คอบอลต้องรู้! 5 ประเด็นร้อนก่อนเกมนัดส่งท้าย ไทยลีก 2019

ในที่สุดการแข่งขันศึกฟุตบอลลีกสูงสุดของเมืองไทย อย่าง โตโยต้า ไทยลีก 2019 ได้เดินทางมาถึงเกมนัดส่งท้ายของฤดูกาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังลงสนามฟาดแข้งกันมายาวนานกว่า 9 เดือน

 

อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าใครกันแน่ระหว่าง “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือ “กว่างโซ้งมหาภัย” ที่จะสามารถผงาดคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ไปครอง หลังทั้งคู่ขับเคี้ยวแย่งแชมป์กันมาจนถึงนัดสุดท้าย รวมไปถึงสถานการณ์ลุ้นหนีตกชั้นอีกหนึ่งโควต้าซึ่งยังคงต้องดิ้นรนกันอยู่ถึง 3 ทีมเลยทีเดียว

 

นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายไฮไลท์สำคัญที่รอให้สาวกคอบอลไทยของ UFA Arena ได้มาติดตามเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมกันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เกมนัดปิดฉากศึก โตโยต้า ไทยลีก ประจำซีซั่น 2019 จะปิดฉากลงอยากเป็นทางการในสัปดาห์นี้

 

 

ไฮไลท์ “บุรีรัมย์ – เชียงราย” ลุ้นแชมป์ ไทยลีก นัดสุดท้าย

 

ไฮไลท์แรกในเกม ไทยลีก 2019 นัดสุดท้าย คงหนีไม่พ้นการลุ้นแชมป์ของสองทีมยักษ์ใหญ่อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ผลัดกันนำผลัดกันตามในตำแหน่งจ่าฝูงของตารางมาจนถึงแมตช์สุดท้ายของฤดูกาลจนได้

 

โดยสถานการณ์ของทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ลูกทีมของ โบซิดาร์ บันโดวิช พวกเขาจะต้องบุกไปเยือน เชียงใหม่ เอฟซี ทีมบ๊วยของตารางที่ตกชั้นไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งหากยอดทีมจากแดนอีสานใต้สามารถบุกมาเอาชนะได้สำเร็จ พวกเขาจะการันตีการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของเมืองไทยสมัยที่ 7 ทันที แต่ถ้าหากพลาดท่าเสมอหรือแพ้ บุรีรัมย์ ต้องลุ้นให้คู่แข่ง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เก็บ 3 แต้มไม่ได้ด้วย

 

ขณะที่ทางฝั่งขุนพล “กว่างโซ้งมหาภัย” งานของพวกเขาดูจะหนักว่าพอสมควรกับการบุกไปเยือน สุพรรณบุรี เอฟซี ทีมที่ยังต้องดิ้นรนหนีการตกชั้น และพวกเขาจำเป็นต้องชนะสถานเดียวเท่านั้น พร้อมกำลังส่งกำลังใจเชียร์ทีมบ้านใกล้เรือนเคียง เชียงใหม่ เอฟซี อย่างน้อยๆ แบ่งแต้มกับ บุรีรัมย์ ให้ได้ในเกมนี้ และพวกเขาจะสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ ไทยลีก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรทันที

 

นอกจากนี้หากพูดถึงการลุ้นแชมป์จนถึงนัดสุดท้ายในศึก ไทยลีก ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นคือซีซั่น 2014 ซึ่งเป็นการดวลกันระหว่าง บุรีรมย์ ยูไนเต็ด ก่อนลงเล่นนัดสุดท้ายมีแต้มนำห่าง ชลบุรี เอฟซี 1 คะแนนเท่านั้น อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดขุนพล “เซราะกราว” เป็นฝ่ายที่เข้าวินได้สำเร็จ หลังเปิดบ้านชนะ เพื่อนตำรวจ 2 – 1 ขณะที่คูแข่ง “ฉลามชล” ทำได้แค่เสมอกับ ทีโอที เอสซี คาบ้าน 1 – 1 เท่านั้น

 

 

สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ลุ้นเป็นแชมป์หน้าใหม่ครั้งแรกรอบ 12 ปี

 

