คนที่ตามหา? : 5 เหตุผลที่เสือเหลืองอาจคืนความยิ่งใหญ่ในยุคของ โรเซ่

 

นับตั้งแต่ไร้เงาของ เจอร์เก้น คล็อปป์ คุมทีมข้างสนาม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็ไม่สามารถกลับมายิ่งใหญ่ในลีกเยอรมันได้อีกเลย แต่ความหวังใหม่กำลังจะมาถึงพวกเขาในซัมเมอร์นี้

 

ในช่วงคืนวันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เสือเหลืองได้ประกาศคว้า มาร์โก โรเซ่ เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในฤดูกาลหน้า โดยเขาจะทำหน้าที่คุม โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค จนจบฤดูกาลนี้เท่านั้น และผลงาน 18 ช่วงเดือนใน โบรุสเซีย ปาร์ค ดูน่าประทับใจไม่น้อย ทั้งการเน้นปั้นดาวรุ่งที่มาพร้อมกับการจัดการที่ยอดเยี่ยม

 

ณ ตอนนี้ ดอร์ทมุนด์ กำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่วุ่นวาย รวมถึงปัญหาที่รออยู่ในภายภาคหน้า ทั้งข่าวย้ายทีมของนักเตะคนสำคัญ หรือการขาดผู้นำที่เด็ดขาดข้างสนาม แต่ว่า โรเซ่ จะใช่คนที่แฟน ๆ ตามหาหรือไม่? UFA ARENA จะพาไปหาวิเคราะห์ถึง 5 เหตุผลที่ทำให้เชื่อว่า กุนซือวัย 42 ปี จะพา ดอร์ทมุนด์ กลับมายิ่งใหญ่ลุ้นแชมป์กับ บาเยิร์น ได้สูสีอีกครั้ง

 

 

สถิติแจ่มยามชนเสือใต้

 

Image result for marco rose vs bayern

 

นี่อาจยังไม่ได้เป็นข้อมูลที่มากมายนัก แต่สถิติของ โรเซ่ ในการพาทีมพบกับ บาเยิร์น มิวนิค ต้องบอกว่าประทับใจพอสมควร ในช่วงระหว่าง 1 ฤดูกาลครึ่งของเขาในทีม กลัดบัค โรเซ่ พบกับ เสือใต้ 3 ครั้ง ซึ่งเอาชนะได้ถึง 2 ครั้ง และพ่ายให้กับเจ้ายุโรปเพียงครั้งเดียว โดยยิงได้ถึง 6 ประตู เสียไป 5 ลูก และไม่มีใครทำแต้มจากยอดทีมแคว้นบาวาเรียได้มากกว่า สิงห์หนุ่มในมือของ โรเซ่ อีกแล้ว

 

ขณะที่ ดอร์ทมุนด์ พยายามยกระดับกลับมาเป็นทีมลุ้นแชมป์อีกครั้งในช่วง 2-3 ฤดูกาลหลังสุด แต่ผลงานยามดวลกับ บาเยิร์น กลับแย่จนน่าตกใจในหลาย ๆ ครั้ง พวกเขาชนะเพียงครั้งเดียวจากการพบกันในลีก 8 ครั้งหลัง และบ่อยครั้งก็โดนถล่มยับแบบหมดสภาพและหมดโอกาสลุ้นแชมป์ไปพร้อม ๆ กัน

 

เพราะฉะนั้นหากได้กลยุทธ์และการวางหมากที่เฉียบคมของ โรเซ่ น่าจะทำให้ ดอร์ทมุนด์ กลับมาทำผลงานได้อย่างที่ควรจะเป็นอีกครั้งในฤดูกาลหน้า

 

 

ซี้กันกับฮาแลนด์

 

Image result for marco rose haaland

 

โรเซ่ เคยทำหน้าที่คุมทีม เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก และเป็นคนคว้า เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ จาก โมลด์ ในเดือนมกราคมปี 2019 ทั้งคู่ได้ร่วมงานกันเพียงครึ่งฤดูกาลในออสเตรีย ก่อนที่ โรเซ่ จะย้ายมาคุม กลัดบัค ในซัมเมอร์ปีนั้น และ ฮาแลนด์ ก็ยิงเพียงลูกเดียวหลังบาดเจ็บหนักในฤดูกาลดังกล่าว

