ขุนพลคู่ใจมอยส์ : สตีเว่น พีนาร์ กับการผจญภัยค้าแข้งในยุโรป

 

ตลอดช่วงเวลาที่ เดวิด มอยส์ กุมบังเหียน เอฟเวอร์ตัน ถูกบีบให้ใช้งบประมาณเสริมทัพที่จำกัด และพยายามไล่ตามทีมระดับต้นๆในพรีเมียร์ลีกที่มีทุนในการจ่ายค่าตัว,ค่าเหนื่อยผู้เล่นแบบมหาศาล

 

แต่ผลที่ตามมา มีไม่กี่ครั้งที่ ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน ทำผิดพลาดในการคว้านักเตะใหม่มาร่วมทีม พวกเขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อรองมากมายในขณะที่ต้องแข่งขันกับทีมอื่นมากมาย การคว้า สตีเว่น พีนาร์ ด้วยค่าตัวเพียง 2 ล้านปอนด์ คือหนึ่งในดีลที่ยอดเยี่ยมของพวกเขา

 

กองกลางชาวแอฟริกาใต้ กลายเป็นที่โปรดปรานของกุนซือ และแฟนบอลของท็อฟฟี่อย่างมาก ด้วยการทุ่มเททำหน้าที่ และเสียสละเพื่อทีมแบบไม่มีบ่น ทำให้เขาได้ลงเล่นกว่า 200 นัด ตลอด 2 ช่วงเวลาที่ค้าแข้งใน กูดิสัน ปาร์ค

 

“นี่เป็นสโมสรที่พิเศษ” พีนาร์ กล่าว “นับตั้งแต่ผมย้ายมาร่วมทีม การได้เดินบนท้องถนน  พบปะและทักทายผู้คน พวกเขาใจดีกับผมเสมอ พวกเขาทำให้ผมรู้สึกเป็นที่ต้องการ เหมือนผมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว”

 

“เหล่าแฟนๆเป็นเหมือนครอบครัวของผมเสมอ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงทุ่มเททุกอย่างที่ผมทำได้ เป็นเพราะวิธีที่พวกเขาทำให้ผมรู้สึกเช่นนั้น”

 

 

ครั้งแรกในยุโรป

 

 

พีนาร์ ใช้เวลาไม่นานในการทำให้เมืองลิเวอร์พูลไม่ต่างจากบ้านที่อบอุ่น แต่กว่าจะถึงตอนนี้ เขาได้เติบโตในทางใต้ของ เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ที่ห่างจากอังกฤษกว่า 9096 กิโลเมตร ซึ่งเป็นสถานที่เขาเริ่มต้นมีความฝันในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

 

“พื้นที่ที่ผมเติบโตนั่นค่อนข้างลำบาก” พีนาร์กล่าว “มีผู้ค้ายาเสพติดมากมาย อาชญากรรม และ ความยากจนก็มีสูง มันลำบากจเลยล่ะ แม่ของผมมักจะทำให้มั่นใจเสมอว่าเราอยู่ในบ้าน หรือไปถึงโรงเรียนจริงๆ นี่เป็นเรื่องยากสำหรับท่าน แต่ด้วยระเบียบวินัยทั้งหมดที่เราได้จากบ้านก็ช่วยเราได้ในตอนเป็นเด็กเหมือนกัน”

 

“แม่ซื้อลูกบอลพลาสติก และผมอนุญาตให้เล่นได้ในสวนเท่านั้น ผมห้ามออกไปเล่นข้างนอกกับเพื่อนๆ ผมจึงเริ่มเตะบอลอัดกำแพง อัดหน้าต่าง ซึ่งแตกไปหลายบานเลย”

 

ฝีเท้าของ พีนาร์ พัฒนาขึ้นเมื่อได้มาเล่นในท้องถนนกับเพื่อนๆ และปรับตัวเข้าการเล่นแบบนั้นได้อย่างดี ซึ่งในระหว่างที่เรียนอยู่ใน ทรานส์เนต เขาถูกจับตามองจาก อาแจ็กซ์ ทีมดังในแอฟริกาใต้

 

มีหลายสโมสรดังแอฟริกาใต้มากมายที่สนใจ หนึ่งในนั้นคือ ออร์แลนโด้ ไพเรตส์ แต่ พีนาร์ เลือกไปเล่นกับ อาแจ็กซ์ แคปทาวน์ จนมีประสบการณ์กับฟุตบอลอาชีพชุดใหญ่ในบ้านเกิด จากนั้นก็ได้ย้ายไปเล่นกับ อาแจ็กซ์ ใน ฮอลแลนด์ เมื่อมีอายุเพียง 18 ปี

 

