คอบอลห้ามพลาด! 7 เหตุผลทำไมต้องดูศึกชิงแชมป์เอเชีย U23 2020

 

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2020 ที่ ไทย จะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ กำลังจะเปิดฉากฟาดแข้งกันอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ซึ่งแน่นอนว่าทัวร์นาเมนต์นี้ถือเป็นรายการที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

 

โดยเฉพาะผลงานของทัพ “ช้างศึก” ที่จะต้องลงเล่นในฐานะเจ้าภาพ เชื่อได้เลยว่าลูกทีมของ อากิระ นิชิโนะ พร้อมที่จะโชว์ผลงานเต็มทีเพื่อสร้างความสุขให้กับแฟนบอลทีมชาติไทย แน่นอน

 

นอกจากนี้การแข่งขันศึกชิงแชมป์เอเชีย U23 ยังเป็นเส้นทางสำหรับคว้าโควต้าไปลงเตะในศึก โอลิมปิก เกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว รวมไปถึงยังมีอีกหลายไฮไลท์สำคัญที่ทำให้รายการนี้มีความเข้มข้น และน่าติดตามอย่างยิ่ง

 

ถ้วยใหญ่รายการแรกของทัพ “ช้างศึก” ปี 2020

สำหรับศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ถือเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่รายการการแรกของทีมชาติไทย ในปี 2020 นี้ หลังจากปีที่ผ่านมาผลงานของทัพ “ช้างศึก” ค่อนข้างน่าผิดหวังพอสมควร ทั้งในระดับชุดใหญ่ และชุด U23 ที่เพิ่งกระเด็นตกรอบแรกในศึก ซีเกมส์ 2019 ครั้งแรกในรอบ 8 ปี มาหมาดๆ เพราะฉะนั้นสำหรับการลงเล่นในรายการนี้ของลูกทีม อากิระ นิชิโนะ ถือว่าน่าจับตามองพอสมควร และนี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ทีมชาติไทย จะต้องโชว์ผลงานให้ดีที่สุดเพื่อเรียกศรัทธาจากแฟนบอลกลับมาให้ได้อีกครั้ง แถมยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับทีมก่อนที่จะต้องเล่นรายการอื่นๆ ในปีนี้ด้วย

 

 

ทีมชาติไทย รับบทเจ้าภาพ

นอกจากศึกชิงแชมป์เอเชีย U23 จะเป็นถ้วยใหญ่รายการแรกที่ทีมชาติไทย จะลงเล่นในปี 2020 แล้ว ประเทศไทย ของเรายังได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ด้วย นี่ถือเป็นการจัดการแข่งขันฟุตบอลระดับทวีปใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ที่เราเคยเป็นเจ้าภาพศึก เอเชี่ยน คัพ เมื่อ 2007 โดยสนามที่จะใช้สำหรับการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์นี้ได้แก่ สนาม ราชมังคลากีฬาสถาน, บุรีรัมย์ สเตเดี้ยม (ช้าง อารีน่า), ธรรมศาสตร์ สเตเดี้ยม และ สนามกีฬาติณสูลานนท์ ซึ่งความพร้อมอยู่ในระดับดีเลยทีเดียว ส่วนอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องจับตามองก็คือผลงานของทัพ “ช้างศึก” ซึ่งเชื่อมั่นได้เลยว่าในฐานะการเป็นเจ้าบ้าน ลูกทีมของเฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น พร้อมเดินหน้าโชว์ผลงานเต็มที่แน่นอน เพื่อหวังสร้างความสุขให้กับแฟนบอลไทย และนี่เป็นอีกเส้นทางสำคัญของทีมชาติไทย ชุด U23 สำหรับเป้าหมายในการผ่านเข้าไปเล่นในศึก โอลิมปิค เกมส์ 2020 อีกด้วย

 

 

รายการลุ้นตั๋ว โอลิมปิก เกมส์ 2020

อยากที่รู้กันดีว่าศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี หนนี้ จะเป็นเส้นทางสำหรับหาตัวแทน 3 ทีมจากทวีปเอเชีย ที่จะได้ตั๋วลงเตะในศึก โอลิมปิก เกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นทัวร์นาเมนต์นี้มีสำคัญกับทั้ง 16 ชาติ ที่ผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายแน่นอน และน่าจะช่วยเพิ่มความเข้มข้นให้กับการแข่งขันรายการนี้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับทีมที่จะได้สิทธิ์ลงเตะใน โอลิมปิก เกมส์ คือ แชมป์, รองแชมป์ และ อันดับที่ 3 ในศึก เอเอฟซี U23 2020 เท่านั้น อย่างไรก็ตามหากทีมชาติญี่ปุ่น สามารถผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ อีก 3 ทีมที่เหลือในรอบเดียวกันจะได้โควต้าแบบอัตโนมัติไปเล่นศึก โอลิมปิก เกมส์ 2020 ทันที

 

 

