ในวงการลูกหนังตัวเลขหลังเสื้อนักกีฬาล้วนมีความหมาย อย่างน้อยๆ ก็บ่งชี้ได้ว่าพ่อค้าแข้งคนนั้นเล่นในตำแหน่งอะไร
ทว่าบางสโมสรมันมีเรื่องราว มีประวัติศาสตร์ซ่อนอยู่ หมายเลขบางเบอร์หมายถึง “ตำนาน” ที่มีแต่ยอดคนเท่านั้นที่จะได้สืบทอด
ตัวอย่างง่ายๆ ก็ “NO.7” ของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีแต่นักเตะเก่งๆ เคยใส่ไล่ตั้งแต่ จอร์จ เบสต์, เอริค คันโตน่า, เดวิด เบ็คแฮม และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คนไหนชั้นไม่ถึงก็จะถูกแฟนบอลตำหนิหรือกดดันจนอยู่ไม่ได้
เอซี มิลาน ก็เช่นเดียวกัน เสื้อหมายเลข 9 คือการสานต่อเจตนารมณ์ของยอดดาวยิง ขานชื่อผู้เล่นอย่าง มาร์โก ฟาน บาสเท่น หรือ จอร์จ เวอาห์ พวกนี้ดีกรีดาวซัลโวทั้งสิ้น
แต่หลังสิ้นยุค “พี่กุ้ง” ฟิลิปโป้ อินซากี้ ที่อำลาทีมไปเมื่อปี 2012 คนที่มาแทนดูเหมือนจะไปไม่รอด จนแฟนบอลเริ่มผวาว่ามันมีคำสาปอะไรซ้อนอยู่หรือไม่
แม้ “ปิ๊ปโป้” จะออกมายืนยันว่าเป็นเรื่องเหลวไหล แต่สถิติไม่เคยหลอกใคร วันนี้เราจะไปเปิดแฟ้มเช็กผลงานกันหน่อย ว่าทายาทอสูร “NO.9” ในยุคหลังๆ ของ “ปีศาจแดงดำ” มีใครกันบ้าง และทำไมถึงถูกตราหน้าว่า “ล้มเหลว”
อเล็กซานเดร ปาโต้
ปีที่ใส่ : 2012
ผลกรรม : ครึ่งฤดูกาลย้ายออก
หัวหอกแซมบ้า เปลี่ยนมาใส่เบอร์ 9 หลังค้าแข้งกับ มิลาน มานานถึง 5 ฤดูกาล ซึ่งต้องบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่่ไม่เหมาะเลย เพราะซีซั่นก่อนก็เพิ่งเจ็บหนักจนได้เล่นแค่ 11 เกมในลีก
ทุกอย่างเป็นไปตามคาด ปาโต้ ยิงได้แค่ 2 ประตูจาก 7 เกมในทุกรายการ สุดท้ายอยู่ มิลาน ต่อไม่ไหวต้องย้ายไป โครินเธียนส์ ทีมบ้านเกิดในช่วงตลาดต้นปี
อเลสซานโดร มาตรี้
ปีที่ใส่ : 2013
ผลกรรม : ครึ่งฤดูกาลย้ายออก
มาตรี้ เข้ามาสานต่อเบอร์ 9 ที่ว่างอยู่ หลังงถูกดึงตัวมาจาก ยูเวนตุส ทว่าผลงานที่ออกมาช่างน่าผิดหวังเอามากๆ ทั้งกับตัวนักเตะเองและต้นสังกัด
หลังลงเล่นไป 18 เกมเจ้าตัวยิงได้เพียงลูกเดียว สุดท้าย มิลาน ไม่เก็บไว้ทำพันธ์ปล่อยให้ ฟิออเรนติน่า ยืมใช้งานในต้นปี 2014 และย้ายหนีถาวรซบ ซัสซูโอโล่ ในอีก 2 ปีถัดมา
เฟรนานโด ตอร์เรส
ปีที่ใส่ : 2014
ผลกรรม : ครึ่งฤดูกาลย้ายออก
หัวหอกทีมชาติสเปน ย้ายมาร่วมทีม มิลาน ด้วยสัญญายืมตัว 2 ปี แต่เจ้าตัวก็ยังคงฟอร์มออกทะเลต่อเนื่องจาก เชลซี มาจนถึงช่วงเวลาที่ค้าแข้งอยู่ในอิตาลี
ตอร์เรส ได้ลงเล่นเพียง 10 เกมภายใต้เสื้อหมายเลข 9 แลกกับมาเพียง 1 ประตู ก่อนที่เจ้าตัวจะต้องจรลีย้ายไปอยู่กับ แอตเลติโก มาดริด ต้นสังกัดเก่าในเดือนมกราคม ปี 2015
มัทเทีย เดสโตร
ปีที่ใส่ : 2015
ผลกรรม : ครึ่งฤดูกาลย้ายออก
