คลอง3คึกคัก! ถึงเวลา เดอะ แรบบิท ประกาศศักดาเขย่าบัลลังก์ไทยลีก

 

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เพิ่งเรียกเสียงฮือฮาสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนบอลด้วยการเปิดตัวนักเตะป้ายแดงระดับบิ๊กเนม อย่าง สารัช อยู่เย็น และ อันเดรส ตูเญซ เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในถิ่น ลีโอ สเตเดี้ยม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับกลับมาลงสู้ศึก โตโยต้า ไทยลีก อีกครั้งช่วงเดือนกันยายน

 

การเสริมทัพของลูกทีม “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ทำให้ขุนพล “เดอะ แรบบิท” กลายเป็นหนึ่งในทีมน่าจับตามองมากที่สุด และด้วยผลงานการออกสตาร์ทที่ยอดเยี่ยม ส่งผลให้พวกเขาถูกยกย่องให้เป็นอีกทีมเต็งแชมป์ไทยลีกซีซั่นนี้ แม้ว่าพลพรรค “กระต่ายแก้ว” เพิ่งพลาดท่าตกชั้นไปเล่นไทยลีก 2 เมื่อปี 2018 ก่อนระเบิดฟอร์มเก่งในศึก เอ็ม 150 แชมป์เปี้ยนชิพ ผงาดคว้าแชมป์ พร้อมตีตั๋วกลับมาเล่นบนลีกสูงสุดหลังร่วงสู่ลีกรองแค่เพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “เดอะ บลูแมชชีน” ซึ่งวันนี้ Ufa Arena จะมาสรุปให้ฟังกันว่าทำไม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ถึงกลายเป็นสโมสรที่มีโอกาสก้าวขึ้นมาสร้างความตื่นเต้นให้กับการแข่งขันศึกไทยลีก ที่เตรียมคัมแบ็กสนามในอีกไม่เดือนข้างหน้านี้

 

เสริมทัพสุดโหด

 

ต้องยอมรับเลยว่าซีซั่นนี้ขุนพล “เดอะ แรบบิท” เดินหน้าเสริมทัพเรียกเสียงฮือฮาจากแฟนบอลได้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การย้ายเข้ามาของผู้เล่นระดับท็อปเมื่อช่วงก่อนออกสตาร์ทฤดูกาล โดยเฉพาะสองนักเตะดีกรีทีมชาติไทย “ปีโป้” สิโรจน์ ฉัตรทอง และ สุมัญญา ปุริสาย รวมไปถึงแข้งต่างชาติประสบการณ์สูงทั้ง วิคเตอร์ คาร์โดโซ แนวรับชาวบราซิล และ นูรชะห์รุล อิดลัน ตะละฮา สุดยอดดาวยิงทีมชาติมาเลเซีย

 

กระทั่งล่าสุด บีจี ปุทม ยูไนเต็ด สร้างเซอร์ไพรส์สะเทือนวงการฟุตบอลไทย ด้วยการคว้า สารัช อยู่เย็น ดาวเตะกัปตัน  เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่อยู่ค้าแข้งกับสโมสรมานานกว่า 11 ปี เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในถิ่น ลีโอ สเตเดี้ยม พร้อมกับอีกหนึ่งกองหลังระดับตำนานฟุตบอลลีกไทย อย่าง อันเดรส ตูเญซ ที่เพิ่งยกเลิกสัญญากับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนที่ผ่านมา

 

นอกจากนี้ทีมของเฮดโค้ช ดุสิต เฉลิมแสน ยังได้อดีตผู้เล่นตัวเก่งของสโมสรทั้ง “เจ้าชายกระต่ายแก้ว” พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ ที่เพิ่งพา สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ โตโยต้า ไทยลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว หวนคืนถิ่นเก่าอีกครั้ง พร้อมกับ “เจ้านิว” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ซึ่งกลับมาจากการยืมตัวกับ โออิตะ ทรินิตะ ในศึก เจลีก ญี่ปุ่น ในซีซั่น 2019 ที่ผ่านมา

 

 

ขุมกำลังแกร่งทุกตำแหน่ง

ภายหลังการเสริมทัพจัดหนักจัดเต็มของ “เดอะ บลูแมชชีน” ฤดูกาลนี้ ส่งผลให้ บีจี ปุทม ยูไนเต็ด กลายเป็นหนึ่งในสโมสรน่าจับตามองมากสุดของศึกไทยลีกซีซั่นที่กำลังจะกลับมาลงสนามกันอีกครั้ง โดยพวกเขาถือเป็นทีมที่มีขุมกำลังแข็งแกร่งแทบจะทุกตำแหน่งเลยก็ว่าได้

 

