เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมเปลี่ยนโฉมโลโก้คาดหน้าอกในฤดูกาล 2021-22 หลังเซ็นสัญญากับ TeamViewer บริษัทด้านเทคโนโลยีระดับโลก มาเป็นผู้สนับสนุนรายใหม่ของสโมสร
นี่ถือเป็นสปอนเซอร์คาดหน้าอกลำดับที่ 6 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร โดยจะเข้ามาสนับสนุนทีมด้วยสัญญา 5 ปี มูลค่ารวม 235 ล้านปอนด์ ตกเฉลี่ยรายปีอยู่ที่ 47 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาล แทนที่ เชฟโลเรต สปอนเซอร์เจ้าเดิมที่อยู่คู่กับทีมมานานถึง 7 ปี
รายได้จากส่วนนี้เทียบเท่ากับ บาร์เซโลน่า ที่ได้จาก Rakuten บริษัทอิเล็คทรอนิกส์ของประเทศญี่ปุ่น แต่ก็ยังเป็นรองดีลระหว่าง Emirates กับ เรอัล มาดริด ที่ตกเฉลี่ยปีละถึง 60 ล้านปอนด์
อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของ TeamViewer ได้ทุบสถิติที่มีมาก่อนหน้านี้ในประเทศอังกฤษ ด้วยการเป็นแบรนด์ที่ทุ่มให้กับสโมสรคาดอกเสื้อแข่งเป็นมูลค่ามากที่สุดในพรีเมียร์ลีก ณ เวลานี้
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอย้อนไปพบกับ 5 สปอนเซอร์คาดหน้าอกของ ปีศาจแดง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้าง รวมถึงรายได้ที่พวกเขาจาะแบรนด์เหล่านั้นด้วย
Sharp | 1982-2000
Sharp บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่น เป็นสปอนเซอร์รายแรกที่เข้ามาเป็นสนับสนุน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 1982 โดยเริ่มแรกเซ็นสัญญากัน 5 ปี มูลค่า 500,000 ปอนด์ ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อยในยุคนั้น ก่อนจะมีการต่อสัญญาอีกในเวลาต่อมา และทำให้ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรแรก ๆ ในอังกฤษ ที่มีสปอนเซอร์คาดหน้าอกด้วย
อีกทั้งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นยุคที่ ‘ปีศาจแดง’ ยังเป็นระดับกลางตาราง ลุ้นได้เต็มที่แค่แชมป์ถ้วยในประเทศเท่านั้น จนกระทั่งการมาของชายที่ชื่อ ‘อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน’ ในปี 1986 ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้ทีมกลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง
Sharp กลายเป็นหนึ่งในสปอนเซอร์ที่ยาวนานและมีมูลค่ามากที่สุดของฟุตบอลอังกฤษ หลังสนับสนุน ยูไนเต็ด มานานกว่า 18 ปี พร้อมทั้งอยู่ในช่วงที่ทีมประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีก 7 สมัย, เอฟเอ คัพ 5 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย, วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย และ ถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย
Vodafone | 2000-2006
หลังหมดสัญญากับ Sharp ในฤดูกาล 1999-2000 ก็เป็น Vodafone ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมเบอร์ต้น ๆ ของอังกฤษ เข้ามารับช่วงต่อเป็นสปอนเซอร์คาดหน้าอกรายใหม่ ตั้งแต่ฤดูกาล 2000-01 เป็นต้นไป
โดย ‘ปีศาจแดง’ ได้เซ็นสัญญากับ Vodafone เป็นเวลา 4 ปี มูลค่า 30 ล้านปอนด์ และมีการตกลงขยายสัญญาเพิ่มอีก 4 ปี ในฤดูกาล 2004-05 ซึ่งเพิ่มเงินเป็น 36 ล้านปอนด์ แต่ว่าผ่านไปได้เพียง 2 ปี แบรนด์โทรคมนาคมแดนผู้ดี ก็ตัดสินใจยกเลิกสัญญาเพื่อมุ่งเน้นกับการเป็นสปอนเซอร์ให้ แชมเปี้ยนส์ลีก แทน