เมื่อย้ายมาอัมสเตอร์ดัม พีนาร์ ได้เล่นร่วมกับ มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก และ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ในทีมสำรอง เพื่อขัดเกลาฝีเท้าและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับก้าวต่อไป

 

“พวกเขาต้องการให้คุณเล่นบอลอย่างงดงาม และ ตั้งใจจริง สำหรับผมในฐานะผู้เล่นดาวรุ่ง ผมเรียนรู้มากมายทั้งเรื่องการตัดสินใจที่ถูกต้องยามเคลื่อนที่ และยังอ่านเกมได้ดีขึ้นด้วย”

 

“ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผู้เล่นดาวรุ่งนอกฮอลแลนด์ จะสามารถขึ้นมาชุดใหญ่ได้ในปีแรก ผมต้องทำงานอย่างหนัก ผมต้องปรับให้กับสไตล์การเล่นฟุตบอลให้ได้”

 

 

แจ้งเกิดเต็มตัว

 

 

ประสบการณ์ชุดใหญ่ครั้งแรกของ พีนาร์ เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมปี 2001 เมื่อเขาได้เดินทางร่วมทีมในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบคัดเลือก กับ เซลติก ณ สนามปาร์คเฮด ต่อจากนั้นก็เป็นตัวสำรองในเกอ เดอ กลาซิเกอร์ ดาร์บี้สุดมันส์ระหว่าง อาแจ็กซ์ และ เฟเยนูร์ด

 

แข้งชาวแอฟริกาใต้ได้ประเดิมสนามครั้งแรกจริงๆในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล หลังจาก โรนัลด์ คูมัน เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม ซึ่งเขาก็มีส่วนในการช่วยทีมคว้าแชมป์ลีกและบอลถ้วยในปีนั้น

 

“น่าตกใจจริงๆ แต่ผมก็ภูมิใจด้วย เพราะผมเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวจากชุดสำรองที่ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ได้สำเร็จในตอนนั้น มันเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้เล่นชุดเล็กเดินตามรอยของผม”

 

อาแจ็กซ์ คว้าแชมป์เอเรดิวิซี่อีกครั้งภายใต้การคุมทีมของ คูมัน ในอีก 2 ปีต่อมา และกลายเป็นทีมขาประจำในแชมเปี้ยนส์ลีก แต่ผู้เล่นฝีเท้าดีในทีมทั้ง คริสเตียน ชิวู, เวสลี่ย์ สไนเดอร์, ไนเจล เดอ ยอง, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช และ ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ก็ย้ายทีมกันหมด รวมถึง พีนาร์ ด้วยที่เซ็นสัญญากับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ในช่วงต้นปี 2006

 

“การย้ายจากลีกดัตช์ ไป บุนเดสลีก้า มันเป็นการแข่งขันที่เข้มข้นกว่าและยากกว่า” พีนาร์กล่าว “มันเป็นก้าวที่เหมาะสม ผมย้ายไปในสโมสรที่ไม่มีสถานการณ์ลำบากจากปัญหาด้านการเงินที่พวกเขาเคยเจอมา”

 

“มันเป็นโอกาสที่ดี แน่นอนว่ามีผู้จัดการคนใหม่เข้ามาด้วย (โธมัส ดอลล์) เขาสร้างแผนใหม่สำหรับฤดูกาลนั้น ผู้อำนวยการกีฬาก็มีแผนสำหรับทีม และเขาก็เสริมทัพผู้เล่นมากกว่าที่ควรจะเป็น”

 

 

ขวัญใจเอฟเวอร์โตเนี่ยน

 

 

ด้วยตัวเลือกในทีมมากมาย เสือเหลืองจึงปล่อยให้ พีนาร์ ย้ายไปเล่นกับ เอฟเวอร์ตัน แบบยืมตัวหนึ่งฤดูกาล ซึ่งฤดูกาลก่อนท็อฟฟี่จบอันดับ 6 ในตาราง คว้าตั๋วไปเล่นศึกยูฟ่า คัพ และกำลังตั้งเป้าติดท็อปโฟร์ในฤดูกาลใหม่นี้

 

“ลิเวอร์พูล เป็นเมืองที่น่าหลงใหล พวกเขารักฟุตบอลในแบบของพวกเขา” พีนาร์กล่าวเสริม “เอฟเวอร์ตัน เป็นสโมสรแบบครอบครัว เป็นสโมสรของผู้คน ก่อนที่ผมจะย้ายมา ผมหาข้อมูลเกี่ยวกับทีมมาบ้าง ผู้คนที่อาศัยในอังกฤษบอกผมว่า แฟนบอลมีความคลั่งไคล้มากแค่ไหน นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมอยากรู้สึกถึงจริงๆ”

 

“ความประทับใจแรกของผม เมื่อย้ายมาร่วมทีม คือบรรยากาศที่ผมสัมผัสได้ซึ่งแตกต่างจาก ดอร์ทมุนด์”

