คนนี้พี่ปั้นเอง 10 แข้งโนเนมสุดปังในมือ คล็อปป์

 

การเข้ามาของ เซ็ปป์ ฟาน เดน เบิร์ก ปราการหลังดาวรุ่งวัยเพียง 17ปี ที่ทัพหงส์แดงเพิ่งไปคว้าตัวมา ทำให้หลายฝ่ายจับตากันว่า

นักปั้นมือทองอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ จะนำพาเขาไปในทิศทางไหน

 

ตลอดเวลาหลายปีมีนักเตะโนเนมมากมายที่ถูก คล็อปป์นำเข้ามาสู่ทีมทั้งดอร์ทมุนด์ และลิเวอร์พูล แล้วทำให้พวกเขากลายเป็นนัก

เตะซุปเปอร์สตาร์เบอร์ต้นๆของโลก วันนี้ทาง UFA ARENA จะขอพาทุกคนไปรู้จักแข้งโนเนม ที่คล็อปป์นำมาอัพเกรดให้เทพกว่า

เดิม

 

เฮนริค มคิทาร์ยาน

 

 

กลางรุกชาวอาร์เมเนีย ที่สามารถโชว์ผลงานได้อย่างเข้าตา เจอร์เก้น คล็อปป์ จนต้องหอบเงินไปสู่ขอมาอยู่กับทัพเสือเหลืองใน

ราคา 25ล้านยูโร เมื่อปี 2013 แต่ในช่วงแรกที่ย้ายมา มคิทาร์ยาน เหมือนจะโชว์ฟอร์มไม่ออกจนถึงจุดต่ำสุดในฤดูกาล 2014/15 ที่

ฟอร์มย่ำแย่จนทีมลงไปหนีตกชั้น

 

แต่ในฤดูกาลถัดมา มคิทาร์ยาน ก็เรียกฟอร์มอันสุดยอดกลับมา และเหมือนจะยอดกว่าเดิมด้วยซ้ำจากการเป็นตัวหลักที่พา ดอร์

ทมุนด์ เปลี่ยนจากทีมหนีตกชั้นมาเป็นรองแชมป์บุนเดสลีกา พร้อมสร้างสถิติการจ่ายบอลสูงสุดในลีกรวม 15ครั้ง และยังได้รางวัลนัก

เตะยอดเยี่ยมบุนเดสลีกาจากการโหวต

 

ชินจิ คากาวะ

 

 

จอมทัพชาวญี่ปุ่นที่ถูก คล็อปป์ ซื้อมากจาก เซเรโซ โอซาก้า ด้วยราคาแสนถูกเพียง 3.5ล้านยูโร การเปิดตัวกับทัพเสือเหลืองเรียก

ว่าทำได้ดีไม่น้อย แต่อาการบาดเจ็บก็เล่นงานเขาจนหายหน้าหายตาไป ยังดีที่กลับมาลงสนามได้อีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล

และได้ลงไปเพียงแค่ 18นัด ยิง8ประตูในลีก

 

ฤดูกาลถัดมาคากาวะ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมเต็มตัว พร้อมสร้างผลงานพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในฤดูกาล2011/12 พร้อม

สอยรางวัลนักเตะเอเชียยอดเยี่ยมปี 2012 จนถึงขั้นที่ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หอบเงิน 16ล้านปอนด์ มาสู่ขอไปร่วมทัพ

 

อย่างไรก็ตามการไปร่วมทัพปีศาจแดงของ คากาวะ ดูเหมือนจะไม่สวยหรูเท่าไร จนถูกปล่อยตัวกลับมาให้กับ ดอร์ทมุนด์อีกครั้งในปี

2014 ซึ่งเจ้าตัวก็เรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้อีกครั้ง จนหมือนว่ามีแค่ เจอร์เก้น คล็อปป์เท่านั้นที่มีคู่มือการใช้งานของเขา

 

อิลคาย กุนโดกัน

 

 

ห้องเครื่องอินทรีเหล็ก ย้ายมาอยู่กับดอร์ทมุนด์ในปี 2011 ด้วยราคาเพียงแค่ 4ล้านยูโร ซึ่งในช่วงแรกของการค้าแข้งในสีเสื้อเสือ

เหลืองจะไม่ได้เป็นตัวหลักของทีม แต่พอ นูริ ซาฮิน ออกจากทีมไป เจ้าตัวก็ได้โอกาสเป็นตัวหลักของทีม และก็ทำได้ดีไม่น้อย จน

ทีมสามารถขึ้นไปคว้า ดับเบิ้ลแชมป์ได้สำเร็จในปี 2011/12

 

ในฤดูกาลถัดมา เจ้าตัวก็ยังเป็นตัวหลักของทีมอย่างต่อเนื่อง แถมยังพาทีมเข้าไปชิงแชมเปี้ยนส์ลีกกับ บาเยิร์น มิวนิค น่าเสียดายที่

