ก่อนแจ้งเกิดในยุโรป : 11 แข้งดังส่งออกจากริเวอร์เพลท

 

หนึ่งในสโมสรจากทวีปอเมริกาใต้ที่แฟนบอลชาวไทยรู้จักเป็นอันดับต้นๆ คงหนีไม่พ้น ริเวอร์เพลท ยอดทีมจากอาร์เจนติน่าแน่นอน

 

แม้จะเคยชั้นจาก อาร์เจนติน่า พรีเมร่า ดิวิชั่น ในปี 2011 แต่พวกเขาก็ยังเป็นทีมเต็งคว้าแชมป์ลีกในประเทศและระดับทวีปอย่าง โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส เช่นเดียวกับ โบคา จูเนียร์ ทีมอริตลอดกาลในปัจจุบัน

 

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ ริเวอร์เพลท เป็นทีมที่แข็งแกร่งไม่ต่างเมื่อก่อนคือ ทีมเยาวชนของสโมสรที่ปลุกปั้นนักเตะระดับโลกมาประดับวงการมากมาย เช่น อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่, เอ็นโซ่ ฟรานเชสโคลี่, เอเรียล ออร์เตก้า หรือ  เฮอร์นาน เครสโป

นอกจากนี้ พวกเขายังสร้างกำไรให้สโมสรได้ด้วยส่งออกนักเตะดาวรุ่งประจำทีมให้ไปแจ้งเกิดในยุโรปมากมาย โดยมี ลูคัส มาร์ติเนซ กัวร์ต้า เป็นรายล่าสุดที่ตกเป็นข่าวเตรียมย้ายไปโด่งดังในต่างแดนตามรอยรุ่นพี่

 

และนี่คือ 11 แข้งดังที่ ริเวอร์เพลท ปลุกปั้นมากับมือกันก่อนพัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นนักเตะระดับโลกในเวลาต่อมา

 

 

ผู้รักษาประตู | เจอร์เมน ลุคซ์

 

 

เส้นทางค้าแข้ง : ริเวอร์เพลท, มายอร์ก้า, ลา กอรุนญ่า, ริเวอร์เพลท

 

หลังจากย้ายไปเฝ้าเสาให้กับ มายอร์ก้า และ ลา กอรุนญ่า ในสเปน นานนับ 10 ปี ตอนนี้ เจอร์เมน ลุคซ์ ได้ย้ายกลับมา ริเวอร์เพลท อีกครั้ง พร้อมกับรับบทเป็นมือสองให้กับ ฟรังโก้ อาร์มานี่ ในทีมชาติอาร์เจนติน่า

 

นายทวารวัย 38 ปี ถือเป็นนักเตะอีกที่มีอาชีพค้าแข้งที่ดี แม้จะได้หวือหวาหรือประสบความสำเร็จนัก แต่เขาก็เป็นหนึ่งในขุนพลฟ้าขาวที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกในปี 2004 ด้วย และช็อตโดนใบแดง หลังเจตนารับบอลนอกกรอบเขตโทษระยะ 25 หลา ยังคงเป็นที่จดจำของแฟนบอลได้ดี

 

 

กองหลัง | มาเตโอ มูซัคคิโอ

 

 

เส้นทางค้าแข้ง : ริเวอร์เพลท, บียาร์เรอัล, เอซี มิลาน

 

ในริเวอร์เพลท  มาเตโอ มูซัคคิโอ ลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ไปเพียง 11 นัดเท่านั้นจาก 3 ปี  แต่ถึงอย่างนั้น บียาร์เรอัล ก็คว้าตัวเขาไปร่วมทีมในปี 2009 

 

ตลอดเวลา 8 ปี ในเรือดำน้ำสีเหลือง กองหลังชาวอาร์เจนไตน์ ค่อยๆพัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นหนึ่งในแนวรับเบอร์ต้นๆของลาลีก้า และเคยตกเป็นข่าวกับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในยุค เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ด้วย ก่อนจะหันไปเซ็น เฟเรดิโก้ ฟาซิโอ้ มาแทน

 

จากนั้นในปี 2017 มูซัคคิโอ ก็โยกย้ายอีกครั้ง โดยเลือกซบ เอซี มิลาน ทีมยักษ์หลับในเซเรียอา แม้จะพอเข้าขากับ อเลสซิโอ โรมันโญลี่ อยู่บ้าง แต่ฟอร์มโดยรวมก็ยังไม่ดีเหมือนตอนอยู่สเปนเท่าไหร่

 

 

กองหลัง | ฮาเวียร์ มาสเคราโน่

 

 