เริ่มต้นด้วยตำแหน่งผู้รักษาประตูที่มีนายด่านทีมชาติไทย อย่าง ฉัตรชัย บุตรพรม ยืนเฝ้าเสาตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว ตามมาด้วยคู่เซ็นเตอร์ต่างชาติสุดแกร่ง วิคเตอร์ คาร์โดโซ และ อันเดรส ตูเญซ ซึ่งทั้งสองคนถือเป็นกองหลังระดับแถวหน้าของไทยลีก ณ เวลานี้

 

ส่วนแดนกลางไม่ว่าจะเป็น พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, เชาว์วัฒน์ วีระชาติ หรือสองนักเตะใหม่ สุมัญญา ปุริสาย และ สารัช อยู่เย็น ล้วนแล้วแต่เป็นมิดฟิลด์ฝีเท้าคุณภาพสูงทั้งสิ้น ขณะที่กองหน้า บารอส ทาเดลี่ และ นูรชะห์รุล อิดลัน ตะละฮา คือตัวจบสกอร์ที่สามารถฝากความหวังไว้ได้เช่นกัน

 

 

เสียงเชียร์สาวก “กระต่ายแก้ว” ผู้เล่นคนที่ 12

 

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ บีจี ปุทม ยูไนเต็ด กลายเป็นสโมสรที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะยามที่พวกเขาลงเล่นในบ้านของตัว นั่นก็คือเสียงเชียร์จากแฟนบอลที่คอยสนับสนุน และอยู่เคียงข้างทีมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

 

ถึงแม้ “บีจี” อาจจะมีช่วงเวลาที่ย่ำแย่พลาดท่าตกชั้นไปเล่นไทยลีก 2 ช็อคแฟนบอลของตัวเองแบบที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน ทว่าแฟนบอลเหล่านั้นก็ยังไม่ทอดทิ้งสโมสร ก่อนผนึกกำลังร่วมใจเดินหน้าซัพพอร์ตทีมกันต่อ และมีส่วนสำคัญช่วยพลักดันให้ บีจี ปุทม สามารถกลับเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดได้อย่างยิ่งใหญ่ภายในซีซั่นเดียวเท่านั้น

 

ขณะเดียวกันการย้ายเข้ามาของผู้เล่นระดับบิ๊กเนมน่าจะทำถิ่น ลีโอ สเตเดี้ยม ที่มีความจุ 9,000 ที่นั้ง กลับมาคักคักอีกครั้ง และเต็มไปด้วยแฟนบอลที่ต้องการเห็นสโมสรตัวแทนหนึ่งเดียวของคนปทุมธานี ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกไทย อย่างไรก็ตามสิ่งนั้นก็อาจยังไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เนื่องด้วยสถาการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ยังไม่แน่ชัดว่าทางฝั่งสมาคมฟุตบอลจะอนุญาตให้แฟนบอลกลับเข้ามาชมการแข่งขันในสนามได้เลยหรือไม่ ภายหลังเกมไทยลีกกลับมาออกสตาร์ทกันอีกครั้งช่วงเดือนกันยายนนี้

 

 

ออกสตาร์ทซีซั่นร้อนแรง

 

ศึก โตโยต้า ไทยลีก ซีซั่นนี้ ลงเล่นกันไปแล้ว 4 เกม ก่อนที่การแข่งขันจำเป็นต้องถูกพักเบรกตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา โดยลูกทีม “โค้ชโอ่ง” ถือว่าทำผลงานได้อย่างร้อนแรง เก็บชัยชนะ 3 นัด เสมอ 1 เกม และยังไม่แพ้ใครเลย

 

โดยแมตช์ที่ “เดอะ แรบบิท” ทำผลงานน่าประทับใจสุดช่วงออกสตาร์ท 4 นัดแรก คงหนีไม่พ้นเกมประเดิมฤดูกาลซึ่งพวกเขาเปิดรังเหย้า ลีโอ สเตเดี้ยม พลิกแซงเอาชนะ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ไปแบบสุดมันส์ 2 – 1 สร้างความมั่นใจให้กับทีม ก่อนเดินหน้าเก็บ 7 แต้ม จากอีก 3 นัดต่อมา ด้วยการเอาชนะ โปลิศ เทโร, ตราด เอฟซี และเสมอกับ พีที ประจวบ เอฟซี

 

จากฟอร์มอันยอดเยี่ยมของขุนพล “บีจีพียู” ในช่วงเริ่มตันซีซั่นที่ผ่านมา ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่ถูกจับตามองขึ้นมาทันที และคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า บีจี ปทุม คืออีกหนึ่งตัวเต็งลุ้นแชมป์ศึกไทยลีกในปีนี้

 

 

“โค้ชโอ่ง” คนที่ใช่

 

ย้อนกลับไปช่วงปลายปี 2018 ภายหลังจากที่ ดุสิต เฉลิมแสน อดีตแบ็กซ้ายระดับตำนานทีมชาติไทย ตัดสินใจเข้ามารับงานกุนซือในถิ่น ลีโอ สเตเดี้ยม อย่างเป็นทางการ เจ้าตัวถูกตั้งคำถามจากแฟนบอลทันทีว่าจะสามารถพาสโมสรแห่งนี้ประสบความสำเร็จได้หรือไม่

