ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษเริ่มกลับไปสู่วัฏจักรแบบเดิมๆอย่างที่คุ้นเคยกันอีกครั้ง หลังฟอร์มบู่บุกไปพ่าย สาธารณรัฐเช็ก 2-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ความพ่ายแพ้ในครั้งนั้นได้สร้างคำถามเกี่ยวกับคู่หูแผงหลังตัวหลักในทัพสิงโตคำรามเกมนั้นอย่าง ไมเคิล คีน และ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ว่าทั้งคู่ยังไม่น่าไว้ใจและอาจไม่ดีพอกับการยืนแผงหลังในระยะยาว
เป็นเวลากว่า 15 ปีมาแล้วที่กองหลังทีมชาติอังกฤษมักจะได้รับการยกย่องและพูดถึงเสมอ ทั้ง โซล แคมป์เบลล์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, จอห์น เทอร์รี่ และ แกรี่ เคฮิลล์ ทว่าหลังจากหมดยุคของผู้เล่นเหล่านี้ไป ก็ไม่มีแผงหลังยุคใหม่คนไหนสามารถเป็นตัวหลักอย่างถาวรได้เลย
ทาง UFA ARENA จึงได้เสนอ 5 ตัวเลือกใหม่ให้กับแนวรับของทีมชาติอังกฤษดู และน่าจะก้าวขึ้นเป็นตัวหลักได้ในยูโร 2020 ที่จัดขึ้นในซัมเมอร์หน้า
ร็อบ โฮลดิ้ง (อาร์เซน่อล)
ถ้าไม่มีอาการบาดเจ็บบริเวณเอ็นไขว้ในฤดูกาลที่แล้ว โฮลดิ้ง อาจถูกเรียกติดทัพสิงโตคำรามของ แกเร็ธ เซาธ์เก็ต ไปแล้วก็เป็นได้ ซึ่งตัวเขาหายกลับมาในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลก่อนและทำผลงานได้ดีในการออกสตาร์ทเป็นตัวจริง และเหล่า กูนเนอร์ส น้อยใหญ่หวังเอาไว้อย่างยิ่งว่าการกลับมาของเขาจะช่วยให้เกมรับของ ปืนใหญ่ ดูแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา
ด้วยทักษะที่สามารถไปกับบอลได้ดีและจ่ายให้เพื่อนได้อย่างแม่นยำ ทำให้แข้งวัย 24 ปี เล่นได้ราวกับเป็นนักเตะมากประสบการณ์ ทั้งๆมีอายุไม่มาก และด้วยคุณภาพเหล่านี้ของเขาน่าจะช่วยเติมเต็มสิ่งที่กองหลังทีมชาติอังกฤษขาดหายไปในตอนนี้
คอนเนอร์ โคดี้ (วูล์ฟแฮมป์ตัน)
แฟนบอลวูล์ฟสคงรู้สึกสับสนไม่น้อยว่าทำไม คอนเนอร์ โคดี้ ถึงไม่ถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษเสียที ทั้งๆที่เขาเป็นหนึ่งใน 3 กองหลังจอมแกร่งของทีม, เป็นกัปตันทีมหมาป่า และ ทำผลงานอย่างน่าประทับใจช่วยให้ต้นสังกัดคว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลที่ผ่านมา
ปราการหลังวัย 26 ปี สามารถจ่ายบอลได้ดี และ มีพลังงานล้นเหลือในการขึ้นไปเล่นรุกจากจังหวะสวนกลับ แต่ก่อนหน้านี้ เซาธ์เกตเคยกล่าวไว้ว่าเขาไม่แน่ใจว่า โคดี้ จะเข้ากับระบบกองหลัง 4 คนได้หรือไม่ ทำให้การเลือกตัวเขาเข้ามาอาจเป็นการเสี่ยงไม่น้อย แต่ก็คุ้มค่าที่จะลองเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าอังกฤษเปลี่ยนไปเล่นเป็นกองหลัง 3 ตัวในเร็วๆนี้ ก็คงต้องเรียกเขามาร่วมทีมอย่างโดยด่วนเลยล่ะ