ทัวร์นาเมนต์ตัดสินอนาคต อากิระ นิชิโนะ

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ทางฝั่งของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้ออกมายืนยันแล้วว่า เทรนเนอร์ชาวญี่ปุ่น อย่าง อากิระ นิชิโนะ จะถูกต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมชาติไทย ออกมาไปอีก 2 ปี แน่นอน ถึงแม้ผลงานในปีที่ผ่านมายังไม่ค่อยน่าพอใจเท่าที่ควร และไม่ว่าผลงานของทัพ “ช้างศึก” ในศึกชิงแชมป์เอเชีย U23 จะเป็นอย่างไรก็ตาม ทั้งนี่ทั้งนั่นก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ในการแข่งขันถ้วยรายการนี้ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์สำคัญของนายใหญ่จากแดนปลาดิบ ว่าจะดีพอสำหรับคุมทีมชาติไทย ต่อไปหรือไหม ซึ่งแน่นอนว่าหากผลงานของทีมในรายการนี้ออกมาไม่ดีอย่างที่แฟนบอลคาดหวัง หรือพลาดท่ากระเด็นตกรอบเร็วกว่าที่คาดการณ์ ไม่แน่ว่าอนาคตรวมไปถึงการเจรจาสัญญาฉบับใหม่ของทางสมาคมกับ นิชิโนะ อาจจะต้องมีการพูดคุยทบทวนกันใหม่อีกครั้งก็เป็นได้

 

 

ส่องดาวรุ่งน่าจับตามองของเอเชีย

นี่ถือเป็นอีกหนึ่งทัวร์นาเมนต์ที่มีเหล่าบรรดาดาวรุ่งให้แฟนบอลได้จับตามองกัน โดยก่อนหน้านี้เคยมีนักเตะฝีเท้าดีมากมายในปัจจุบันที่ก้าวขึ้นไปเป็นซุปเปอร์สตาร์แถวหน้าระดับเอเซีย ซึ่งหลายคนเคยผ่านสังเวียนฟาดแข้งในรายการนี้มาแล้วทั้งนั้น ไมว่าจะเป็น ฮวาง ฮี-ชาน ดาวยิงตัวเก่งทีมชาติเกาหลีใต้, ทาคูมิ มินามิโนะ เพลย์เมกเกอร์ป้ายแดงของทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล รวมไปถึง “เจ้าเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ กองกลางตัวรุกทีมชาติไทย ดีกรี เจ ลีก ก็เคยบงเล่นในรายการนี้มาแล้ว ส่วนในศึกชิงแชมป์เอเชีย U23 ครั้งนี้ นักเตะที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งคงหนีไม่พ้น “เจ้าเช็ค” สุภโชค สารชาติ แข้งจอมทัพของขุนพล “ช้างศึก” นอกจากนั้นยังมี อเล็กซ์ เกอร์สบัค (ออสเตรเลีย), เคย์ตะ เอ็นโดะ (ญี่ปุ่น), ลี ดอง จุน (เกาหลีใต้) และ เหงียน กวง ไฮ (เวียดนาม) ก็ถือเป็นแข้งที่น่าติดตามผลงานไม่แพ้กัน

 

 

ถ้วยแรกของเอเชีย ใช้ VAR ทั้งทัวร์นาเมนต์เต็มรูปแบบ

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของรายการชิงแชมป์เอเชีย U23 2020 คงหนีไม่พ้นการนำเอาเทคโนโลยีช่วยตัดสินอย่าง VAR มาใช้เต็มรูปแบบทั้งทัวร์นาเมนต์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในเอเชีย อีกด้วย ที่มีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ตั้งแต่เกมแรกจนถึงเกมนัดชิงชนะเลิศ หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมาในศึก เอเชี่ยน คัพ 2019 VAR ถูกนำมาใช้แค่เพียงในรอบน็อคเอาท์เท่านั้น และแน่นอนว่านอกจากระบบดังกล่าวจะช่วยเรื่องความถูกต้องในการตัดสินเกมของผู้ตัดสินแล้ว VAR น่าจะช่วยเพิ่มสีสันให้กับการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ได้พอสมควรเลยทีเดียว

 

 

มีแชมป์หน้าใหม่ และคู่ชิงทีมใหม่เกิดขึ้นทุกปี

สำหรับศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ถูกจัดการแข่งขันมาแล้วทั้งหมด 2 ครั้งก่อนหน้านี้ หลังเปลี่ยนระบบการแข่งขันจากเดิม U22 มาเป็น U23 เมื่อปี 2016 และ 2018 ซึ่งแชมป์จาก 2 ครั้งที่ผ่านมาก็คือ ญี่ปุ่น และ อุซเบกิสถาน แต่สิ่งที่ทำให้ทัวร์นาเมนต์นี้น่าสนใจก็คือ ตลอด 2 ครั้งที่ผ่านมาในรายการ เอเอฟซี U23 ทีมที่สามารถทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จยังไม่เคยซ้ำหน้ากันเลย ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, อุซเบกิสถาน และ เวียดนาม ซึ่งนั่นหมายความว่ารายการนี้ทุกทีมมีโอกาสเท่ากันที่จะก้าวไปถึงฝั่งฝันได้สำเร็จ และแน่นอนว่าในชิงแชมป์เอเชีย U23 คราวนี้ เราคงต้องมาจับตาดูกันว่าทีมไหนที่มีโอกาสจะผ่านเข้าไปลุ้นแชมป์ และท้ายที่สุดแล้วถ้วยในรายการนี้จะตกเป็นของชาติไหนกันแน่