คาร์ลอส เวล่า : วันเดอร์คิดปืนใหญ่สู่แข้งซุปตาร์แดนลุงแซม

 

เมื่อครั้งหนึ่ง คาร์ลอส เวล่า ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่มีฝีเท้าโดดเด่นและน่าจับตามองที่สุดในโลกกับช่วงที่ค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล เพียงแต่อาชีพของเขากลับไม่เป็นอย่างที่ใคร ๆ คาดหวัง

 

ย้อนกลับไปในปี 2007 นิตยสาร World Soccer ได้จัดอันดับให้ เวล่า ติดทำเนียบดาวรุ่งยอดเยี่ยมเบอร์ต้น ๆ จากทั่วโลก แต่ดาวยิงสัญชาติเม็กซิกัน ไม่สามารถขึ้นไปเป็นตัวหลักให้กับ ปืนใหญ่ ได้ จนต้องย้ายไปเล่นแบบยืมตัว ก่อนถูกขาดขายในเวลาต่อมา

 

อย่างไรก็ตาม เวล่าในวัย 32 ปี กลับเป็นช่วงที่เขาโชว์ผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุดในระดับสโมสรกับ ลอส แองเจลิส เอฟซี สโมสรดังในเมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ ของสหรัฐอเมริกา และสถาปนาเป็นแข้งเบอร์ต้น ๆ ในลีกลุงแซมเรียบร้อย

 

UFA ARENA จึงขอพาทุกท่านไปย้อมรำลึกถึงช่วงชีวิตค้าแข้งของ ดาวเตะแดนจังโก้ ว่าผลิกผันอย่างไรก่อนจะปักหลักสร้างชื่อในอเมริกาเช่นทุกวันนี้

 

 

ดาวเด่นแดนจังโก้

 

The 2005 U17 World Cup winning team was the most successful of all Mexico's great U17 teams. - FMF State Of Mind

 

เวล่า เกิดและเติบโตใน แคนคูน เมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ของเม็กซิโก โดยพ่อของเขาเคยเป็นนักเตะกึ่งอาชีพมาก่อน แต่ในขณะเดียวกันนอกจากกีฬาลูกหนังแล้ว บาสเกตบอล ก็เป็นอีกชนิดกีฬาที่เขาเคยเล่นเมื่อยังเด็ก และยังเป็นชื่นชอบอยู่ในปัจจุบัน

 

แต่ ฟุตบอล ก็เป็นกีฬาเบอร์หนึ่งเขา และหลังจากฝีเท้าเข้าตาสโมสรดังในบ้านเกิด เวล่า ก็ได้ย้ายไปร่วมทีม กัวดาลาจาร่า ชีวาส ซึ่งมีพี่ชายของเขา อเลฮานโดร เริ่มต้นค้าแข้งที่นั่นเช่นกัน

 

หลังจากนั้นในปี 2005 เวล่า ก็พาเม็กซิโก คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกชุด U-17 พร้อมกับรั้งตำแหน่งดาวซัลโวของทัวร์นาเม้นต์ด้วยจำนวน 5 ประตู

 

แต่ยังไม่ทันได้เล่นชุดใหญ่ให้กับสโมสรในบ้านเกิด อาร์เซน่อล สโมสรดังจากอังกฤษ ก็เข้ามากระชากดาวรุ่งอนาคตไกลไปหลังจากนั้นไม่นานด้วยสัญญายาว 5 ปี

 

 

ปล่อยยืมในแดนกระทิง

 

Grandes y pequeños jugadores del Celta de Vigo: CARLOS VELA

 

หลังย้ายมาในอังกฤษ แต่ด้วยการที่ เวล่า ยังไม่ผ่านเวิร์ตเพอร์มิต ทำให้สโมสรรับปล่อยตัวให้เขาให้ทีมอื่นไปใช้งานก่อนกับ เซลต้า บีโก้ ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2006 และกลับมาหลังฤดูกาลจบโดยที่ไม่ลงเล่นซักนัด

 