พวกเขาพลาดท่าไป ฤดูกาลต่อมาเป็นที่น่าเสียดายที่ กุนโดกันได้รับอาการบาดเจ็บจนได้ลงสนามไปเพียงนัดเดียวเท่านั้น แต่ก็ยัง

สามารถกลับมาลงสนามได้อย่างปกติด้วยฟอร์มที่ดีเหมือนเดิม

 

มาริโอ เกิทเซ่

 

 

กองกลางตัวรุกคู่บุญของเจอร์เก้น คล็อปป์เลยก็ว่าได้ เกิทเซ่ถือเป็นเด็กปั้นจากอคาเดมี่ของดอร์ทมุนด์ และได้รับโอกาสจากคล็อปป์

ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ในปี 2009 แต่ในฤดูกาลแรกก็ได้รับโอกาสลงสนามไปได้แค่ 5นัดเท่านั้นในลีก แต่ในฤดูกาลถัดมาดาวเตะ

อินทรีเหล็ก ก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะตัวหลักเต็มตัวด้วยวัยเพียง 18ปีเท่านั้น

 

กลางรุกตัวเก่งเสือเหลืองโชว์ผลงานได้อย่างสวยหรูภายใต้การนำของเจอร์เก้น คล็อปป์ จนกระทั่งยอดทีมแห่งบุนเดสลีกาอีกทีม

อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ก็มาสู่ขอตัวเขาไปร่วมทัพ ซึ่งในปัจจุบัน เกิทเซ่ก็กลับมาอยู่กับดอร์ทมุนด์อีกครั้ง และเจ้าตัวก็ยังคงให้ความ

เคารพ เจอร์เก้น คล็อปป์ มาจนถึงทุกวันนี้

 

 

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

 

 

กองหน้าสุดโนเนมจากลีกโปแลนด์ ที่ถูกคล็อปป์ดึงตัวมาร่วมทัพดอร์ทมุนด์เมื่อปี 2010 ด้วยราคาเพียง 4.2ล้านยูโร พร้อมมอบ

ตำแหน่งดาวยิงตัวหลักให้ทันที แต่ในฤดูกาลแรกฟอร์มจะไม่ได้ดีเด่อะไรด้วยการลงสนามไป 33นัด ยิง 8ประตู

 

แต่ในฤดูกาลต่อมา ดาวยิงชาวโปแลนด์กลับระเบิดฟอร์มเก่งแบบผิดหูผิดตา จากการลงสนามในลีกไป 34นัดยิง 22ประตู พร้อมยึด

ตัวหลักในแดนหน้าแบบถาวร และพาทีมไล่คว้าแชมป์บุนเดสลีกา 2สมัย ดีเอฟเบ โพลคาล 1สมัย จนสุดท้ายคู่ปรับร่วมลีกอย่างทัพ

เสือใต้ก็มาดึงตัวไปร่วมทัพในปี 2014 และก็ยังคงระเบิดฟอร์มเก่งมาจนทุกวันนี้

 

 

โจ โกเมส

 

 

กองหลังดาวรุ่งวัยเพียง 18ปี ที่อยู่กับทีมในลีกล่างของอังกฤษอย่าง ชาร์ลตัน แอธเลติก ด้วยราคาเพียงแค่ 3.5ล้านปอนด์เท่านั้น

ในปี2015 เจ้าตัวเกือบจะได้ยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้แล้ว แต่ก็ดันมาเกิดอาการบาดเจ็บที่เข่าเสียก่อน จนต้องพักยาวไปจนถึงซี

ซั่น 2017/18

 

หลังจากที่กลับมาจากอาการบาดเจ็บเจาตัวก็กลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างดี ทั้งในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง และตำแหน่งแบ๊คขวา

ที่ถูกจับไปยืนแทน เนธาเนียล ไคลน์ที่มีอาการเจ็บ แต่พอฟอร์มจะเข้าที่เข้าทางก็มาเจออาการเจ็บเล่นงานเข้าไปอีก อย่างไรก็ตาม

เจ้าตัวก็สลัดอาการเจ็บกลับมาลงสนามได้แล้ว

 

 

โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่

 

 

ดาวยิงเลือดแซมบ้าถือเป็นนักเตะที่ถูกซื้อเข้ามาสู้ทีมในยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส หลังจากที่โชว์ผลงานเป็นตัวหลักของ

ฮอฟเฟ่นไฮม์ ทีมในบุนเดสลีกา แต่การมาที่เกาะอังกฤษ ดูจะเป็นอะไรที่ไม่ง่ายสำหรับเขา ทั้งเรื่องผลงานการยิงประตูในฐานะนัก

เตะตัวรุก รวมถึงการหาตำแหน่งที่เหมาะสมของตัวเอง

 

แต่การเข้ามาของคล็อปป์ก็เปลี่ยนจากดาวเตะผู้หลงทางสู่การเป็นตัวหลักที่ทัพหงส์แดงขาดไม่ได้ จากการดันเขาไปเป็นกองหน้า

