คุ้มค่าหรือไม่น่าเสี่ยง : ทำไม กรีซมันน์ คือการเดิมพันครั้งใหญ่ในทีมต่างดาว

 

 

หลังจากที่ทำท่าลีลาอยู่นาน ในที่สุด อองตวน กรีซมันน์ ก็ประกาศลาแอตเลติโก้ มาดริด อย่างเป็นทางการในซัมเมอร์นี้ และทีมที่มีโอกาสคว้าตัวกองหน้าวัย 28 ปี ไปร่วมทีมที่สุดในตอนนี้ก็คือ แชมป์ลาลีก้า ปีล่าสุดอย่าง บาร์เซโลน่า

 

แม้จะมีค่าฉีกสัญญาถึง 108 ล้านปอนด์จากสัญญาล่าสุดที่เคยเซ็นกับทีมตราหมีในซัมเมอร์ที่แล้ว แต่ก็มีรายงานอีกเช่นกันว่าอาซูลกราน่า พร้อมจ่ายเงินก้อนโตให้ต้นสังกัดของกรีซมันน์แน่นอน และด้วยเงินจำนวนนี้จะทำให้เขากลายเป็นแข้งค่าตัวแพงที่สุดติด 1 ใน 5 อันดับแรกของโลกเลย

 

แต่ถึงกระนั้น การได้กองหน้าแชมป์โลกจะช่วยให้เกมรุกของทีมดูแข็งแกร่งมากขึ้น แต่ก็ถือว่ามีความเสี่ยงพอสมควรกับการคว้านักเตะวัยใกล้เลขสามด้วยเงินมากกว่าร้อยล้านปอนด์

 

 

ตำแหน่งทับซ้อน

 

 

การเข้ามาของกรีซมันน์ในถิ่นคัมป์ นู คงต้องทำให้เอร์เนสโต้ บัลบาร์เด้ ต้องคิดหนักพอสมควร เนื่องจากอดีตแข้งเรอัล โซเซียดัด มีตัวรุกที่ถนัดเท้าซ้าย, ยิงประตูได้เฉียบคม, สามารถสร้างสรรค์เกมได้ และเล่นได้ดีที่สุดในตำแหน่งตัวรุกอิสระหลังกองหน้าเบอร์ 9 รวมถึงกองหน้าฝั่งขวา

 

จริงๆมันก็ดูดีแหละ เพียงแต่ว่ามันฟังดูคุ้นๆว่าคล้ายกับตำแหน่งของใครในทีมมั้ย? ใช้แล้ว ลิโอเนล เมสซี่

 

การส่ง กรีซมันน์ และ ลิโอเนล เมสซี่ ลงไปเล่นด้วยกันในสนามโดยที่ไม่ลดทอนความสามารถของกันและกันเป็นปริศนาที่ดูไม่คำตอบชัดเจนซักเท่าไหร่

 

ดาวเตะเลือดน้ำหอมเคยเล่นในตำแหน่งหน้าต่ำหลังหน้าเป้ามาแล้วกับแอตมาดริด ซึ่งบาร์ซ่าก็เล่นระบบ 4-4-2 เป็นหลักภายใต้การคุมทีมของบัลบาร์เด้ แต่ตำแหน่งตัวรุกอิสระหลัง หลุยส์ ซัวเรซ นั้น แน่นอนว่าเป็นของแข้งเบอร์หนึ่งทีมอาซูลกราน่าอย่าง เมสซี่ อยู่แล้ว

 

 

ขณะที่ระบบดั้งเดิมของพวกเขาอย่าง 4-3-3 ก็ดูไม่เข้ากับสไตล์การเล่นของกรีซมันน์ชัดเจน แม้ว่าสมัยที่เขาค้าแข้งในถิ่น ซาน เซบาสเตียน จะเคยลงเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายมาก่อนก็ตาม แต่ในตอนนี้กรีซมันน์ได้กลายเป็นกองหน้ายุคใหม่แบบเต็มตัวไปแล้ว การย้ายให้เขาไปเล่นในตำแหน่งที่ห่างจากหน้าปากประตูคงจะเป็นการทำลายประสิทธิภาพของเขาโดยใช่เหตุ