ทัพ “กว่างโซ้งมหาภัย” ลูกทีมของ ไอล์ตัน ซิลวา ทำผลงานได้อย่างน่าทึ่งสุดๆ ในซีซั่นนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่ทีมที่เต็มไปด้วยซุปเปอร์สตาร์แถวหน้าของลีกอย่างที่เคยเป็น ทว่าเหล่าดาวรุ่งที่ถูกดันขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่กลับทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล, เอกนิษฐ์ ปัญญา และ อภิรักษ์ วรวงษ์ รวมไปถึงบรรดาแกนหลักเดิมที่ยังคงรักษาผลงานของตัวเองได้ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้ง บิล โรซิม่า, วิลเลี่ยน เอ็นริ หรือแม้กระทั่ง ศิวกร เตียสกุล และ พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์

 

นั่นส่งผลให้พวกเขาเบียดลุ้นตำแหน่งแชมป์ ไทยลีก 2019 กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาต่อเนื่องจนถึงนัดสุดท้ายของซีซั่น ซึ่งในเกมวันเสาร์นี้ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด จะต้องบุกไปเยือน สุพรรณบุรี เอฟซี ซึ่งถ้าหากพวกเขาคว้าชัยชนะได้สำเร็จ และคู่แข่งทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ไม่ชนะ เชียงใหม่ เอฟซี พวกเขาจะผงาดคว้าแชมป์ลีกสมัยแรกของสโมสรทันที

 

โดยนั่นหมายความว่า สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด จะกลายเป็นสโมสรแรกในรอบ 12 ปี ที่ก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของเมืองไทยได้เป็นทีมแรก ซึ่งก่อนที่สองมหาอำนาจลูกหนังแดนสยามจะผลัดดกันได้แชมป์มาเกิน 1 ทศวรรษ ชลบุรี เอฟซี คือสโมสรสุดท้ายนอกจากทั้งคู่ที่คว้าแชมป์ ไทยลีก ได้สำเร็จ เมื่อปี 2007

 

นอกจากนี้ยอดทีมเหนือสุดแดนสยามจะเป็นสโมสรแรกจากโซนภาคเหนือที่สามรถคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกได้สำเร็จ และคว้าแชมป์ได้ครบทุกรายการทั้ง ไทยลีก, เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ

 

 

ชี้ชะตานัดสุดท้าย! 3 ทีมหนีตายโซนตกชั้น

 

ส่วนสถานการณ์โซนหนีตกชั้นทีมสุดท้ายซึ่งยังต้องลุ้นกันอยู่ถึง 3 ทีม ทั้ง นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี, สุพรรณบุรี เอฟซี และ สุโขทัย เอฟซี เรียกได้ว่ายังได้ลุ้นกันมันหยดจนนัดสุดท้ายสนุกสุดมันส์ไม่แพ้การลุ้นแชมป์เลยทีเดียว

 

สำหรับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี โอกาสรอดตายของพวกเขาดูดีมากที่สุดในบรรดา 3 ทีม เนื่องจากเกมนัดสุดท้ายพวกเขาจะต้องเปิดบ้านดวลกับ สุโขทัย คู่แข่งในการหนีตกชั้ยโดยตรง ซึ่งถ้าหากลูกทีมของ “โค้ชหนุ่ย” เฉลิมวุฒิ สง่าพล มีแต้มในเกมนี้พวกเขาจะอยู่ต่อในศึก ไทยลีก ซีซั่นหน้าทันที แต่ถ้าหากทัพ “ค้างคาวไฟ” แพ้คาบ้าน จำเป็นต้องลุ้นให้ สุพรรณบุรี แพ้ด้วยเช่นกัน

 

ทางฝั่ง สุพรรณบุรี เอฟซี เป็นทีมที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วงไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเกมสุดท้ายถึงแม้ทัพ “ช้างศึกยุทธหัตถี” จะได้เล่นในรังเหย้าของตัวเอง แต่ต้องเจอกับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ต้องการคว้า 3 แต้ม เพื่อลุ้นแชมป์ลีกครั้งแรกของสโมสร ซึ่งหากทีมของ อเดบาโย กาเดโบ ทำได้แค่เสมอในเกมนี้ พวกเขาต้องภาวนาให้ สุโขทัย เอาชนะ นครราชสีมา ไม่ได้ แต่ถ้าหาก “สุพรรณ” แพ้ขึ้นมาจำเป็นต้องลุ้นให้ สุโขทัย แพ้สถานเดียวเท่านั้น