ตัวเป้าที่ทำหน้าที่เชื่อมเกมให้เพื่อนได้ด้วย ทำให้ในปัจจุบัน ฟีร์มิโน่ ลงเล่นให้ลิเวอร์พูลไปแล้วกว่า 191นัด ยิง 66ประตูรวมทุก

รายการ และยังคงเป็นนักเตะตัวหลักของทีมมาจนถึงปัจจุบัน

 

 

แอนดรูว โรเบิร์ตสัน

 

 

ย้อนกลับไปในช่วงที่ แบ๊คร้อยแรงม้ารายนี้ ถูกซื้อตัวมาอยู่ในถิ่นแอนด์ฟิลด์ ด้วยราคา 8ล้านปอนด์ ในซัมเมอร์ปี 2017 หลายฝ่ายต่าง

ตั้งข้อสงสัยว่าซื้อตัวระดับนี้มาเพื่ออะไร แต่ในการลงสนามครั้งแรกเจอกับ คริสตัล พาเลซ เขาก็ระเบิดฟอร์มเก่งคว้า แมน ออฟเดอะ

แมตช์ไปครองตั้งแต่เกมแรกที่ลงสนาม

 

หลังจากนั้นมา แบ๊คชาวสก๊อตแลนด์ก็ได้โอกาสเป็นตัวจริงอย่างถาวรเมื่อ อัลแบร์โต้ โมเรโน่ เกิดอาการบาดเจ็บ บวกกับจุดเด่นใน

เรื่องการเปิดบอล และวิ่งไม่มีหมด จนทุกวันนี้แม้แนวรับทีมชาติสเปนจะหายเจ็บกลับมานานแล้ว แต่ตำแหน่งตัวจริงก็กลายเป็นของ

โรเบิร์ตสันโดยสมบูรณ์

 

 

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

 

 

เด็กปั้นจากอคาเดมี่ของลิเวอร์พูล ที่ถูกเจอร์เก้น คล็อปป์ผลักดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2016 ด้วยวัยเพียงแค่ 17ปี ในตอนนั้นมีคนไม่

น้อยที่คิดว่าเจ้าหนูคนนี้ถูกดันขึ้นีมชุดใหญ่เร็วเกินไปหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามอดีตกัปตันทีมของทัพหงส์แดงอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด

ก็ได้ออกมาหนุนเจ้าหนูรายนี้ว่า จะสามารถก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะระดับโปรได้แน่

 

และก็เป็นแบบที่สตีวี่จีพูดจริงๆ เพราะหลังจากนั้นเขาก็ได้รับโอกาสลงสนามมากขึ้น จนในปัจจุบันก็ยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้

สำเร็จ แม้ฟอร์มจะไม่สม่ำเสมอมากด้วยวัย แต่ด้วยจุดเด่นเรื่องความแม่นยำของลูกฟรีคิก การเปิดบอลอันแม่นยำจนสามารถทำสถิติ

เป็นผู้เล่นในตำแหน่งแนวรับที่แอสซิสต์ได้มากที่สุดในหนึ่งฤดูกาลที่ 12ครั้ง แถมถ้าวัดกันในตำแหน่งอื่นด้วย เจ้าตัวก็เป็นรองแค่

เอเดน อาซาร์(15แอสซิสต์) และ ไรอัน เฟรเซอร์ (14แอสซิสต์) เท่านั้น

 

 

โมฮัมเหม็ด ซาลาห์

 

 

สตาร์ชาวอียิปต์ ก่อนที่จะมาอยู่กับลิเวอร์พูลแม้ว่าเขาจะสามารถโชว์ฟอร์มได้ดีกับโรม่า ในศึกกัลโช่ เซเรียอา แต่ก็ยังนับว่าเป็นเพียง

นักเตะดาษๆคนนึงเท่านั้น แถมบนเวทีพรีเมียร์ลีก เจ้าตัวก็เคยค้าแข้งอยู่กับเชลซีในช่วงปี 2013-2015 แต่ก็ไม่สามารถแจ้งเกิดได้

มาในปี 2017 เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็หอบเงินราว 42ล้านยูโรไปสู่ขอมาร่วมทัพ ท่ามกลางกระแสต่อต้านกับการซื้อนักเตะที่ในเวลานั้น

ยังไม่เคยพิสูจน์ตัวเองในลีกอังกฤษ

 

แต่ภายใต้การทำทีมของคล็อปป์ ก็ทำให้ ซาลาห์ อัพเกรดฟอร์มของตัวเองขึ้นไปได้อีกในฤดูกาลแรกที่เขาเข้ามาร่วมทัพ ก็จัดการ

ลงสนามไป 32นัด ยิง32ประตูในลีก แถมยังพาทีมเข้าไปถึงรอบชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ลบทุกคำสบประมาทตอนที่เขาย้ายเข้ามาสู่

ทีมได้อย่างหมดจด จนถึงปัจจุบัน ซาลาห์ก็ยังคงความร้อนแรงได้อยู่ทั้งในระดับทีมชาติ และสโมสร