เส้นทางค้าแข้ง : ริเวอร์เพลท, โครินเธียนส์, เวสต์แฮม, ลิเวอร์พูล, บาร์เซโลน่า, เหอเป่ย ไชนา ฟอร์จูน, เอสตูเดนเตส

 

ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ สร้างชื่อในวงการลูกหนังด้วยการติดทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดใหญ่ครั้งแรก ทั้งๆที่ยังไม่ได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ ริเวอร์เพลท เลยด้วยซ้ำ ทำให้หลายคนคาดว่าเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นแข้งระดับโลกในอนาคต

 

ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แข้งชาวอาร์เจนไตน์ ประสบความสำเร็จทั้งกับทีมในบ้านเกิด, โครินเธียนส์, เวสต์แฮม, ลิเวอร์พูล และ บาร์เซโลน่า ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด พร้อมกับเปลี่ยนตำแหน่งจากกองกลางตัวรับไปเล่นเป็นกองหลังแบบเต็มตัว

 

ช่วง 8 ปี กับ อาซูลกราน่า เขาคว้าแชมป์ลาลีก้า 5 สมัย, โคปา เดล เรย์ 5 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กับ แชมป์สโมสรโลกอย่างละ 2 สมัย ก่อนจะย้ายไปเล่นในแดนมังกรกับ เหอเป่ย ไชนา ฟอร์จูน ปัจจุบัน มาสเคราโน่ วัย 36 ปี ยังค้าแข้งกับ เอสตูเดนเตส ที่มี ฮวน เซบาสเตียน เวรอน เป็นประธานสโมสรอยู่

 

 

กองหลัง | รามิโร่ ฟูเนส โมริ

 

 

เส้นทางค้าแข้ง : ริเวอร์เพลท, เอฟเวอร์ตัน, บียาร์เรอัล

 

รามิโร่ ฟูเนส โมริ ได้ย้ายอยู่ใน สหรัฐอเมริกาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ พร้อมครอบครัว และได้อยู่กับ เอฟซี ดัลลาส ช่วงสั้นๆ ก่อนจะย้ายกลับมาอยู่บ้านเกิดในอาร์เจนติน่าอีกครั้ง และเข้าไปร่วมทีมเยาวชนของ ริเวอร์เพลทในเวลาต่อมา

 

หลังขึ้นมาเล่นในชุดใหญ่ได้ 4 ฤดูกาลเต็มๆ เอฟเวอร์ตัน ก็คว้าตัว โมริ ไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 9.5 ล้านปอนด์ในปี 2015 และลงเล่นไป 67 นัดให้กับท็อฟฟี่ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บในปีต่อๆมา ทำให้เขาไม่สามารถขึ้นไปเป็นตัวหลักให้ทีมได้

 

ด้วยเหตุนี้ ทำให้ โมริ เลือกย้ายซบ บียาร์เรอัล แบบถาวรในปี 2018 หลังทีมขาย มาเตโอ มูซัคคิโอ ออกไปในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน 

 

 

ตัวริมเส้นฝั่งขวา | ลูคัส โอคัมโปส

 

 

เส้นทางค้าแข้ง : ริเวอร์เพลท, โมนาโก, มาร์กเซย, เจนัว, เอซี มิลาน, เซบีย่า

 

ลูคัส โอคัมโปส ก้าวขึ้นมาในเส้นทางลูกหนังระดับสูงอย่างรวดเร็ว หลังย้ายจาก ริเวอร์เพลท มาร่วมทีมโมนาโกในลีกเอิง ฝรั่งเศส ด้วยวัยเพียง 18 ปี เมือปี 2012 

 

ปีกดาวรุ่งกลายเป็นผู้เล่นสำคัญของทีมตั้งแต่ฤดูกาลแรก โดยได้เล่นร่วมกับ ฮาเมส โรดริเกซ, ราดาเมล ฟัลเกา หรือ ฟาบินโญ่ แต่ต่อในฤดูกาล 2014-15 ฟอร์มของเขากลับตกลงจนหลุดตัวจริง ก่อนจะย้ายไปซบ มาร์กเซย ทีมร่วมลีกในเวลาต่อมา

 

แต่ฟอร์มโดยรวมก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก แม้จะย้ายไป เจนัว หรือ มิลาน ในปี 2016 และปี 2017 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ลีลาทีเด็ดของ โอคัมโปส เริ่มกลับมาอีกครั้ง หลังย้ายไปร่วมทีมเซบีย่าในปี 2019 พร้อมกับทำไปแล้ว 10 ประตูในฤดูกาลแรกของเขา ณ แดนกระทิง

 

 

กองกลาง | เอเซเกล ปาลาซิออส

 

 

เส้นทางค้าแข้ง : ริเวอร์เพลท, ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น

 