 

ท้ายสุดกับทีมที่ต้องเจอกับสถานการณ์ยากลำบากสุดๆ นั่นก็คือ สุโขทัย เอฟซี พวกเขาต้องบุกไปเยือน นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี และจำเป็นต้องชนะให้ได้เพื่อการันตรีการอยู่รอดบนลีกสูงสุดต่อไปซึ่งถือเป็นงานที่หนักมากๆ แต่ถ้าหากทำได้แค่เสมอ ทีมของ “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก พวกเขาต้องลุ้นให้ สุพรรณบุรี เอฟซี ไม่ชนะ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เท่านั้น

 

 

“ค้างคาวไฟ” มีลุ้น! เปิดสถิติ “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก คุมทีมไม่เคยตกชั้น

 

ถ้าพูดถึงทีมที่กำลังลุ้นหนีชั้นกันอยู่ทั้ง 3 ทีมในตอนนี้ ทั้ง นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี, สุพรรณบุรี เอฟซี และ สุโขทัย เอฟซี ต้องยอมรับเลยว่าทัพ “ค้างคาวไฟ” ดูจะเป็นทีมที่มีโอกาสรอดน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้ เนื่องด้วยสถานการณ์ที่พวกเขาจำเป็นต้องชนะเท่านั้นในเกมนัดส่งท้าย แต่ต้องบุกไปเจอกับทีม “สวาทแคท” ที่ยังต้องการแต้มเพื่ออยู่บนลีกสูงสุดต่อไปเช่นเดียวกัน

 

ดูแล้วคงเป็นงานหินสุดๆ สำหรับแข้ง “สุโขทัย” ทว่าภายใต้การทำทีมของ “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก ต้องบอกเลยว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะนี่คือกุนซือที่ขึ้นชื่อเรื่องการพาทีมรอดพ้นจากการตกชั้นมาอย่างช้านาน และทุกทีมที่เจ้าตัวเคยเข้าไปช่วยกู้วิกฤตดิ้นร้นจากการตกไปเล่นในลีกรองของเมืองไทย ยังไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาไม่เคยทำไม่สำเร็จ ทั้งกับ สระบุรี เอฟซี, ซุปเปอร์ พาวเวอร์ สมุทรปราการ และ สุโขทัย เอฟซี เมื่อปี 2017

 

 

เอกนิษฐ์ vs สุภโชค ใครจะคว้าตำแหน่งดาวซันโวแข้งไทย

 

สำหรับการลุ้นตำแหน่งดาวซันโวของศึก โตโยต้า ไทยลีก 2019 ต้องยอมรับว่ามีโอกาสสูงมากที่ ลอนซานา ดุมบูยา ซึ่งกดไปแล้วถึง 18 ประตูในซีซั่นนี้ น่าจะคว้ารางวัลดังกล่าวไปครองได้สำเร็จ เพราะเจ้าตัวยิงนำหน้าอันดับ 2 อย่าง เนลสัน โบนีญา ถึง 2 ประตู

 

อย่างไรก็ตามทางฝั่งการลุ้นตำแหน่งดาวซันโวของบรรดาแข้งชาวไทย ยังคงถือว่ามีลุ้นกันถึง 2 คน นั่นก็คือ เอกนิษฐ์ ปัญญา เพลย์เมกเกอร์อนาคตไกลของ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ยิงไปแล้ว 9 ประตู เท่ากับ สุภโชค สารชาติ แข้งตัวเก่งจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

 

แน่นอนว่านัดสุดท้ายหากทั้งคู่สามารถยิงประตูได้สำเร็จ นอกจากจะเป็นการลุ้นตำแหน่งดาวซันโวนักเตะไทย ให้กับตัวเองแล้ว พวกเขายังมีโอกาสที่จะคว้าแชมป์ ไทยลีก 2019 ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมี ธีระพล เยาะเย้ย จาก สมุทรปารการ ซิตี้ และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่ยิงไปคนละ 8 ลูกเท่า ซึ่งยังพอมีโอกาสอยู่น้อยที่พวกเขาอาจะแซงขึ้นมาคว้าตำแหน่งดังไปกล่าวไปครองก็เป็นได้