คนเดียวกันไหม? 10 แข้งโชว์เทพกับทีมชาติ แต่จืดจางกับสโมสร

 

ฟอร์มการเล่นของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ในฐานะของนักเตะทีมชาติบราซิล ที่ว่าทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในศึกโคปา อเมริกานัด

เปิดสนาม ด้วยการยิง 2ประตู ใส่โบลิเวีย พาทีมถล่มประเดิมสนามไป 3-0 ผิดกับฟอร์มในระดับสโมสรกับบาร์เซโลน่า ที่ไม่สม่ำเสมอ

จนถึงขั้นที่ว่าจะโดนขายทิ้ง

 

วันนี้ทาง UFAARENA จะพาไปชมเหล่านักเตะที่โชว์ฟอร์มสุดเทพในนามทีมชาติ แต่ในระดับสโมสร กลับต่างกันราวฟ้ากับเหว

 

มิโลสลาฟ โครเซ่ |เยอรมัน

 

 

กองหน้าตัวเก่งของอินทรีเหล็กที่เป็นส่วนสำคัญของทีมชาติในการพาทีมเถลิงแชมป์โลกปี 2014 ดาวเตะชาวเยอรมันเป็นกองหน้า

สุดคลาสสิคที่ยังคงไว้ลายอยู่ในฟุตบอลยุคใหม่ก่อนที่จะแขวนสตั๊ดไป

 

แต่ก็ใช่ว่าหอกชาวเยอรมันรายนี้จะไม่ได้รับผลกระทบของกระแสฟุตบอลที่เปลี่ยนไป ในช่วงปี 2007 บาเยิร์น มิวนิค ตัดสินใจดึงตัว

เขามาจาก เวนเดอร์ เบรเมน ซึ่งในตอนนั้นเขาโชว์ฟอร์มได้ดีทั้งในสโมสร และทีมชาติที่เจ้าตัวกดไปถึง 13ประตู คว้ารางวัลดาว

ซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกปี 2006ไปครอง แต่เมื่อย้ายมาอยู่กับทัพเสือใต้ โครเซ่ ก็ไม่สามารถทำประตูได้เกิน 10เม็ดใน

ลีกได้เลยตลอดช่วงที่อยู่กับ บาเยิร์น จนถูกปล่อยตัวให้กับ ลาซิโอ ในปี 2011และจบอาชีพการค้าแข้งไปในที่สุด

 

 

ดิเอโก้ ฟอร์ลัน |อุรุกวัย

 

 

หนึ่งในกองหน้าฝีเท้าจัดจ้านในช่วงยุค 2000 จนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดึงตัวเข้าไปร่วมทัพในปี 2001 แต่เจ้าตัวก็แจ้งเกิดกับปีศาจ

แดงไม่ได้ด้วยการลงไป 98นัด ยิงไปได้แค่ 17ประตู จนถูกปล่อยตัวออกไปให้บียาร์ เรอัล ในปี 2004 ต่อด้วย แอตฯมาดริด ที่เรียกได้

ว่าเป็นจุดพีคสูงสุดของอาชีพการค้าแข้งในระดับสโมสรของเขา

 

ส่วนฟอร์มในทีมชาติ ฟอร์ลันถือเป็นเสาหลักของทีมชาติอุรุกวัย ในฐานะกองหน้าตัวสนับสนุนแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำประตูได้ถึง

36ประตู จากการลงสนาม 112นัด แถมยังเคยได้ตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมของศึกฟุตบอลโลกปี 2010 อีกด้วย อย่างไรก็ตามหลัง

จากนั้นพอกลับมาเล่นกับทัพตราหมี ดาวเตะวัย 31ปีที่อยู่ในช่วงโรยราดันยิงไม่เกิน 10ประตู จนถูกปล่อยตัวออกไปให้ทัพงูใหญ่

 

โจเซ่ เคลเบร์สัน |บราซิล

 

 

ดาวเตะชาวแซมบ้ายังคงถูกพูดถึงในฐานะดีลยอดแย่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงปี 2003 เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไปถูกตา

ต้องใจแข้งรายนี้ที่อวดลวดลายบนเวทีฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งในรายการนั้น เคลเบร์สัน ถือเป็นกำลังสำคัญของทัพแซมบ้า

 

ส่วนในระดับสโมสร เรียกได้ว่าล้มเหลว หลังจากมาอยู่กับปีศาจแดง เขาโชว์ฟอร์มไม่ออกเลยจากการลงสนาม 20นัด ยิงไปได้แค่