 

แต่ กุนซือวัย 42 ปี ก็เป็นคนที่ส่งให้ ฮาแลนด์ ได้ประเดิมสนามกับทีมครั้งแรก และวางรากฐานทีมจนช่วยให้ หอกดาวรุ่งชาวนอร์เวย์กดไป 28 ประตูจาก 25 นัดในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล 2019-20 และจากการสัมภาษณ์กับ โกล ในเดือนตุลาคมปีก่อน แสดงให้เห็นว่าทั้งคู่ยังมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อกันอยู่

 

“เขาเป็นนักเตะที่คิดบวกอย่างเหลือเชื่อเลย” โรเซ่ กล่าวในตอนนั้น “เขามาที่ ซัลซ์บวร์ก ด้วยอาการบาดเจ็บ ต่อสู้แย่งตำแหน่งและจากนั้นก็แจ้งเกิดได้สำเร็จ ในช่วงวัยหนุ่ม เขาสามารถแบกทีมได้แล้ว และแสดงให้เห็นพลังอันมากมาย อีกทั้งยังเป็นคนตลกอีกด้วย แต่ก็ยังมีหลายสิ่งให้เขาเรียนรู้เช่นกัน ซึ่งเขาก็รู้เรื่องนั้นดีเช่นกัน”

 

มีรายงานเผยว่า ฮาแลนด์ อาจย้ายทีมในซัมเมอร์นี้ แฟน ๆ เสือเหลืองคงว่ากุนซือคนใหม่ของทีมจะสามารถโน้มน้าวให้ ดาวยิงเบอร์หนึ่งอยู่กับทีมต่อไปอีกหนึ่งฤดูกาล และเชื่อว่า โรเซ่ น่าจะเข้าใจว่าควรพัฒนาจุดไหนให้กับ ฮาแลนด์ ให้กลายเป็นดาวยิงระดับโลกในอนาคต

 

 

เน้นปั้นดาวรุ่ง

 

 

ใน ซัลซ์บวร์ก และ กลัดบัค โรเซ่ มักพาทีมทำผลงานได้ดีเยี่ยมไปพร้อม ๆกับ การพัฒนาฝีเท้าของผู้เล่นดาวรุ่ง และจุดเด่นในด้านนี้บ่งชี้ว่าเขาเหมาะสมกับการคุมทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มากแค่ไหน

 

ผลงานที่เขาแสดงให้เห็นด้านนี้ชัดเจนกับทีม สิงห์หนุ่ม คือการปั้น มาร์คัส ตูราม ปีกลูกชายของตำนานอย่าง ลิลิยง ตูราม และ ฟลอเรียน นอยเฮ้าส์ กองกลางหนุ่ม ทั้งคู่มีอายุเท่ากัน 23 ปี และมีส่วนสำคัญในการพา กลัดบัค ติดท็อปโฟร์บุนเดสลีก้าในฤดูกาลก่อน รวมถึงพาทีมผ่านเข้ารอบน็อคเอ้าท์ของ แชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลล่าสุด ไม่แปลกที่ทั้ง 2 จะได้รับความสนใจจากสโมสรดังทั่วยุโรป

 

ดอร์ทมุนด์ มีความคาดหวังที่สูงกว่า กลัดบัค อยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ทีมที่มีดาวรุ่งฝีเท้าดีมากกว่าทีมไหนในโลก ณ เวลานี้ ถึงแม้หาก ฮาแลนด์ หรือ จาดอน ซานโซ่ 2 ดาวรุ่งที่ชื่อติดหูแฟนบอลเรียบร้อยจะย้ายทีมด้วยค่าตัวมหาศาลในซัมเมอร์นี้ ก็มีแนวโน้มที่สโมสรจะนำเงินเหล่านั้นมาใช้ลงทุนเพื่อปลุกปั้นให้นักเตะอย่าง จู้ด เบลลิ่งแฮม, ยุสซุฟฟ่า มูโกโก้ และ โจวานนี่ เรย์น่า กลายเป็นยอดแข้งในอนาคตทันที

 

