบฤดูกาลและถูกปลดไปหลังจาก 9 เดือนที่ทำหน้านี้ แม้จะสัญญากับทีมยาวนานถึง 6 ปีก็ตาม

 

 

เชลซี ปี 2015-16

 

 

ใครๆก็ต่างรู้ดีว่าการที่สโมสรไหนก็ตามรั้งตำแหน่งแชมป์เก่าอยู่ย่อมมีแรงกดดันในฤดูกาลต่อไปเป็นธรรมดา แต่หลังจากที่ฤดูกาลที่โชเซ่ มูรินโญ่ พาเชลซีคว้าแชมป์ลีกได้ พวกเขากลับฟอร์มตกลงจนไม่เหลือคราบแชมป์เก่าเลยแม้แต่น้อย

 

ในตอนนั้น เดอะ สเปเชี่ยล วัน กลายเป็นคนว่างงานในช่วงกลางเดือนธันวาคม หลังจากที่เขาพาสิงห์บลูจบอันดันที่ 16 และแพ้ไปถึง 9 นัดใน 16 เกมแรกของพรีเมียร์ลีก โดยมีทั้งการแพ้ในบ้านแก่ คริสตัล พาเลซ, เซาธ์แฮมป์ตัน, ลิเวอร์พูล และ บอร์นมัธ

 

และก็เหมือนปี 2009 กุส ฮิดดิ้งค์ ถูกแต่งตั้งเข้ามาเป็นผู้กอบกู้สถานการณ์ในทีมอีกครั้ง แต่ก็ดีขึ้นมาไม่มากนัก เมื่อจบฤดูกาลด้วยอันดับ 10 ซึ่งเป็นอันดับที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 1995-96 และเป็นครั้งที่ 2 ที่จบอันดับต่ำกว่าที่ 3 ในยุคของ โรมัน อับราโมวิช 

 

แต่สิ่งที่น่าจดจำในปีนั้นก็ยังมีอยู่บ้าง เมื่อพวกเขาตัดความหวังในการลุ้นแชมป์ลีกของสเปอร์ส ด้วยประตูของ เอเด็น อาซาร์ ที่ยิงไปแค่ 4 ประตูในลีกเท่านั้น ช่วยให้เลสเตอร์ ซิตี้ ชูถ้วยพรีเมียร์ลีกได้ราวกับปาฏิหารย์