เอเซเกล ปาลาซิออส คือนักเตะรายล่าสุดที่ ริเวอร์เพลท ปล่อยออกมาสู่ยุโรป หลัง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น คว้าตัวไปร่วมทีมได้สำเร็จในเดือนมกราคม แม้จะมีปัญหาเล็กน้อยในช่วงก่อนปิดดีล

 

ก่อนหน้าที่ ห้างขายยา คว้าตัวแข่งวัย 21 ปี ไปร่วมทีม ได้มีเรื่องที่น่าแปลกใจเกิดขึ้นด้วย เพราะจริงๆแล้ว เขาเคยมีโอกาสย้ายไป เรอัล มาดริด ด้วยซ้ำ ก่อนที่ราชันชุดขาวจะหันไปคว้า เอแดร์ มิลิเตา มาแทน

 

ชีวิตค้าแข้งของ ปาลาซิออส ในเยอรมัน เริ่มต้นได้อย่างสวยงาม โดยปัจจุบันลงสนามให้ต้นสังกัดไปแล้ว 4 นัดด้วยกัน

 

 

กองกลาง | มานูเอล ลานซินี่

 

 

เส้นทางค้าแข้ง : ริเวอร์เพลท, อัล จาซิล่า, เวสต์แฮม

 

ลานซินี่ ลงสนามให้ ริเวอร์เพลท ร่วมๆเกือบ 100 นัด หลังเลื่อนขึ้นมาจากทีมเยาวชน และฉายแววในช่วงที่เล่นแบบยืมตัวกับ ฟลูมิเนนเซ่ ในลีกบราซิล

 

แต่จู่ๆ เพลย์เมกเกอร์แดนฟ้าขาว ก็สร้างความงงงวยให้กับแฟนบอลในบ้านเกิดด้วยการย้ายไปร่วมทีม อัล จาซิล่า ในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เมื่อปี 2014 แต่ในปีต่อมา เวสต์แฮม ก็ลองยืมตัวมาใช้งาน ก่อนจะซื้อขาดในปี 2016 หลังทำผลงานได้โดดเด่นในพรีเมียร์ลีก และยังเป็นหนึ่งในตัวหลักของทีมจนถึงตอนนี้

 

 

ตัวริมเส้นฝั่งขวา | อเล็กซิส ซานเชซ

 

 

เส้นทางค้าแข้ง : คาเบรลัว, อูดิเนเซ่, โคโล โคโล่, ริเวอร์เพลท, บาร์เซโลน่า, อาร์เซน่อล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อินเตอร์ มิลาน 

 

แม้ อเล็กซิส ซานเชซ จะอยู่ค้าแข้งกับ ริเวอร์เพลท เพียงแค่ฤดูกาลเดียวด้วยสัญญายืมตัวจาก อูดิเนเซ่ แต่นั่นก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาพัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นดาวเด่นในเซเรียอาได้

 

หลังจากพาทีมคว้าแชมป์ลีกในปี 2008 ร่วมกับ ฟัลเกา และ เอเรียล ออร์เตก้า ปีกชาวชิลี ก็ยกระดับเป็นตัวรุกเบอร์ต้นๆในลีกอิตาลีในปีต่อๆมา ก่อนจะย้ายไป บาร์เซโลน่า ในปี 2011

 

จริงๆ ซานเชซ ทำผลงานได้ดีใช้ได้กับ บาร์ซ่า ด้วยการยิงไป 41 ประตู จาก 141 เกม แต่การมาของ เนย์มาร์ ทำให้เขาต้องเดินออกมาจากคัมป์ นู สู่ อาร์เซน่อล ในปี 2013 แต่อีก 5 ปี ต่อมา เขาก็โยกย้ายไปเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่นั่นกลับกลายเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดในอาชีพค้าแข้งของ ซานเชซ 

 

อีกทั้งการย้ายไปเล่นกับ อินเตอร์ มิลาน แบบยืมตัวในฤดูกาลนี้ ก็ไม่ได้ช่วยให้แข้งวัย 31 ปี กลับมาเป็นคนเดิมได้แต่อย่างใด

 

 

กองกลางตัวรุก | เอริค ลาเมล่า

 

 

เส้นทางค้าแข้ง : ริเวอร์เพลท, โรม่า, สเปอร์ส

 

ริเวอรเพลท มักสร้างนักเตะตัวรุกมาประดับวงการลูกหนังมากกว่าตำแหน่งอื่นๆเป็นพิเศษ และหนึ่งในดาวเด่นที่พวกเขาเคยปลุกปั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็คือ เอริค ลาเมล่า ที่โผล่ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ได้ตั้งแต่อายุ 17 ปี

 