อย่างที่กล่าวไปว่า เสือเหลือง ที่ทีมที่เต็มไปด้วยดาวรุ่งมากมาย แต่การที่ทีมได้ โรเซ่ เข้ามากุมบังเหียน อาจทำให้เหล่าแข้งมากพรสวรรค์เหล่านั้นมองว่าสโมสรแห่งนี้เป็นมากกว่าเป็นบันไดอีกขั้น และเป็นที่ที่พวกเขาสามารถแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้เช่นกัน

 

 

เพรสซิ่งสูงคือสูตรหลัก

 

Image result for marco rose high pressing

 

ดอร์ทมุนด์ ที่ทีมคุ้นเคยกับการเล่นแบบบีบพื้นที่คู่แข่งสูง สไตล์การเล่นที่ทุ่มเทเต็มร้อยเพื่อแย่งบอลกลับมาครองได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามในฤดูกาลนี้ พวกเขานรั้งอันดับที่ 15 ในด้านนี้ แสดงให้เห็นว่ามาตรฐานการแย่งบอลของพวกเขาตกลงชัดเจน

 

เมื่อเทียบกันแล้ว กลัดบัค รั้งอันดับ 5 ในลีกเมืองเบียร์ฤดูกาลล่าสุด โดยมี ยูนิโอน เบอร์ลิน รั้งอันดับ 1 และ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ตามมาเป็นอันดับที่ 2 ซึ่งหลายความว่ามีทีมเดียวในท็อปซิกซ์ในตารางที่โดดเด่นกว่าทีมของ มาร์โก้ โรเซ่

 

นอกจากนี้ สิงห์หนุ่ม ยังคว้าอันดับ 6 กับการชนะการดวลตัวต่อตัว และอยู่อันดับที่ 8 สำหรับการดวลโหม่งแย่งบอล ซึ่งเป็นด้านที่พวกเขาทำได้ดีกว่า ดอร์ทมุนด์ ถึง 2 อย่างในฤดูกาลนี้ ที่ดูนุ่มนิ่มไปพอสมควรในแดนกลาง แต่ โรเซ่ จะช่วยให้พวกเขากลับมามีสมดุลในด้านนี้อีกครั้ง และผู้เล่นอย่าง เบลลิ่งแฮม, โธมัส เดลานี่ย์, อักเซล วิตเซล และ เอมเร่ ชาน น่าจะประสบความสำเร็จกับระบบการเล่นที่เน้นการทุ่มเทของ โรเซ่ 

 

 

สถิติเกมรับสุดแกร่ง

 

Image result for marco rose defend records

 

กลัดบัค และ ดอร์ทมุนด์ เสียประตูเท่ากันที่  31 ประตูในลีกฤดูกาลนี้ ขณะที่ฤดูกาลก่อน สิงห์หนุ่ม เสียน้อยกว่าหนึ่งลูก และเป็นทีมอันดับ 3 ที่มีเกมรับดีที่สุดในบุนเดสลีก้า ตัวเลขอาจไม่ได้หนีกันนัก แตสิ่งที่แตกต่างกันคือการใช้เงินในการจัดการแก้ปัญหาของทั้ง 2 ทีม

 

โรเซ่ ใช้เงิน 18 ล้านปอนด์ ในการเสริมแนวรับใหม่ นับตั้งแต่เริ่มงานในถิ่น โบรุสเซีย ปาร์ค เมื่อ 2 ปีก่อน ส่วน เสือเหลืองใช้เงินกว่า 76 ล้านปอนด์ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยได้ทั้ง มัตส์ ฮุมเมิ้ลส์, นิโก้ ชูลซ์ และ เอ็มเร่ ชาน ซึ่งมีค่าตัวไม่น้อย แม้ได้ลงเล่นเป็นประจำ แต่ก็ไม่ง่ายนักที่พวกเขาจะเก็บคลีนชีทได้

 

นั่นหมายความว่า กลัดบัคในมือของ โรเซ่ ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากับการใช้เงินไม่มาก และการใช้ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงไม่มาก ทำให่เขาไดรับการยกย่องมากกว่าเดิม และ กุนซือชาวเยอรมัน อาจเปลี่ยนแนวรับของ ดอร์ทมุนด์ ที่ดูไม่น่าใว้วางใจให้กลับมาแข็งแกร่งกว่าที่เคยก็เป็นได้