 

ส่วนทีมชาติฝรั่งเศส กรีซมันน์ก็เคยเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวขวาด้วย แต่ว่าเขาโชว์ผลงานได้เข้าตาที่สุดในตำแหน่งตรงกลางของแนวรุก และตำแหน่งกองหน้าฝั่งขวาในระบบ 4-3-3 คนที่เป็นขาประจำก็คือ เมสซี่เจ้าเก่าอีกเหมือนเดิม

 

นั่นทำให้ตัวเลือกของเขาเหลืออยู่อย่างเดียวคือแทน หลุยส์ ซัวเรซ ในตำแหน่งกองหน้าเบอร์ 9 แต่กรีซมันน์ก็ต้องใช้เวลาปรับตัวกับตำแหน่งใหม่นี้พอสมควร เนื่องจากในทีมตราหมีมีนักเตะอย่าง ดีเอโก้ คอสต้า หรือ อัลบาโร่ โมราต้า เป็นตัวชนให้เขาอยู่เสมอ

 

 

จำใจปล่อยของเก่า

 

 

บาร์เซโลน่าขึ้นแท่นเป็นสโมสรที่ใช้เงินมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลกในปีล่าสุด แถมพวกเขายังต้องใช้เงินถึง 108 ล้านปอนด์ในการคว้าตัวนักเตะวัย 29 ปีในฤดูกาลหน้ามาร่วมทีม แม้ค่าเหนื่อยจะจ่ายได้ถูกกว่าตอนอยู่แอตมาดริด แต่ภาระค่าใช่จ่ายในสโมสรก็จะเพิ่มสูงขึ้นไปอีกในปีต่อๆไป

 

นอกจากนี้ การมาของแข้งชาวฝรั่งเศสยังส่งผลกระทบต่อนักเตะคนอื่นๆที่อยู่ในทีมอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และ มัลคอม ที่ทำผลงานได้ไม่เข้าตาเท่าไหร่ในฤดูกาลล่าสุดและมีข่าวย้ายทีมในซัมเมอร์นี้ ขณะที่ ซัวเรซ หรือ อุสมาน เดมเบเล่ ก็มีโอกาสที่จะเสียตำแหน่งตัวจริงให้กับแข้งแชมป์โลกปี 2018 ได้เช่นกัน

 

ด้วยปัญหาทางด้านการเงินและแทคติกที่อาจจะตามภายหลังกรีซมันน์ย้ายมาสวมเสื้อสีเลือดหมู-น้ำเงิน บาร์ซ่าน่าจะลองเปลี่ยนเป้าหมายเป็นกองหน้าคนอื่นๆที่ดูเข้าท่าสำหรับพวกเขา ทั้งราคาและสไตล์การเล่น

 

ลูก้า โยวิช คือหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนและตอบโจทย์ที่สุด กองหน้าชาวเซิร์บระเบิดฟอร์มให้กับ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ตได้อย่างยอดเยี่ยมใน 2 ฤดูกาลล่าสุด หลังถูกยืมตัวจากเบนฟิก้า และน่าจะเป็นตัวแทนที่เหมาะสมในตำแหน่งของซัวเรซมากๆ อีกทั้งค่าตัวยังน้อยกว่ากรีซมันน์เป็นเท่าตัว นอกจากนี้เงินที่เหลือยังสามารถเอาไปคว้า มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ กองหลังกัปตันทีมของอาแจ็กซ์ได้อีกด้วย

 

 

ผลกระทบจากเพดานค่าเหนื่อย

 

 