 

หลังจาก 2-3 สัปดาห์ต่อมาที่ พีนาร์ ย้ายมา เอฟเวอร์ตันก็คว้า เลห์ตัน เบนส์ มาร่วมทีมในซัมเมอร์ปี 2007 และด้วยความที่เป็นผู้เล่นจอมขยันและสร้างสรรค์เกมได้ดี ทำให้ทั้งคู่เล่นทางฝั่งซ้ายได้อย่างเข้าขารู้ใจ ภายในเวลาไม่นาน

 

ขณะที่ เบนส์ เติมเกมทางด้านข้าง พีนาร์ มักจะหุบเข้าไปข้างในเพื่อเชื่อมเกมกับเพื่อนคนอื่นๆ สร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับคู่แข่ง ซึ่งพวกเขากลายเป็นการโจมตีหลักของเอฟเวอร์ตัน แต่การรับผิดชอบในเกมรับทั้งคู่ก็ทำได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

 

“เราทั้งคู่เป็นผู้เล่นประเภทที่ต้องการทำเพื่อทีม ผู้จัดการรู้เรื่องนี้ดี เราเป็นผู้เล่นที่ซื่อตรง และเราอยากทำงานอย่างหนักเพื่อทีม และช่วยให้ประสบความสำเร็จ”

 

 

“เรามักจะทำงานหนักเสมอ แม้แต่ในการฝึกซ้อมก็ทุ่มเททุกวัน สิ่งที่คุณทำในสนามซ้อม คุณก็นำไปใช้ในสนามจริงด้วย และมันก็ลงตัวทันที”

 

เอฟเวอร์ตัน ยังคงเดินหน้าล่าโทรฟี่ และตั๋วไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกต่อไป แต่ก็ทำไม่สำเร็จ เพราะในปีแรกที่ พีนาร์ ย้ายมาร่วมทีมแบบถาวร ฤดูกาล 2008-09 ทีมรั้งอันดับ 5 และแพ้เชลซี 2-1 ในเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ แต่ก็ยังมีความพิเศษในเรื่องนี้อยู่

 

“ในตอนนั้น ยังไม่มีการลงทุนมากมายนัก” ปีกจากแอฟริกาใต้กล่าว “ผู้จัดการทีมทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมด้วยสิ่งที่เขามี ถ้าเราเสริมทัพมากมายในตอนนั้น ใครจะรู้ล่ะ? มันอาจแตกต่างจากนี้ก็ได้”

 

“เรากำลังถึงขีดจำกัดของทีม เราทุ่มเท่เต็มที่ และนั่นคือทั้งหมดที่เราทำได้ เรายกให้เป็นประสบการณ์ที่ดีของพวกเขาในแบบทีม”

 

 

เลือกมอยส์ เหนือ มาร์ติเนซ

 

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยความต้องการเล่นในระดับที่สูงกว่านี้ทำให้ พีนาร์ ย้ายไปร่วมทีม ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ซึ่งเริ่มเข้ามาลุ้นตำแหน่งท็อปโฟร์ในเดือนมกราคมปี 2011 แต่การย้ายทีมครั้งนั้นกลับไม่เป็นตามที่เจ้าตัวคาดหวังไว้ เนื่องจากอาการบาดเจ็บทำให้เขาไมมีโอกาสมากพอในการลงสนามเพื่อกลายเป็นตัวหลัก และเขาจดจำช่วงเวลาอันเลวร้ายนี้ได้เป็นอย่างดี

 

“เราเล่นในช่วงปลายของพรีซีซั่น กับ แอธเลติก บิลเบา ที่ไวท์ ฮาร์ท เลน 10 นาทีในเกมนั้น ผมยืนอยู่ และเมื่อผมต้องพลิกตัว ผมก็ถูกกระแทกจนล้มลง จนผมไม่สามารถลุกขึ้นเดินได้เลย”

 

“ท้ายที่สุดผมพบว่าเป็น ไส้เลื่อน นั่นแย่มาก ผมใช้เวลาเกือบ 3 เดือนในการต่อสู้กับตัวเอง ทำงานอย่างหนักเพื่อกลับไปฟิตพร้อมอีกครั้ง”

 

เมื่อยามที่กลับมาพร้อมสมบูรณ์ พีนาร์กลับไม่ได้รับโอกาสลงสนามจากสเปอร์ส ทำให้เขาหวนกลับมาเล่นใน กูดิสัน ปาร์ค แบบยืมตัวอีกครั้ง ซึ่งทุกอย่างกลับมาราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น ก่อนจะย้ายกลับมาแบบถาวร และสวมเสื้อท็อฟฟี่ไปอีก 4 ปี ซึ่งในช่วงนี้เองที่เขาเห็นการเปลี่ยนแปลงของทีมจากยุคมอยส์ สู่ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ

 

“พวกเขาเป็นผู้จัดการทีมที่ไม่เหมือนกัน และมีหลักการที่แตกต่างกันด้วย” อดีตแข้งทีมชาติแอฟริกาใต้กล่าว “มอยส์ ค่อนข้างเป็นคนตรงๆ เขาจะบอกว่าเขาคิดอะไรกับคุณ และบอกว่าต้องการให้คุณเล่นแบบไหน ซึ่งเราก็เล่นด้วยการเตรียมตัวที่ดี”

 

“ส่วน มาร์ติเนซ จะเปิดกว้างมากกว่า เขาต้องการเล่นเกมบุกเต็มที่ ผมชอบสไตล์การคุมทีมของทั้งคู่นะ แต่สำหรับผมแล้ว ผมขอเลือกวิธีการทำงาน มอยส์ มากกว่า เพราะเขาเป็นคนตรงๆ บางครั้งอาจจะรุนแรงไปบ้างในการประเมินสิ่งต่างๆ”

 

“มาร์ติเนซ ไม่ค่อยพูดตรงๆออกมา เมื่อทีมได้เล่นแย่แบบสุดๆ คุณต้องบอกพวกเขาไปว่า ‘ฟังนะ วันนี้พวกเขาเล่นได้โคตรห่วยเลย’ แค่นั้นเอง แต่เขากลับกลบเกลื่อนเรื่องนั้นด้วยคำพูดดีๆ แต่เขามีเทคนิคและแทคติกที่แข็งแกร่งเลย และเราทั้งหมดล้วนสนุกกับการซ้อมของเขาเช่นกัน”

 

 

ความวุ่นวายในแมวดำ และชีวิตหลังค้าแข้ง

 

 

พีนาร์ ได้กลับมาร่วมงานกับ มอยส์ กุนซือคู่ใจอีกครั้งที่ ซันเดอร์แลนด์ในช่วงฤดูกาล 2016-17 สุดหายนะ สัญญานเตือนมีขึ้นตั้งแต่เริ่มแข่ง ความมุ่งมั่น และความเป็นหนึ่งเดียวกันที่เคยเห็นในเอฟเวอร์ตัน กลับขาดหายไปอย่างมากในทีมจากเวียร์ไซด์

 

“ทุกอย่างผิดเพี้ยนไปหมดในทีม” พีนาร์เล่าย้อนความหลัง “แม้แต่ตอนที่ผมซ้อมกับพวกเขาในวันแรกๆ ผมก็เห็นได้เลยว่าไม่มีความมุ่งมั่น หรือ ความต้องการ จากนัยตาผู้เล่นเลย คุณสามารถรู้สึกได้ว่าพวกเขาไม่มีความกระหายในการต่อสู่เพื่อกันและกันด้วย”

 

“เมื่อคุณเดินเข้าสู่สนาม คุณต้องทุ่มเททุกอย่างเต็มที่ คุณลงไปเพียงครึ่งๆกลางๆไม่ได้ ทุกคนสามารถสัมผัสได้ สโมสรย่ำแย่ก่อนที่ มอยส์ จะเข้ามาแล้ว เขาไม่ได้ผู้เล่นมากพอย่างที่ต้องการ แต่คุณก็ต้องทำหน้าที่ต่อไปกับสิ่งที่มีอยู่ตรงหน้า”

 

แม้จะล้มเหลวสุดๆในฟุตบอลอังกฤษด้วยการตกชั้นกับ แมวดำในปีนั้น พีนาร์ ก็เดินหน้าค้าแข้งต่อไป โดยย้ายกลับไปเล่นในบ้านเกิดกับ บิดเวสต์ วิตส์ ก่อนจะแขวนสตั๊ดในเดือนมีนาคมปี 2018

 

หลังจากบอกลาอาชีพลูกหนังไปพักใหญ่เพื่อใช้เวลาร่วมกับครอบครัวให้มากกว่าที่เคย พีนาร์ในวัย 38 ปี ก็อยากกลับสู่วงการฟุตบอลอีกครั้ง และเริ่มต้นเส้นทางคุมทีมด้วยการช่วยเหลืองทีม อาแจ็กซ์ ชุดยู-16 ควบคู่ไปกับ เอสวี โรบินฮู้ด ทีมสมัครเล่นในฮอลแลนด์

 

“เป้าหมายของผมคือการได้เป็นโค้ชทีมชุดใหญ่ในฟุตบอลระดับสูงซักวันหนึ่ง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องการเป็นโค้ช ผมต้องการตอบแทนให้วงการ แต่ก็ต้องการทำหน้าที่โค้ชในสโมสรอาชีพระดับสูงด้วย”