คงไม่ต้องหนีตกชั้น! 5 สิ่งที่โซลชาร์ทำพลาดให้กับแมนฯยูไนเต็ด

 

ความพยามยามที่จะนำพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกลับมาอยู่จุดเดิมที่เคยอยู่อีกครั้งของโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ดูจะเป็นเรื่องที่สาหัสสากรรจ์ยิ่งหนัก เมื่อเขาพาปีศาจแดงเก็บได้ 9 แต้มในพรีเมียร์ลีกจากทั้งหมด 8 นัดนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลเป็นต้นมา จนทำให้ตกไปอยู่ครึ่งล่างของตาราง และดูเหมือนว่าแนวทางที่เขาทำอยู่นั้นมันจะไม่เป็นใจให้กับเขาสักเท่าไร จนอาจจะกลายเป็นดาบสองคมทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเสียเอง ซึ่งวันนี้ทีมงาน UFA Arena.com จะพาไปดูกันว่าสิ่งใดบ้างที่ทำให้กุนซือชาวนอร์เวย์รายนี้คิดผิดกับการตัดสินใจของตัวเอง

 

5.คำพูดที่ไม่เหมาะในการสัมภาษณ์

 

 

เมื่อคุณอยู่ภายใต้สโมสรที่ใหญ่ที่สุดในโลก สิ่งสำคัญที่สุดก็คือคุณต้องทำให้ลูกทีมของคุณมีแรงจูงใจในการเล่น แต่ดูเหมือนว่าโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ จะไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ดูได้จากการแสดงความคิดเห็นและการให้สัมภาษณ์ของเขาในช่วงที่ผ่านมาเมื่อเจอกับแรงกดดันที่ถาโถม

 

ยกตัวอย่างเช่นการให้สัมภาษณ์ของโซลชาร์หลังเกมกับอาร์เซน่อล“ในพรีเมียร์ลีกไม่ว่าจะเป็นเกมไหน ก็สามารถแพ้ชนะกันได้ทั้งนั้น”ทำให้บรรดา เร้ดเดวิลส์ ต่างสับสนในคำพูดของเขา ส่วนความเห็นหลังเกมที่แพ้ต่อนิวคาสเซิลล่าสุด กุนซือชาวนอร์เวย์ก็เอ่ยออกมาว่า“มันเป็นความรับผิดชอบของผม มันต้องแยกแยะในสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้เล่นหนุ่มของเรายังขาดความมั่นใจในการเล่นและต้องการประสบการณ์อีกมากมาย”

 

อดีตผู้เล่นของปีศาจแดงอย่าง โรบิน ฟานเพอร์ซี่ เชื่อว่า โซลชาร์ใช้คำพูดที่ผิดในการให้สัมภาษณ์หลังเกมกับสาลิกาดง

 

“ในฐานะที่ผมเคยเป็นผู้เล่นผมไม่เข้าใจเลยที่เขาบอกว่า‘การแยกแยะผู้เล่นออกมา’มันหมายความอย่างไร หากคุณเป็นผู้เล่นคุณต้องรู้ตัวเองอยู่แล้วว่าไหวหรือไม่ไหว ดังนั้นเมื่อคุณเห็นลูกทีมขาดความเชื่อมั่น คุณต้องทำยังไงก็ได้ให้พวกเขากลับมาแรงหึกเหิมอีกครั้ง

 

“และเมื่อมองจากการให้สัมภาษณ์สอดคล้องกับเกมที่ได้เห็นไป ผมไม่แน่ใจว่าเขาต้องการสื่ออกมาอย่างนั้นหรือไม่”

 

 

4.เชื่อใจในผู้เล่นเยาวชน

 

 

เมื่อโซลชาร์ได้รับแต่งตั้งให้รับงานเป็นผู้จัดการทีมอย่างถาวรของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาก็ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า จะใช้แกนหลักเป็นผู้เล่นดาวรุ่ง อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ดูเหมือนว่าแนวทางที่เขาวางไว้จะไม่เป็นไปตามที่หวังไว้

 

อีกทางฝากหนึ่งที่ชูนโยบายในการปั้นเด็กเหมือนยูไนเต็ดก็คือเชลซี โดยสิงห์บลูจำเป็นต้องทำเช่นนั่นเพราะพวกเขาโดนฟีฟ่าลงโทษห้ามซื้อขายนักเตะ ส่งผลให้บรรดาดาวรุ่งที่ถูกส่งให้ทีมอื่นยืมตัวไปหลายต่อหลายคน ได้กลับมามีโอกาสลงสนามในฤดูกาลนี้

 

ตรงกันข้ามกับปีศาจแดงที่ผู้เล่นเยาวชนอย่างเมสัน กรีนวู้ด, ทาฮิธ ชอง, และ แองเจิ้ล โกเมส  ถูกขัดเกล้าอยู่แต่ในอคาเดมี่ของตัวเอง จึงไม่ได้มีประสบการณ์เหมือนกับพวกดาวรุ่งของเชลซีที่ได้เรียนรู้วิถีของฟุตบอลอย่างลึกซึ้งกับสโมสรอื่น

 

ในเรื่องของความสามารถแล้วพวกเขามีฝีเท้าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่มันจะเร็วเกินไปที่จะให้พวกเขาขึ้นมาเป็นความหวังในแนวรุกของทีม มันจึงเป็นความผิดพลาดในตลาดซื้อขายของสโมสรที่ไม่สามารถหาใครมาทำหน้าที่ตรงนี้ได้

 

 

3.เสียค่าตัวกับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ มากเกินไป

 

 