เพิ่มเติมจากหัวข้อที่แล้ว เรื่องค่าเหนื่อยของกรีซมันน์ที่ได้จะได้กับบาร์ซ่านั้นราวๆ 17 ล้านยูโรต่อปี ซึ่งแตกต่างจากตอนที่ได้รับตอนอยู่ตราหมีที่ 21 ล้านยูโรต่อปี น้อยกว่ากันถึง 4 ล้านยูโร ตามรายงานเลอ กิ๊ป สื่อดังแดนน้ำหอม

 

แน่นอนว่าค่าเหนื่อยของกรีซมันน์ไม่มีทางขึ้นไปเทียบกับสตาร์เบอร์หนึ่งของทีมอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ได้ แต่ว่าค่าเหนื่อยของแข้งป้ายแดงจะกระโดดไปอยู่ที่ 300,000 กว่ายูโรต่อสัปดาห์แซงหน้าแข้งฟอร์มตัวเก๋าหรือนักเตะฟอร์มเด่นไปแบบเกินหน้าเกินตาอยู่เหมือนกัน

 

ปัญหาที่ตามมาคือ เพดานค่าเหนื่อยของทีมจะสูงขึ้นไปกว่าเดิมและมีโอกาสไม่น้อยที่นักเตะคนอื่นๆในทีมจะเรียกร้องขอค่าเหนื่อยเพิ่มเติม และจะส่งผลต่อค่าใช้จ่ายของสโมสรในระยะยาว หากไม่มีการจัดการหรือควบคุมที่ดี คล้ายๆกับกรณีของอเล็กซิส ซานเชส ที่ย้ายไปอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนมกราคมปี 2018 ด้วยค่าเหนื่อยถึง 500,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ จนแข้งหลายคนในทีมลีลาไม่ต่อสัญญาและงอแงขอค่าจ้างเพิ่ม

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น มีรายงานจากสปอร์ต สื่อแดนกระทิงว่า แข้งบาร์ซ่าไม่โอเคกับเรื่องที่สโมสรจะคว้าตัวกรีซมันน์มาร่วมทีมในซัมเมอร์นี้ เนื่องจากมองว่าเขาไม่ใช่นักเตะที่ทีมจำเป็นต้องซื้อเข้ามาเสริมทัพซักเท่าไหร่ และควรไปซื้อตำแหน่งอื่นมาเพิ่มดีกว่า   

 

และถ้าหากกรีซมันน์โชว์ผลงานในสนามได้ไม่สมกับค่าเหนื่อยเหมือนกับอเล็กซิสในรั้วปีศาจแดง บอกเลยว่าจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ยิ่งกว่าเรื่องเงินๆทองๆในสโมสรอีกหลายเท่าตัว

 

 

หนทางแก้ปัญหา

 

 

แม้ที่กล่าวมาข้างต้นดูมีเรื่องน่าเป็นห่วงและกังวลใจแก่แฟนบอลเจ้าบุญทุ่มเต็มไปหมด แต่อย่าลืมว่าการเข้ามาของกรีซมันน์ก็จะช่วยยกระดับเกมในแดนหน้าให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวเช่นกัน

 

ถ้าบัลบาร์เด้ (ที่ยังไม่โดนปลด) สามารถหาระบบที่ลงตัวให้กับกรีซมันน์ได้โดยไม่ไปขัดกับการเล่นของเมสซี่ ดาวเด่นตราหมีจะสร้างผลกระทบด้านบวกให้กับทีมเป็นอย่างมาก และวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดน่าเป็นการโยกให้กรีซมันน์ไปเล่นเป็น อินไซด์ ฟอร์เวิร์ด หรือ กองหน้ากึ่งปีก เหมือนสมัยที่ดาบิด บีย่า ค้าแข้งในถิ่นคัมป์ นู ขณะที่เมสซี่ก็โยกมาเล่นในตำแหน่งนี้และเสียสละตำแหน่ง ฟอส์ล ไนน์ ให้กับ หลุยส์ ซัวเรซไป

 