เดสโตร เป็นดีลที่ถูกยืมตัวมาเพื่อแทน ตอร์เรส ที่จากไป แต่ผลงานของหัวหอกชาวอิตาเลี่ยน ก็ไม่ได้ดีกว่าเลย
ผลงาน 3 ประตูจากการลงสนาม 15 เกม ไม่แปลกใจแต่อย่างใดที่สัญญายืมตัวของเขาจะไม่ถูกเซ็นมาร่วมทีมแบบถาวร
หลุยส์ อาเดรียโน่
ปีที่ใส่ : 2016
ผลกรรม : เปลี่ยนเบอร์หลังใส่ 1 ซีซั่น
ตอนแรกใครๆ ก็คาดหวังว่าคำสาป เบอร์ 9 คงจะดับสูญกับชายคนนี้ หลังหัวหอกแซมบ้าระเบิดฟอร์มเทพกับ ชัคตาร์ โดเนสต์ แต่เอาเข้าจริงผลงาน 4 ประตูจาก 26 เกม ทำให้ใครหลายคนต้องส่ายหน้าหนี
หลุยซ์ อาเดรียโน่ เกือบได้ย้ายไปลีกจีนตั้งแต่ 6 เดือนแรก แต่ดีลกับ เจียงซู ซูหนิง มาล่มเอานาทีสุดท้าย อย่างไรก็ตามหลังเปลี่ยนมาใส่เบอร์ 7 ผลงานก็ยังไม่ดีขึ้น ยิงไม่ได้เลยใน 7 เกมของเซเรีย อา สุดท้ายต้องให้ สปาร์ตัค มอสโก มารับเซ้งไปในปี 2017
จานลูก้า ลาปาดูล่า
ปีที่ใส่ : 2016
ผลกรรม : ใส่ฤดูกาลเดียวย้ายออก
การกลับมาใช้กองหน้าสายเลือดมักกะโรนี ตามแนวทางของสโมสร ถูกตั้งคำถามว่าจะเป็นสูตรความสำเร็จหรือไม่ ? สุดท้ายคำตอบก็ยังไม่ใช่เหมือนเคย
จริงๆ ลาปาดูล่า ผลงานไม่ได้ขี้เหร่ ยิงในลีกไป 8 ประตูจากการลงสนาม 29 นัด ทว่าพอเริ่มต้นฤดูกาลใหม่เจ้าตัวถูกปล่อยให้ เจนัว ยืมและย้ายออกถาวรในปีต่อมา
อังเดร ซิลวา
ปีที่ใส่ : 2017
ผลกรรม : ใส่ฤดูกาลเดียวปล่อยยืม 2 ปีติด
หัวหอกทีมชาติโปรตุเกส กลายเป็นความหวังใหม่ของ “รอสโซเนรี่” หลังมีผลงานที่ดีกับ ปอร์โต้ และย้ายมาด้วยค่าตัวที่แพงพอสมควรถึง 38 ล้านยูโร
ทว่า อังเดร ซิลวา ก็ไม่ต่างจากเบอร์ 9 คนอื่นๆ ปีแรกยิงในเซเรีย อา ได้แค่ 2 ประตูจาก 24 นัด หลังจากนั้นก็ถูกปล่อยให้ เซบีญ่า ยืมในปีต่อมา และซีซั่นก็ไปพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งกับ แฟรงค์เฟิร์ต ในเยอรมัน
กอนซาโล อิกวาอิน
ปีที่ใส่ : 2018
ผลกรรม : ครึ่งฤดูกาลย้ายออก
ผลงานอันยอดเยี่ยมกับทั้ง นาโปลี และ ยูเวนตุส มันคือนิยามแห่งศูนย์หน้าจอมถล่มประตู ที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะสวมเสื้อหมายเลข 9 ของ เอซี มิลาน
แต่ผลงาน 8 ประตูจาก 22 เกมในทุกรายการ ไม่เป็นที่น่าประทับใจนัก และเมื่อ เมาริซิโอ ซาร์รี่ นายเก่าอยากได้ลูกศิษย์ไปร่วมทีม เชลซี เส้นทางระหว่างเขากับ “ปีศาจแดงดำ” ก็จบลงทันที
คริสตอฟ พิออนเท็ก
ปีที่ใส่ : 2019
ผลกรรม : ครึ่งฤดูกาลย้ายออก
ตอนที่หัวหอกโปแลนด์มาถึง ซาน ซีโร่ ครั้งแรกเจ้าตัวใส่เสื้อหมายเลข 19 และทำผลงานสุดยอดเป็นนักเตะคนแรกของ มิลาน ในประวัติศาสตร์ที่ยิง 6 ประตูในลีกได้เร็วที่สุด
ทว่ากราฟชีวิตก็เปลี่ยนไปทันทีหลังเปลี่ยนมาใส่ NO.9 เพราะ 20 เกมในฤดูกาลใหม่เจ้าตัวยิงได้แค่ 5 ประตู สุดท้ายเมื่อรักมันขมก็ถูกขายต่อให้ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ไปแบบน่าเสียดาย