แต่ช่วงที่ เวล่า ได้ลิ้มรสฟุตบอลสเปนของจริงเกิดขึ้นในฤดูกาลต่อมา หลังย้ายไปเล่นกับ ซาลาแมนซ่า สโมสรในลีกรองแดนกระทิง แม้จะยิงเพียง 8 ประตูจาก 31 นัดในลีก แต่ผลงานในตอนนั้นก็ถือว่าโดดเด่นเกินวัย

 

อย่างไรก็ดี ด้วยข้อจำกัดเกี่ยวกับใบอนุญาตทำงานในอังกฤษ ทำให้ ‘ปืนใหญ่’ ต้องปล่อยยืม เวล่า อีกครั้งให้กับ โอซาซูน่า ในฤดูกาล 2007-08 โดยลงเล่นไปทั้งหมด 33 นัดในลาลีก้า และยิงเพียง 3 ประตู

 

เมื่อจบฤดูกาลดังกล่าว เขาก็กลับมาที่ กันเนอร์ส อีกครั้งเพื่อเตรียมพร้อมประเดิมชุดใหญ่แบบเต็มตัว แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เขาได้ค้าแข้งในสเปนเช่นกัน

 

 

ฉายแสงกับปืนแค่ชัวครู่

 

carlos vela arsenal jersey

 

ทันทีที่กลับมาลอนดอนเหนือ อาร์เซน เวนเกอร์ กุนซืออาร์เซน่อลในตอนนั้นได้เปรียบเทียบ เวล่า กับ เอดูอาร์โด้ ผ่านเว็บไซต์ของสโมสรว่า “เขาเยือกเย็นตรงหน้าปากประตู และยิ้มให้คุณเสมอ เขาไม่เคยกดดันอะไรเลย”

 

เช่นเดียวกับดาวรุ่งในทีมคนอื่น ๆ เวล่า ได้ประเดิมสนามครั้งแรกในเกมลีกคัพ และไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง เมื่อได้ลงตัวจริงครั้งแรกในเดือนกันยายนปี 2008 พร้อมทำสถิติเป็นแข้งอายุน้อยที่ทำแฮตทริกให้สโมสรในเกมถล่ม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 6-0 

 

เขาจบฤดูกาลแรกกับสโมสรด้วยการทำไป 6 ประตูจากทุกรายการ และดูมีอนาคตที่สดใสรออยู่ ทว่าความจริง เขาไม่สามารถก้าวขึ้นเป็นตัวหลักในทีมของ เวนเกอร์ ได้เลยในเวลาต่อมา

 

มีเพียง 2 ประตูเท่านั้นที่เกิดขึ้นจากปลายสตั๊ดของ แข้งชาวเม็กซิกัน กับการลงเล่น 20 นัดในฤดูกาล 2009-10 และช่วงกลางฤดูกาลต่อมา เวล่า ก็โดนปล่อยให้ เวสต์บรอม ยืมไปใช้งานในเดือนมกราคมปี 2011 และกลายเป็นจุดสิ้นสุดของเขากับ อาร์เซน่อล อย่างไม่เป็นทางการ

 

 

เรียกความมั่นใจในโซเซียดาด

 

Real Sociedad and Arsenal 'in Vela talks' - Eurosport

 

เวล่า ยิงเพียง 2 ประตูจากการลงเล่นแบบยืมตัวให้ เวสต์บรอม ซึ่งเกิดขึ้นในเกมที่ยิงประตูตีเสมอช่วงท้ายเกมใส่ วูล์ฟแฮมป์ตัน และประตูตีเสมอช่วงท้ายอีกเช่นกันในเกมพบ สโต๊ค

 

แต่ผลงานโดยรวมในช่วงค้าแข้ง ณ แดนผู้ดี ก็ยังไม่ดีหรือน่าประทับใจสมกับที่หลายคนคาดหวัง ทำให้ เวล่า ถูกปล่อยยืมตามสูตร และย้ายกลับไปเล่นในสเปนอีกครั้งกับ เรอัล โซเซียดาด ในฤดูกาล 2011-12

 

ด้วยผลงาน 3 ประตูก่อนช่วงคริสมาสต์ และสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยในลาลีก้า ทำให้ เวล่า เห็นอนาคตของตนเองอย่างชัดเจนว่าควรเดินไปในทิศทางไหน