ด้วยลีลาที่โดดเด่นเกินใครในวัยเดียวกัน ทำให้ โรม่า คว้าตัวเขาไปร่วมทีมในปี 2011 และ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ตำนานของหมาป่ากรุงโรม ถึงขนาดออกปากยกให้ ลาเมล่า เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเขาเลย แต่ในปี 2013 ตัวรุกจอมพริ้วเลือกย้ายไปร่วมทีม สเปอร์ส ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ แทนที่ แกเร็ธ เบล ที่ขายให้ เรอัล มาดริด ไปก่อนหน้านั้นไม่นาน

 

น่าเสียดายที่ แข้งวัย 28 ปี ไม่สามารถเติมเต็มช่องว่างที่ เบล ทิ้งไว้ได้ แต่ถึงอย่างนั้น ลาเมล่า ก็ทุ่มเทเพื่อสโมสรอย่างเต็มที่ในทุกๆนาทีที่ลงสนาม และเป็นที่รักของเหล่า ยิด อาร์มี่ ตลอดเวลาเกือบ 7 ปีที่ผ่านมา

 

 

กองหน้า | กอนซาโล่ อิกวาอิน

 

 

เส้นทางค้าแข้ง : ริเวอร์เพลท, เรอัล มาดริด, นาโปลี, ยูเวนตุส, มิลาน, เชลซี, ยูเวนตุส  

 

อิกวาอินขึ้นมาโชว์ฝีเท้าในทีมชุดใหญ่ของ ริเวอร์เพลท เพียง 2 ฤดูกาล แต่แค่นั้น ฟอร์มการเล่นของเขาก็ยอดเยี่ยมพอที่จะเตะตาแมวของ เรอัล มาดริด จนได้ย้ายไปเล่นในสเปน เมื่อปี 2007 ขณะมีอายุเพียง 19 ปี

 

หอกชาวอาร์เจนไตน์ คว้าแชมป์มากมายกับ ราชันชุดขาว แต่การย้ายไปเล่นกับ นาโปลี ในปี 2013-2016 คือช่วงเวลาที่ เอล ปิปิต้า กลายร่างเป็นกองหน้าระดับโลกอย่างแท้จริง โดยฤดูกาลสุดท้ายในเมืองเมเปิ้ลส์ เขาซัดไปทั้งหมด 36 ประตู จากการลงเล่นเพียง 35 นัดในลีก

 

ต่อมา อิกวาอิน ย้ายไปร่วมทีม ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิตินักเตะแพงสุดเป็นอันดับ 4 ของสโมสรในตอนนั้น จนกระทั่งการมาของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในปี 2018 ทำให้บทบาทของเขาลดน้อยลง จนถูกปล่อยให้ มิลาน กับ เชลซี ยืมไปใช้งาน 

 

อย่างไรก็ตาม การที่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ อดีตนายเก่าที่เข้ามาเป็นกุนซือใหม่เบียงโคเนรี่ ฤดูกาลนี้ ทำให้ อิกวาอิน กลับมามีบทบาทในทีมอีกครั้ง

 

 

กองหน้า | ราดาเมล ฟัลเกา

 

 

เส้นทางค้าแข้ง : แลนเซลอส บายาก้า, ริเวอร์เพลท, ปอร์โต้, แอตเลติโก้ มาดริด, โมนาโก, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, โมนาโก, กาลาตาซาราย

 

ราดาเมล ฟัลเกา เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ แลนเซลอส บายาก้า สโมสรในโคลอมเบียบ้านเกิด ก่อนจะย้ายมาร่วมทีม ริเวอร์เพลท ในปี 2000 

 

แม้ต้องเวลาซักพักกว่าจะแจ้งเกิดในชุดใหญ่ได้ เนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บ แต่ด้วยประตูจำนวน 45 ลูก จาก 111 นัดกับทีมดังแดนฟ้าขาว ก็ทำให้ ปอร์โต้ ตัดสินใจดึงเขาไปร่วมทีมในปี 2009 และยกระดับเป็นกองหน้าระดับโลกกับ แอตเลติโก้ มาดริด ในเวลาต่อมา

 

น่าเสียดาย ที่ เอล ติเกร้ ไม่สามารถฉายฟอร์มเก่งได้แม้แต่นิดเดียวในอังกฤษ แม้จะอยู้กับทีมใหญ่ๆอย่าง  ปีศาจแดง หรือ สิงห์บลู ก็ตาม โดยปัจจุบัน ดาวยิงวัย 34 ปี กำลังค้าแข้งกับ กาลาตาซาราย ทีมดังในตุรกี ที่ย้ายไปร่วมทีมตั้งแต่ซัมเมอร์ปีก่อน