มากหลายเท่าตัว : คามาวิงก้ากับแรงกดดันมหาศาลใน โลส บลังโกส

คามาวิงก้า

นอกจากทักษะอันยอดเยี่ยมแล้ว คนคนนั้นต้องมีพรสวรรค์อันโดดเด่นถึงสามารถกลายเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดของฝรั่งเศสในยุคทองที่สร้างสตาร์ดังมาประดับวงการรุ่นสู่รุ่น แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มอย่าง เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า ก็ทำมันสำเร็จแล้ว

และสำหรับเด็กหนุ่มมากพรสวรรค์คนนี้ ความเรียบง่ายที่เหนือกว่าลีลาอันน่าตื่นตาเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงในเส้นทางลูกหนัง

อดีตผู้ลี้ภัยที่เกิดในแองโกล่า และเดินทางมาเติบโตในฝรั่งเศสเมื่ออายุได้ 2 ขวบ สามารถขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ของแรนส์ได้ครั้งแรกตั้งแต่อายุ 16 ปี และเล่นได้สุขุมเยือกเย็นราวกับว่าอยู่กับทีมมานานหลายปีอีกด้วย

ปัจจุบัน กองกลางวัย 18 ปี ย้ายมาค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด หนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ในซัมเมอร์นี้ พร้อมประเดิมนัดแรกได้อย่างฝันด้วยการเบิกประตูให้ต้นสังกัดใหม่ในเกมถล่ม เซลต้า บีโก้ 5-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

แต่นั่นก็ไม่ได้การันตีว่ากองกลางป้ายแดงใน ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว จะแจ้งเกิดกับทีมได้อย่างแน่นอนเช่นกัน หากพิจารณาถึงแรงกดันที่เจ้าตัวต้องพบเจอหลังจากนี้ 

 

แอบฟอร์มตกก่อนลาแรนส์

Camavinga: Real Madrid transfer 'happened so fast' and is a dream come true | Goal.com

การย้ายมาฝรั่งเศสไม่ได้สวยหรูไปเสียทีเดียว เมื่อครอบครัวของ คามาวิงก้า ต้องสูญเสียทรัพย์สินไปเกือบทั้งหมดจากเหตุไฟไหม้บ้านในปี 2013 แต่นั้นก็เป็นแรงกระตุ้นให้เจ้าตัวหันมาเล่นฟุตบอลเพื่อก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะอาชีพแบบจริงจัง

“เขาเป็นคนที่เล่นเป็นทีมได้ดี และเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ใช่คนที่เน้นผลงานส่วนตัวหรือชอบฉายเดี่ยว เขาให้ความเคารพกับการทำงานเป็นทีม” ล็องดรี้ โชแวง โค้ชทีมชาติฝรั่งเศสชุด U-19 ที่เคยปลุกปั้นเขาตั้งแต่ทีมเยาวชนแรนส์ กล่าว

“เขาเล่นด้วยความมั่นใจ เขามักโฟกัสไปที่ตำแหน่งของเพื่อนร่วมทีมเสมอ และยิ้มแย้มเสมอเมื่อได้ลงเล่นในสนาม”

“เมื่อเหล่าดาวรุ่งได้ประเดิมเกมอาชีพนัดแรก พวกเขาหลายคนคิดว่าพวกเขามาถึงที่หมายแล้ว ฉะนั้นพวกเขาจึงทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้น แต่ เอดูอาร์โด้ เป็นหนึ่งในคนที่รู้ว่าควรทำให้เรียบง่าย เพราะเขาฉลาดมากๆเลย”

หลังจากแจ้งเกิดเต็มตัวใน ลีกเอิง กองกลางเชื้อสายคองโก กลายเป็นแข้งทีมชาติอายุน้อยที่สุดที่ได้ประเดิมชุดใหญ่นับตั้งแต่ปี 1914 โดยได้ลงเล่นเกมแรกพบกับ โครเอเชีย ในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เดือนกันยายนปี 2020 และยิงประตูแรกในเดือนต่อมาในเกมอุ่นเครื่องที่จัดหนักใส่ ยูเครน 7-1