2ประตู จนสุดท้ายก็ถูกปล่อยตัวออกไปให้ เบซิคตัส แต่ก็ยังโชว์ฟอร์มไม่ออก และก็ต้องเที่ยวร่อนเร่ค้าแข้งไปเรื่อย ซึ่งไม่ใช่ฟุตบอล

ในระดับสูง ก่อนจะแขวนสตั๊ดไปในปี 2016

 

เอลเดอร์ ปอสติก้า |โปรตุเกส

 

 

กองหน้าชาวโปรตุกีสนับเป็นคนที่เรียกได้อย่างเต็มปากว่าล้มเหลวในการค้าแข้งระดับสโมสร ซึ่งในฐานะกองหน้าเขาไม่เคยยิงประตู

ได้เกิน 15ประตูเลยในเกมลีก ตลอดชีวิตการค้าแข้ง ปอสติก้า เคยย้ายมาโลดแล่นบนเวทีพรีเมียร์ลีกอยู่ในช่วงปี 2003-2004 กับทัพ

ไก่เดือยทอง แต่ก็แค่ฤดูกาลเดียวก็ถูกปล่อยตัวกลับคืนไปให้ปอร์โต้ เนื่องจากเจ้าตัวยิงไปได้แค่ ประตูเดียวในลีกเท่านั้น

 

กลับกันในนามทีมชาติเขาลงเล่นไปทั้งหมด 71นัด ยิง 27ประตู แม้ว่าจะไม่เคยได้คว้าโทรฟี่ใดๆกับทีมชาติ แต่ก็ถือว่าเป็นนักเตะที่

ชอบยิงประตูในเกมสำคัญๆ อย่างในศึกฟุตบอลโลกปี 2014 รอบคัดเลือก เจ้าตัวเป็นผู้ยิงประตูชัยในเกมกับรัสเซีย แต่นาเสียดายที่

ทัพฝอยทองดันพลาดตกรอบแบ่งกลุ่มไปซะก่อน

 

เอจิดิโอ อเรวาโล |อุรุกวัย

 

 

กองกลางตัวรับของทัพจอมโหดที่ในทีมชาติเขาถือเป็นส่วนสำคัญ และเป็นตัวหลักของทีม แถมเคยเป็นกัปตันทีมในช่วงโอลิมปิคที่

ลอนดอนปี 2012อีกด้วยด้วย ซึ่งเจ้าตัวมีจุดเด่นในเรื่องของการวิ่งไม่มีหมด และได้ลงรับใช้ชาติบ้านเกิดไปถึง 95นัด รวมทุกรายการ

 

กลับกันในระดับสโมสร อเรวาโล ถือว่าเป็นนักเตะจอมพเนจรคนหนึ่ง เนื่องจากเขาเดินทางย้ายทีมมากว่า 19ครั้ง ซึ่งฟุตบอลในระดับ

สูงที่สุดที่เจ้าตัวเคยมาค้าแข้งก็คือเวที กัลโช่ เซเรีย อา กับ ปาเลโม่ ที่เขาย้ายมาด้วยสัญญายืมตัว และก็ได้ลงไปเพียง 27นัด ยิง

2ประตู ก่อนจะระหกระเหินย้ายทีมไปอีกเช่นเดิม

 

สเติร์น จอห์น |ตรินิแดดและโตเบโก

 

 

หนึ่งในยอดกองหน้าในลีกล่างของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่เสียดายที่ไม่เคยได้ขึ้นมาวาดลวดลายบนลีกสูงสุดของอังกฤษ หรือแม้

กระทั้งที่ไหนเลย รวมๆแล้วในระดับสโมสรเขายิงไปทั้งหมด 155ประตู จากการลงสนาม 449 นัดให้กับ 10ทีมในแชมเปี้ยนส์ชิพ และ

ลีกวัน

 

ส่วนในระดับทีมชาติ จอห์นถือว่าเป็นผู้เล่นที่ได้ชื่อว่าเป็นตำนานของทีมชาติ ตรินิแดดและโตเบโก แถมยังอยู่ในแทบบนของ

ทำเนียบดาวยิงอันดับที่ 13ร่วมบนเวทีฟุตบอลโลกจากผลงาน ลงไปทั้งหมด 100นัด ยิง 70ประตู

 

เฮนรี่ คามารา |เซเนกัล

 

 

ตำนานดาวยิงตลอดกาลของทีมชาติเซเนกัล จากการลงรับใช้ชาติบ้านเกิดไปถึง 99นัด ยิง 29ประตู และถือเป็นนักเตะตัวหลักของ

ทีมตั้งแต่ช่วงปี 1999-2008 เรียกว่าในระดับชาติ เขาถือเป็นแข้งตำนานของทีมเลยก็ว่าได้

 