แมนฯยูไนเต็ดใกล้จะสมบูรณ์แบบอยู่แล้วในเรื่องของการซื้อขายตัวผู้เล่นในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้แข้งหน้าใหม่มาแค่ 3 รายโดยหนึ่งในนั้นคือ แฮร์รี่ แมกไกวร์  เซ็นเตอร์แบ็คจากเลสเตอร์ ซิตี้ที่ย้ายเข้ามาอยู่ในรั้วโอลด์โอลด์ แทรฟฟอร์ดด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นเจ้าของสถิติคนใหม่ของโลกในตำแหน่งกองหลัง

 

แมกไกวร์ ถือว่าเป็นแนวรับชั้นดีคนหนึ่งในยุคนี้เลยก็ว่าได้ แต่การลงทุนไปถึง 80 ล้านปอนด์มันดูจะเป็นการตัดสินใจที่สิ้นเปลืองไปสักหน่อย ซึ่งมีหลายคนได้นำเอาไปเปรียบเทียบกับ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังชาวดัตช์ที่ย้ายไปลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ เมื่อซีซั่นก่อนว่ามันจะเป็นการเสี่ยงเกินไปมั้ย แต่ดาวเตะทีมชาติฮอลแลนด์ก็พิสูจน์ให้แล้วว่ามันคุ้มค่าแค่ไหน ซึ่งยูไนเต็ดก็คาดหวังไว้ว่ามันจะเป็นเคสที่คล้ายๆกันในการช่วยให้แนวรับของพวกเขาแกร่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเม็ดเงินที่เสียไปนั้นมันจะยังไม่คุ้มค่าตัวสักเท่าไร

 

ดาวเตะทีมชาติอังกฤษเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถสูงคนหนึ่งเลยทีเดียวในทีมปีศาจแดง แต่การใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อแลกกับตัวเขามาในครั้งนี้ มันจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองว่าเขาจะเป็นแข้งคนสำคัญให้กับสโมสรได้หรือไม่ในอนาคต

 

 

2. การปล่อยแนวรุกโดยที่ไม่ซื้อใครมาแทน

 

 

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้กุนซือชาวนอร์เวย์รายนี้จำเป็นต้องใช้ดาวรุ่งลงสนาม เป็นเพราะเขาไม่มีขุมกำลังในแนวรุกที่เชื่อใจได้ จะมีก็แค่ แดเนียล เจมส์ ที่ลงเล่นให้กับปีศาจแดงทุกเกม โดยหลังจากดาวเตะชาวเวลส์เปิดตัวได้อย่างสวยหรู ดูเหมือนว่าฟอร์มช่วงหลังของทีมจะฉุดเขาตกต่ำไปด้วย

 

โซลชาร์ตัดสินใจขาย โรเมลู ลูกากูและปล่อย  อเล็กซิส ซานเชซ ให้อินเตอร์ มิลานยืมตัวในช่วงตลาดหน้าร้อนที่ผ่านมา โดยที่ไม่ได้เซ็นสัญญาผู้เล่นหน้าใหม่มาแทนที่ ไม่เพียงแค่เสียสองแข้งที่ผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาแล้วในเวทีพรีเมียร์ลีก เขายังหาแนวรุกตัวจริงของทีมไม่ได้เลย ในเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่ความผิดทั้งหมดของอดีตซุปเปอร์ซับยุค 90 แต่บอร์ดบริหารต้องมีส่วนรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย

 

อองโตนี่ มาร์ซิยัลได้รับความไว้วางใจให้เป็นกองหน้าตัวเป้าตั้งแต่เปิดฤดูกาล และเขาก็ทำหน้าที่ได้ดี แต่ด้วยอาการบาดเจ็บตั้งแต่เดือนสิงหาคมทำให้เขาต้องพักนานหลายสัปดาห์ ส่งผลทำให้โซลชาร์ต้องเลือกใช้ มาร์คัส แรชฟอร์ดมายืนแทน แต่ทว่าดาวเตะทีมชาติอังกฤษกลับทำประโยชน์ให้ทีมไม่ได้เลย

 

 

1.ต่อสัญญาใหม่ให้ผู้เล่นที่ควรปล่อยออก

 

 

โซลชาร์ ปฏิวัติทีมครั้งใหญ่ด้วยการปล่อยผู้เล่นที่ไม่อยู่ในแผนออกไปหลายคน ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องที่ดีในการสร้างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดขึ้นมาใหม่ แต่ยังมีแข้งบางรายที่ยังได้ไปต่อ ทั้งที่พวกเขาไม่น่าจะได้รับโอกาสแล้ว

 

หลังจากสโมสรได้งบประมาณในการบริหารจัดการทีม พวกเขาก็ได้จัดการต่อสัญญาฉบับใหม่ให้กับผู้เล่นอย่าง  ดาบิด เด เคอา, อองโตนี่ มาร์ซิยัล และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งการทำสัญญากับทั้งสามคนในครั้งนี้มีหลายฝ่ายที่ไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไร แต่การที่ยูไนเต็ดต่อสัญญากับ แอชลีย์ ยัง,ฟิลโจนส์และฮวน มาต้า มันเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะเมื่อมองจากผลงานในช่วงสองสามฤดูกาลหลังแล้วมันไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง

 

เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ปีศาจแดงจัดการต่อสัญญากับผู้เล่นดังกล่าวเป็นเพราะไม่ต้องการเสียนักเตะออกไปแบบฟรีๆหรือไม่ได้ค่าตัวตามที่ต้องการ และกลัวที่จะขาดทุนนั่นเอง ในส่วนของโซลชาร์นั้นเขาเคยให้สัญญากับแฟนบอลว่า จะโละนักเตะที่ไร้คุณภาพออกจากทีม แต่มันก็ไม่เป็นตามที่เขาให้คำมั่นไว้ เมื่อแข้งหลายรายยังคงอยู่กับสโมสร