ความสนใจของสโมสรที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆไปพร้อมๆกับฝีเท้าของเขาที่พัฒนาขึ้นเช่นกัน และเมื่อสัญญาใกล้หมดลงกับ แรนส์ หลายทีมดังก็เฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด แต่นั่นก็ส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นของเขาเช่นกัน

“เราเริ่มหลุดตำแหน่งตัวจริงกับ แรนส์ ในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา” โรบิน แบร์เนอร์ นักข่าวฟรีแลนซ์ผู้เชี่ยวชาญลูกหนังแดนน้ำหอมกล่าว

“แม้แต่ช่วงต้นปีนี้ เขาก็ไม่ทำผลงานได้ดีที่สุด เขาได้ลงลงเป็นตัวจริงของฤดูกาล แต่ก็ถูกเปลี่ยนตัวออก และถูกวิจารณ์ฟอร์มการเล่น และกลายเป็นตัวสำรองนับตั้งแต่นั้น”

โดยดาวรุ่งแดนน้ำหอมลงเล่นให้ แรนส์ ไปทั้งหมด 39 นัดในทุกรายการเมื่อฤดูกาล 2020-21 แต่ถูกเปลี่ยนตัวออกถึง 21 นัด และลงเป็นตัวสำรองอีก 7 นัด เทียบกับฤดูกาล 2019-20 ที่ถูกเปลี่ยนออกแค่ 8 นัดกับเป็นตัวสำรองอีก 5 นัดเท่านั้น จากทั้งหมด 36 เกมที่ลงสนาม

 

แรงกดดันที่มากกว่าเดิม

Camavinga: “Real Madrid is the world's biggest club” - Managing Madrid

ถึงฟอร์มอาจตกลงไปบ้าง แต่ กองกลางวัย 18 ปี ก็ยังได้รับความสนใจจากสโมสรทั่วยุโรป และกลายเป็น เรอัล มาดริด ที่คว้าลายเซ็นของเขาไปครองได้สมใจ

แน่นอนว่าเจ้าตัวมีความสามารถเพียงพอในการเล่นให้กับ ‘โลส บลังโกส’ แต่ระดับของการแข่งขันและแรงกดดันนั้นมีมากกว่า แรนส์ อยู่หลายเท่าตัว เพราะฉะนั้นเขาอาจเจอปัญหาได้ในทันที หากไม่สามารถปรับตัวหรือโชว์ฟอร์มได้อย่างที่หลายคนคาดหวัง

และหากพิจารณาจากรูปแบบการเสริมทัพของยอดทีมจาก มาดริด ที่มักดึงแข้งดังมาและเรียกร้องหาความสำเร็จจากนักเตะในทันที และการพลาดคว้า คิลิยัน เอ็มบัปเป้ จาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในช่วงก่อนตลาดซัมเมอร์ปิด อาจทำให้ ลูกหม้อของ แรนส์ โดนความกดดันถาโถมไปที่เขาคนเดียวจนถูกกลืนหายไปในทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ

บวกกับประวัติผลงานของมาดริดในการใส่ใจดูแลแข้งเยาวชนดูเหมือนจะไม่เอื้ออำนวยต่อการช่วยเหลือผู้เล่นอย่างเขาเท่าไหร่นัก เพราะเหล่าดาวรุ่งลูกหม้อของ ราชนัชุดขาว แทบไม่มีใครได้ลงเล่นในชุดใหญ่เลยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ขณะการเซ็นสัญญาเหล่าดาวรุ่งก่อนหน้านี้ เช่น มาร์ติน โอเดการ์ด หรือ ดานี่ เซบายอส ก็ถูกปล่อยยืม และโดนหลงจนตกเป็นตัวเลือกท้ายๆในแดนกลาง ซึ่งยากจะกลับมาประสบความสำเร็จได้

ปัญหาลักอีกอย่างคือแดนกลางของ โลส บลังโกส ในปัจจุบันที่ยังคงใช้ คาเซมิโร่, ลูก้า โมดริช และ โทนี่ โครส เป็น 3 ประสานในแผงมิดฟิลด์มาตั้งแต่ตอนที่ อันช่ คุมทีมหนแรก ไล่มาจนถึงยุคของ ซีเนดีน ซีดาน และก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ เมื่อกุนซือชาวอิตาเลี่ยนกลับมาคุมทีมเป็นคำรบที่ 2