ตลอด 6 ปีที่มีโลโก้ Vodafone ติดอยู่บนหน้าอก ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกได้ 2 สมัย และ เอฟเอ คัพ กับ ลีกคัพ อย่างละสมัยเท่านั้น
AIG | 2006-2010
การได้สปอนเซอร์หลักรายใหม่เข้าสนับสนุนทีม ย่อมหมายความ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะมีรายได้จากส่วนนี้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อพวกเขาได้ บริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป อิ๊งค์ หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อสั้น ๆ ว่า ‘AIG’ เข้ามาแทนที่ Vodafone ก่อนเริ่มฤดูกาล 2006-07
บริษัทด้านการประกันภัยชั้นนำของโลกจาก อเมริกา ตกลงสนับสนุนทีมด้วยสัญญา 4 ปี ด้วยมูลค่ากว่า 56.6 ล้านปอนด์ ทำให้นี่เป็นสปอนเซอร์ที่มูลค่ามากที่สุดในโลกของปี 2006 ด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ปี 2010 AIG ตัดสินใจไม่ขยายสัญญาหนุน ปีศาจแดง ต่อ หลังประสบปัญหาด้านการเงินจนเกือบล้มละลาย และต้องนำเงินจากรัฐบาลกลางมาช่วยเหลือ โดยอยู่ในช่วงที่ทีมคว้าแชมป์ลีก 3 สมัยติด, แชมป์ลีกคัพ 2 สมัย และ ถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กับ สโมสรโลก อย่างละสมัย
Aon | 2010-2014
ในฤดูกาล 2010-11 Aon บริษัทประกันจากแดนลุงแซม เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนรายใหม่ให้ แมนยูไนเต็ด เป็นเวลา 4 ปี เพื่อเป็นสปอนเซอร์ที่หน้าอกให้กับทีม แทนที่ AIG บริษัทร่วมชาติวงการเดียวกัน
แม้เซ็นสัญญาเพียง 4 ปี ซึ่งเป็นสปอนเซอร์คาดหน้าอกที่มีสัญญาน้อยที่สุดในทีม เช่นเดียวกับ AIG แต่ ปีศาจแดง ได้เงินถึง 80 ล้านปอนด์ มากสุดเท่าที่วงการลูกหนังเคยมีสปอนเซอร์มาในเวลานั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งสสุดท้ายในปี 2012-13
นอกจากนี้ Aon ยังเป็นสปอนเซอร์ชุดฝึกซ้อมให้กับทีมตั้งแต่ปี 2013 ลากยาวต่อเนื่อง 8 ปี และมีมูลค่าสัญญาทั้งหมด 180 ล้านปอนด์
Chevlolet | 2014-2021
ถึงผลงานตกลงชัดเจนหลังการวางมือของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่เรื่อเงินทองและรายได้ยังมีเข้ามาใน แมนยูไนเต็ด ไม่ขาดสาย เมื่อซ็นสัญญาทำข้อตกลงกับ Chevlolet บริษัทผลิตรถยนต์ระดับโลก ในเครือเจนเนอรัล มอเตอร์ ที่จะเข้ามาเป็นสปอนเซอร์บนเสื้อแข่งอย่างเป็นทางการเป็นระยะเวลา 7 ปี
ปีศาจแดงได้เงินสนับสนุนตกปีละ 64 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นเงินราว ๆ 448 ล้านปอนด์ จากมูลค่าทั้งหมดในสัญญา ทว่าความสำเร็จในรูปธรรมกลับมีไม่มากอย่างที่ Chevlolet คาดหวัง หลังคว้าได้เพียง แชมป์เอฟเอ คัพ, ลีกคัพ และ ยูโรป้า ลีก อย่างละสมัย จนมีข่าวว่าผู้ผลิดรถยนต์รายใหญ่จากอเมริกา ไม่ต้องการต่อสัญญาเพิ่ม
แม้ ยูไนเต็ด พยายามออกมายืนยันความสัมพันธ์อันดีมาโดยตลอด แต่ท้ายที่สุดก็เป็นไปตามข่าวลือ หลังไม่ได้ต่อสัญญาใหม่กับ Chevlolet และยุติบทบาทผู้สนับสนุนหลักหลังจบฤดูกาล 2020-21 ก่อนจะส่งให้ TeamViewer บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติเยอรมัน เข้ามาเป็นสปอนเซอร์รายใหม่ในฤดูกาลถัดไป