กลับกันเส้นทางการค้าแข้งระดับสโมสรของเขากลับไม่ได้เปรี้ยงปร้างเท่าตอนรับใช้ชาติ เพราะเจ้าตัวระหกระเหินย้ายทีมแบบปีต่อปี

จะมีปักหลักอยู่บ้างก็แค่กับ วีแกน แอตเลนติค ในศึกพรีเมียร์ลีกช่วงปี 2005-2009 ซึ่งในตอนนั้นเจ้าตัวลงสนามไปทั้งหมด 77นัด

ยิง 24ประตูรวมทุกรายการ และอีกทีมคือ พาไนโทลิกอส ในลีกกรีซช่วงปี 2011-2014 แต่ก็ไม่ได้มีฟอร์มที่หวือหวาอะไร

 

ยาน โคลเลอร์ |เช็ค

 

 

กองหน้าร่างยักษ์เจ้าของความสูง 2เมตร จารึกผลงานไว้ในระดับชาติ เป็นผู้ทำประตูสูงที่สุดตลอดกาลของ สาธารณรัฐเช็ค ด้วยการ

กดไปทั้งหมด 55ประตู จาก 91นัด ด้วยความที่หากวัดจากทีมในยุโรป การที่เขายิงได้มากขนาดนี้กับประเทศที่ไม่ได้เป็นมหาอำนาจ

ลูกหนัง ถือเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อไม่น้อย

 

ส่วนในระดับสโมสรฟอร์มของเขาแม้ว่าจะดูยิงได้เยอะ แต่ก็ไม่ค่อยสม่ำเสมอ แถมในช่วงปี 2005/06 กับดอร์ทมุนด์ เจ้าตัวก็ไม่ค่อย

ได้ลงสนาม และยิงไปได้แค่ 5ประตูจาก 12เกม หลังจากนั้นก็ถูกปล่อยตัวไปโมนาโก และไม่เคยเค้นฟอร์มเก่งออกมาได้อีกเลย

 

ลูคัส โพลโดลสกี้ |เยอรมัน

 

 

หลังจากที่แจ้งเกิดเต็มตัวกับทีมชาติเยอรมันในช่วงปี 2006 ด้วยการยิงไปถึง 12ประตู จาก 17นัด แถมยังได้รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม

ประจำศึกฟุตบอลโลกปี 2006 อีกด้วย ทำให้เขาโด่งดังเป็นพลุแตกจนมีทีมใหญ่มาจับจ้องกันให้เพียบสุดท้ายก็เป็น บาเยิร์น มิวนิค

ที่คว้าตัวไปร่วมทีมได้สำเร็จ

 

การมาที่ถ้ำเสือใต้ถือเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของ โพลโดลสกี้ เนื่องจากเขาได้ลงสนามไม่สม่ำเสมอ และยิงรวมทุก

รายการไม่เกิน 10ประตูเลยสักซีซั่น จนฤดูกาลก่อนที่จะถูกปล่อยตัวกลับไปให้โคโลญ เจ้าตัวก็โดนปรับลงไปอยู่กับทีมสำรอง แต่ก็

ไม่ได้รับโอกาสลงสนาม จากนั้นเส้นทางอาชีพการค้าแข้งก็ไม่กลับไปเปี้ยงปร้างแบบตอนบอลโลกปี 2006อีกเลย

 

อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน |รัสเซีย

 

 

หนึ่งในดาวเด่นที่สุดบนเวทีฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพ ดาวเตะหมีขาวสร้างสรรค์ผลงานพาทีมบ้านเกิดทะลุไปจนถึง

รอบก่อนรองชนะเลิศจนเป็นที่หมายตาของทีมใหญ่ทั่วยุโรปทั้ง โมนาโก, ยูเวนตุส และ เชลซี ซึ่งสุดท้ายก็เป็น โมนาโก ทีมดังจาก

เมืองน้ำหอมคว้าตัวไปร่วมทัพในราคา 30ล้านยูโร

 

จากผลงานในทีมชาติ ทำให้หลายฝ่ายคาดหวังฟอร์มในระดับสโมสร และการได้ย้ายเข้ามาโลดแล่นบนหนึ่งใน 5ลีกยุโรปอย่างลีก

เอิง กับโมนาโก แต่กลับไม่เป็นไปตามที่หลายฝ่ายหวัง เมื่อได้ลงสนามไปทั้งหมด 30นัด ยิง 3ประตู แอสซิสต์ 3ครั้งในลีก แถมทีม

ยังตกลงไปกองในโซนตกชั้นยังดีที่มาจบอันดับ 17ได้ รอดตกชั้นไปแบบหวุดหวิด