ลูอิส ดังค์ (ไบร์ท์ตัน)
กองหลังเบอรหนึ่งของ ไบรท์ตัน ได้ติดทีมชาติอังกฤษในยุคของ แกเร็ธ เซาธ์เก็ต มาแล้ว เพียงแต่ว่าเขาไม่มีโอกาสได้สอดแทรกขึ้นมาเป็นตัวหลักได้เลย
อย่างไรก็ดี แข้งลูกหม้อของ เดอะ ซีกัลส์ อาจจะโชคไม่ดีก็ได้ เพราะในด้านสถิติต่างๆแล้ว เขาทำได้ดีกว่า ไมเคิล คีน พอสมควรในฤดูกาลนี้ ทั้งการจ่ายบอล, จ่ายบอลสำเร็จ, การเข้าปะทะ หรือการแย่งบอล แถมผลงานของเขาในนัดที่เอาชนะสเปอร์ส 3-0 ก็โดดเด่นมาก แสดงให้เห็นเป็นอย่างดีว่าเขาสำคัญแค่ไหนในทีมของ แกรแฮม พ็อตเตอร์
ฟิคาโย่ โทโมรี่ (เชลซี)
โทโมรี่ถูกดันจากชุดเยาวชนมาเล่นชุดใหญ่ของเชลซีอย่างเต็มตัวในฤดูกาลนี้ พร้อมๆกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง เมสัน เม้าท์ และ แทมมี่ อับราฮัม ซึ่งทั้ง 3 คนถูกเรียกติดทัพสิงโตคำรามเรียบร้อย หลังทำผลงานได้น่าประทับใจเกินวัย น่าเสียดายที่เขาเป็นได้แค่ตัวเลือกในม้านั่งสำรองเท่านั้น
ลูกยิงสุดสวย(มากๆ)ในเกมที่พบกับ วูล์ฟส ทำให้เขาได้รับการจับตามากขึ้น แต่ถ้าหากสังเกตุผลงานโดยรวมของแข้งวัย 21 ปี จะใช้คำว่ายอดเยี่ยมก็ไม่ผิดนัก เพราะโทโมรี่ติด 1 ใน 10 ของนักเตะที่แย่งบอลหรือเข้าปะทะมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
ความรวดเร็ว,คล่องแคล่วของ โทโมรี่ อาจทำให้เขาดูเหนือกว่าแคนดิเด็ตคนอื่นๆในลิสต์นี้ และ ไม่แน่ว่า เขาอาจจะได้รับโอกาสให้พิสูจน์เฝีเท้า ในเกมวันจันทร์นี้ที่พบกับ บัลแกเรีย ก็เป็นได้
แจ็ค โอคอนเนลล์ (เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด)
นี่อาจจะเป็นตัวเลือกพิเศษสำหรับ เซาธ์เก็ต แต่การขึ้นไปเติมเกมบุกของบรรดากองหลังเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ คริส ไวล์เดอร์ บางทีแจ็ค โอคอนเนลล์ น่าจะเข้ากับทัพสิงโตคำรามในตอนนี้ได้ดีไม่น้อยเหมือนกัน
แม้แข้งวัย 25 ปี จะมีโอกาสลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษแค่ในชุดยู 18 และ ยู 19 เท่านั้น แต่เขาก็เริ่มต้นในฤดูกาลนี้ได้ในทิศทางที่ดี และน่าประทับใจมากในเกมที่พบลิเวอร์พูลในบ้าน แม้จะพ่ายไปด้วยสกอร์ฉิวเฉียด 1-0 ก็ตาม
นอกจากนี้ โอคอนเนลล์ ยังเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่สามารถโยกไปเล่นเป็นกองหลัง 3 ตัวได้ และไม่เกรงกลัวที่จะพาบอลหรือจ่ายขึ้นไปในแดนหน้า แถมแข้งจากทีมทีมดาบคู่ยังเป็นกองหลังที่มีสถิติเคลียร์บอลและบล็อกมากที่สุดในฤดูกาลนี้ด้วย ทำให้เห็นว่าไม่ว่าจะเป็นงานสกปรกแค่ไหน โอคอนเนลล์ก็ไม่เคยหวั่นและพร้อมทำเพื่อทีมด้วยความเต็มใจเสมอ