 

“ผมไม่อยากกลับไป อาร์เซน่อล อีกแล้วละ ผมขอให้ตัวแทนของผม เจรจากับ อาร์เซน่อล ว่าขออยู่ที่นี่ต่อไป” เวล่า กล่าวในตอนนั้น

 

 

ระเบิดฟอร์มในสเปนรอบ 2 

 

Así era el increíble dúo de Carlos Vela y Griezmann - YouTube

 

เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2011-12 พร้อมกับ 12 ประตู ซึ่งเป็นสถิติสุดสูงในอาชีพต่อหนึ่งฤดูกาล ทำให้ เวล่า หวังว่า โซเซียดาด จะตัดสินใจซื้อขาดตัวเขา และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ในเวลาต่อมา ก่อนที่เขาจะตอบแทนสโมสรได้แบบคุ้มค่าทุกบาทสุกสตางค์

 

ในฤดูกาล 2012-13 เวล่า ได้ประสานงานในแดนหน้าร่วมกับ อองตวน กรีซมันน์ อย่างยอดเยี่ยม ช่วยให้สโมสรคว้าตั๋วไปเล่นรอบคัดเลือกในแชมเปี้ยนส์ลีกได้สำเร็จ และมีเพียง ลิโอเนล เมสซี่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, อเล็กซิส ซานเชซ และ ดีเอโก้ คอสต้า เท่านั้น ที่มีส่วนร่วมกับประตูมากกว่าที่ เวล่า ทำได้ (28 ประตู – 16 ประตู, 12 แอสซิสต์) ในลีกฤดูกาล 2013-14

 

อย่างไรก็ตาม หลังกดไป  21 ประตูในทุกรายการ แต่ปัญหาเดิม ๆ ของเวล่า ก็กลับมาอีกครั้ง นั่นก็คือความสม่ำเสมอ และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ว่าการรักษาฟอร์มให้คงเส้นคงวาในระยะยาว ไม่ใช่จุดเด่นของเขาเลย หลังช่วง 3 ฤดูกาลสุดท้ายกับ โซเซียดาด เขายิงเพียง 16 ประตู จาก 92 นัด

 

 

หวานปนขมในทีมชาติ

 

Carlos Vela called up to Mexican national team for World Cup qualifiers - Angels on Parade

 

หนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญของ เวล่า ย่อมหนีพ้นการเล่นในทีมชาติเม็กซิโก ซึ่งเริ่มต้นเล่นชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2007 หลังสร้างชื่อคว้าแชมป์โลกกับทีมรุ่นเล็ก เมื่อ 2 ปีก่อน

 

เขาลงรับใช้ทัพจังโก้ทั้งหมด 72 นัด ยิงไปทั้งหมด 19 ประตู และตลอด 11 ปีที่ลงเล่นให้ชาติบ้านเกิดเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าจดจำมากมาย รวมถึงเรื่องราวแย่ ๆ เช่นกัน

 

เวล่า โดดเด่นสุดในปี 2009 กับศึกคอนคาเคฟ โกลด์ คัพ ที่สลัดอาการบาดเจ็บลงเล่นในรอบตัดเชือกกับ คอสต้า ริก้า รวมถึงนัดชิงที่ระเบิดฟอร์มเทพพาทีมถล่ม สหรัฐอเมริกา 5-0 คว้าแชมป์ทวีปไปครองอย่างยิ่งใหญ่

 

แต่ในปี 2010 เวล่า ถูกแบนจากทีมชาติเป็นเวลา 6 เดือน หลังจัดปาร์ตี้หลังเกม พร้อมถูกปรับเงินอีกจำนวนหนึ่ง แต่เมื่อพ้นโทษแบน เจ้าตัวก็ปฏิเสธเล่นให้ทีมจังโก้หลายหนในช่วงที่ โจเซ่ มานูเอล เด ลา ตอร์เร่ และ วิคตอร์ มานูเอล มูเชติช เป็นเฮดโค้ช ซึ่งทำให้เขาพลาดลงเล่นศึกฟุตบอลโลกปี 2014 ไปโดยปริยาย

 