ที่พอมีลุ้นแย่งตำแหน่งได้บ้างก็มีเพียง เฟรเดริโก้ บัลเบร์เด้ แต่หากไม่มีอาการบาดเจ็บเล่นงานหรือติดโทษ ทั้ง 3 ก็ยังได้โอกาสก่อนใครเสมอ จึงเป็นเรื่องยากที่ เจ้าหนูวัย 18 ปีจะเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริง หากไม่โชว์ผลงานแบบท็อปฟอร์มจริงๆ

 

ความคาดหวังในอนาคต

The incredible reason former Man United target Edouardo Camavinga joined Real Madrid this summer as Los Blancos' newest superstar nets debut goal against Celta Vigo

อย่างไรก็ตาม ทั้ง โมดริช และ โทนี่ โครส กำลังเข้าสู่ช่วงบั้นปลายของอาชีพค้าแข้ง ทำให้ คามาวิงก้า มองเห็นเส้นทางชัดเจนมากขึ้นในการก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักทดแทนทั้ง 2 คนในอนาคตอันใกล้

รวมไปถึงความสามารถที่กองกลาง เลอ เบลส์ แสดงให้เห็นในช่วง 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมาก็ทำให้แฟนบอลไม่น้อยชื่อว่าเขามีคุณสมบัติที่จะประสบความสำเร็จ

สไตล์การเล่นของแข้งวัย 18 ปี อาจยังไม่ชัดเจนว่าเขาเหมาะสมสำหรับบทบาทใดในแดนกลาง ทั้งตัวรับ, บ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ หรือตัวทำเกม แต่ก็แสดงให้เห็นว่าทำได้ค่อนข้างดีกับหน้าที่ต่างๆที่ได้รับใน 88 นัดที่ลงเล่นให้ แรนส์ ในทีมชุดใหญ่

จุดอ่อนหลักๆที่เห็นได้ชัดตั้งแต่ที่เล่นกับ แรนส์ คงเป็นเรื่องการทำประตูที่ยิงได้เพียง 2 ลูกเท่านั้นใน 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะเขายืนปักหลักอยู่บริเวณแดนกลางเป็นส่วนใหญ่ตลอดเวลาที่ลงสนาม

แน่นอนว่า มาดริดนิสต้า ส่วนใหญ่ คงไม่คาดหวังว่า กองกลางคนใหม่ จะกลายเป็นผู้เล่นตัวหลักในทีมของ คาร์เล็ตโต้ ฤดูกาลนี้ แต่ผลงาน 25 นาทีในฐานะตัวสำรองกับเกมถล่ม เซลต้า บีโก เมื่อสัปดาห์ก่อนน่าจะทำให้หลายๆคนคาดหวังในตัวเจ้าหนูรายนี้บ้างเช่นกัน

ความกดดันกับการเล่นให้สโมสรระดับนี้เป็นเรื่องที่ อดีตลูกหม้อจาก แรนส์ ต้องพบเจอหลังจากนี้เป็นต้นไป เพื่อพิสูจน์ว่าเขาคุ้มค่ากับเงินที่ทีมเสียไปหรือไม่ และ เรอัล มาดริด ก็กดดันไม่แพ้กันในการทำให้ดีลนี้ประสบความสำเร็จในแง่ของผลลัพธ์ในสนาม

อย่างไรก็ดี บางทีการพลาดคว้า เอ็มบัปเป้ ในซัมเมอร์นี้, การมีกุนซือมากบารมีมากฝีมือ เข้าใจในการดูแลนักเตะอย่าง อันเชล็อตติ และการโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจตั้งแต่นัดประเดิมสนาม อาจเป็นเงื่อนไขที่เหมาะสมในการช่วยให้ คามาวิงก้า เติบโตจนก้าวขึ้นไปเฉิดฉายอย่างโดดเด่นและมั่นคงก็เป็นได้

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

คามาวิงก้า
คามาวิงก้ารายต่อไป!? : 11 แข้งดังที่แรนส์ปั้นขายนับตั้งแต่ปี 2010