อย่าลืมว่า แข้งอาร์เจนไตน์จะก้าวเข้าสู่วัย 32 ปีในซัมเมอร์นี้ แต่ว่าเขากลับต้องพยายามแบกทีมไม่ต่างกับช่วง 4-5 ปีที่แล้ว เมสซี่ มีส่วนในการยิงและสร้างสรรค์ประตูให้กับทีมมากถึง 52 เปอร์เซนต์จากประตูทั้งหมดที่บาร์ซ่าทำได้ในฤดูกาลนี้  จริงอยู่ที่เขาสามารถสร้างเรื่องมหัศจรรย์ในสนามได้ตลอดเวลา แต่ถ้าวันไหนเมสซี่ฟอร์มตกขึ้นมา บาร์เซโลน่าก็คงต้องประสบชะตากรรมเดียวกับตอนที่พวกเขาโดนโรม่าและลิเวอร์พูลเขี่ยตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกไปแบบไม่น่าให้อภัย

 

 

กองหน้าอย่างโยวิชอาจจะช่วยลดภาระในการทำประตูของเมสซี่ได้ แต่กรีซมันน์จะช่วยลดภาระการยิงประตูและการสร้างสรรค์เกมให้เมสซี่ด้วย แถมยังเพิ่มมิติเกมรุกให้บาร์ซ่ายามที่สตาร์ร่างเล็กไม่สามารถเข่นฟอร์มเก่งออกมาได้

 

 

ตัดขาคู่แข่ง

 

 

เรื่องดีๆอีกเรื่องที่บาร์ซ่าจะได้ในการคว้าตัวกรีซมันน์มาร่วมทีม ก็คือ พวกเขาจะตัดกำลังคู่แข่งแย่งแชมป์อย่างแอตเลติโก มาดริด ไปในตัวด้วย

 

ตลอด 5 ปีที่กองหน้าชาวฝรั่งเศสอยู่กับทีมตราหมี เขาเป็นแข้งเบอร์หนึ่งที่ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ขาดไม่ได้จริง เพราะนอกการเรื่องยิงประตูที่เขาทำได้อย่างโดดเด่นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กรีซมันน์ยังสร้างสรรค์เกมรุกได้ดีไม่แพ้เพลย์เมกเกอร์ระดับท็อปคนไหนในโลกเลย

 

และที่สำคัญยังเป็นกำลังในการพาทีมคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีก เมื่อปี 2018 รวมถึงลุ้นเบียดแชมป์ลีกกับบาร์เซโลน่าในปีนี้ด้วย

 

การที่ทีมสีแดง-ขาวในกรุงมาดริดต้องขาดสตาร์เบอร์หนึ่งทีมไปในฤดูกาลหน้า น่าจะทำให้ประสิทธิภาพในเกมรุกของพวกเขาลดลงอย่างมาก จนทำให้พวกเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะลุ้นแชมป์ลาลีก้ากับทีมอาซูลกราน่า หรือ ทีมอริตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด ในซีซั่นหน้า และอาจจะต้องใช้เวลาในการหาตัวแทนของกรีซมันน์เพื่อกลับมาอยู่ในจุดๆเดิมของพวกเขาอีกครั้งอยู่พักใหญ่เลย  

 

สำหรับตัวกรีซมันน์เอง บาร์เซโลน่าก็เป็นความเสี่ยงครั้งใหญ่ในช่วงเวลาสั้นๆเช่นกัน เขาอาจจะคว้าแชมป์ลาลีก้าหรือถ้วยยูซีแอลได้สมใจอยาก หรือไม่ก็เป็นนักเตะอีกคนที่ย้ายมาล้มเหลวกับทีมจากแคว้นกาตาลัน

 

แต่เรื่องที่เขาจะย้ายมาค้าแข้งกับบาร์เซโลน่าหรือไม่นั้น แฟนบอลทั่วโลกก็คงได้รู้คำตอบกันในเร็วๆนี้