 

แต่จากฟอร์มของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ตลอดซีซั่น 2019 ที่ผ่านมา กับการคว้าแชมป์ไทยลีก 2 ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดันไล่ถล่มตาข่ายคู่แข่งถึง 76 ประตู และเก็บชัยชนะ 24 เกม จากการลงสนาม 34 แมตช์ เป็นสิ่งที่การันตีความยอดเยี่ยมของ “โค้ชโอ่ง” ได้เป็นอย่างดี จนทำให้เทรนเนอร์วัย 50 ปี กลายเป็นกุนซือคนแรกของสโมสรที่อยู่คุมทีมจนครบ 1 ซีซั่น

 

แน่นอนว่าสำหรับฤดูกาลนี้กับการขยับขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุด ถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของ ดุสิต เฉลิมแสน ซึ่งผลงาน 4 นัดแรกที่ผ่านมา ถือว่าทำได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะการเอาชนะคู่ปรับสำคัญอย่างทีม “กิเลนผยอง” ในเกมนัดเปิดสนาม อย่างไรก็ตามคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน จะสามารถพา “บีจีพียู” ประสบความสำเร็จมีแชมป์ติดมือในปีนี้ได้หรือไม่

 

 

ต้วเต็งลุ้นโควต้าฟุตบอลถ้วยสโมสรเอเชีย

 

เป็นที่รู้กันดีว่าสำหรับศึกไทยลีก ซีซั่นใหม่ที่กำลังจะกลับมาลงฟาดแข้งกันอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทีมที่อยู่ในอันดับ 1 – 4 หลังจบครึ่งฤดูกาลแรกจะได้สิทธิ์ลงเล่นฟุตบอลถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2021 ทันที

 

แน่นอนว่านี่คือเป้าหมายหลักของหลายสโมสร กับการได้ไปโลดแล่นในศึกบอลถ้วยสโมสรเอเชีย สำหรับ “บีจี” เองก็เช่นกัน เพราะนับตั้งแต่ที่ลงเล่นรายการนี้ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2015 และต้องกระเด็นตกรอบเพลย์ออฟด้วยการแพ้ ปักกิ่ง กั๋วอัน 3 – 0 พวกเขาก็ไม่เคยได้รับโอกาสกลับมาลงสนามเกม เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกเลย

 

อย่างไรก็ตามจากผลงานการออกสตาร์ทฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม บวกกับการคว้าตัวผู้เล่นคุณภาพสูงเข้ามาเสริมทีมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ “เดอะ บลูแมชชีน” กลายเป็นหนึ่งตัวเต็งมีลุ้นพื้นที่ฟุตบอลถ้วยสโมสรเอเชียฤดูหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย และเชื่อมั่นว่ายอดทีมแห่งคลองรังสิต จะไม่ทำให้แฟนบอลของตัวเองต้องผิดหวังแน่นอน

 

 

ถึงเวลาล่าแชมป์ไทยลีก

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเสริมทัพที่สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจและผลงานช่วงออกสตาร์ทซีซั่นอันยอดเยี่ยม ทำให้ บีจี ปุทม ยูไนเต็ด กลายเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่มีโอกาสก้าวขึ้นเบียดแย่งตำแหน่งแชมป์ โตโยต้า ไทยลีก ในซีซั่นนี้

 

ด้วยขุมกำลังที่แข็งแกร่งดูเหมือนว่าลูกทีมของ “โค้ชโอ่ง” มีภาษีที่ดีกว่าอีกหลายสโมสรพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด แชมป์เก่าที่ยังเริ่มต้นฤดูกาลได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก, เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งเพิ่งตัดสินใจผ่าทีมครั้งใหญ่ รวมไปถึง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับการเสียผู้เล่นคนสำคัญอย่าง อันเดรส ตูเญซ น่าจะทำให้พวกเขามีปัญหาพอสมควร

 

ขณะเดียวกันทีมที่ทำผลงานได้ดีทั้ง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ เอฟซี ก็ถือว่าน่าจับตามองและอาจจะเป็นคู่แข่งที่สำคัญของขุนพล “เดอะ แรบบิท” สำหรับการคั่วแชมป์ลีกสูงสุดของเมืองไทยปีนี้

 

อย่างไรก็ตามด้วยบรรดาเหล่านักเตะฝีคุณภาพของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ภายใต้การทำทีมของ ดุสิต เฉลิมแสน คงถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจำเป็นต้องตั้งเป้ามุ่งไปหาจุดหมายสูงสุดของสโมสร นั่นก็คือการคว้าแชมป์ไทยลีก มาครองให้ได้