อย่างไรก็ดี เวล่า ตัดสินใจกลับมาเล่นในทีมชาติอีกครั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2014 และกลายเป็นแข้งคนสำคัญชุดคว้าแชมป์คอนคาเคฟ โกลด์คัพ ในปี 2015 และได้ลุยบอลโลกในปี 2018 ก่อนที่นั่นจะกลายเป็นครั้งสุดท้ายที่แฟน ๆ เห็น เวล่า ในชุดทีมชาติเม็กซิโก

 

 

ตัวท็อปในลีกลูกหนังมะกัน

 

Is Soccer Superstar Carlos Vela Finally Ready to Embrace the Spotlight?

 

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ เวล่า ได้มาถึงอีกครั้งในเดือนสิงหาคมปี 2017 เมื่อประกาศว่าเขาตัดสินใจบอกลาการค้าแข้งในยุโรป หลังตกลงย้ายไปร่วมทีม แอลเอ เอฟซี ทีมน้องใหม่ของ เมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ 

 

“ผมกำลังจากไปในเวลาที่เหมาะสมกับความต้องการหาการผจญภัยครั้งใหม่ ที่อยู่ใกล้กับประเทศของผม, ที่ที่ครอบครัวของผมสามารถมาหาได้บ่อย ๆ, ที่ที่ผมสามารถกลับบ้านได้บ่อยขึ้น, ที่ที่ผมถูกดึงดูดกับวิถีชีวิตของพวกเขา, วิธีที่พวกเขาคิดเกี่ยวกับฟุตบอลและกีฬาโดยทั่วไป” เขากล่าวผ่านเว็บไซต์สโมสรของ โซเซียดาด

 

การย้ายทีมครั้งนี้ทำให้ชีวิตของ เวล่า มีความสุขมากขึ้น ทั้งการได้ใกล้ชิดกับครอบครัวกว่าที่เคย หรือการได้ติดตาม บาสเกตบอล กีฬาที่เขาชื่นชอบอีกชนิดได้มากกว่าเดิม

 

มากไปกว่านั้ ผลงานในสนามก็กลับมายอดเยี่ยมอีกครั้ง หลังกดไป 14 ประตูกับ 11 แอสซิสต์ ในปีแรกกับสโมสรด้วยจำนวน 29 นัด และยอดเยี่ยมมากกว่าเดิมในฤดูกาลต่อมา หลังซัดไป 38 ประตู กับ 12 แอสซิสต์ จาก 36 นัดเท่านั้น

 

ช่วงปี 2020 ที่ฟุตบอลต้องรีสตาร์ทจากไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดทั่วโลก เวล่า ได้ลงเล่นในศึก คอนคาเคฟ แชมเปี้ยนส์ลีก และต้องเผชิญหน้ากับสโมสรในเม็กซิโกบ้านเกิดเป็นครั้งแรก ทั้ง เลออน, ครูซ อาซูล และ คลับ อเมริกา แต่ก็ยิงประตูได้ทั้ง 2 ทีม พร้อมช่วยให้ แอลเอ เอฟซี เป็นสโมสรแรกใน เมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ ที่เอาชนะ 3 สโมสรจากแดนจังโก้ได้ในทัวร์เนาเมนต์เดียว

 

น่าเสียดายที่ เวล่า เอาชนะสโมสรจากเม็กซิโกทีมที่ 4 ในรายการนั้นอย่าง ติเกรส ที่มี อังเดร ปิแอร์ ชีญัก เป็นตัวชูโรง ไม่ได้ในนัดชิงชนะเลิศของศึกชิงแชมป์ทวีประดับสโมสร แต่ก็ได้รางวัลแข้งยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์เป็นสิ่งปลอบใจแทน

 

จริงอยู่ที่ เวล่า อาจไม่สามารถทำผลงานยอดเยี่ยมได้อย่างที่หลายคนคาดหวังในช่วงแรกของอาชีพค้าแข้ง แต่ในตอนนี้เขาพัฒนาจนกลายเป็นดาวดังเบอร์ต้นในลีกลุงแซม และประสบความสำเร็จในเส้นทางของตัวเองแบบไม่มีข้อโต้แย้งอย่างแน่นอน