คุ้มทุกปอนด์! 6 การซื้อตัวที่ดีที่สุดของทีมบิ๊ก 6 ในรอบทศวรรษ

 

จากที่พรีเมียร์ลีกเคยมี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด , ลิเวอร์พูล , อาร์เซน่อล และ เชลซี เป็น 4 สโมสรที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะอังกฤษ แต่ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ได้ยกระดับตัวเองขึ้นไปเทียบเคียงกับทีมเหล่านั้น จนทำให้เกิดมาเป็น “บิ๊ก 6” อย่างในปัจจุบัน

 

แน่นอนว่าเมื่อการแข่งขันสูงขึ้น ทุกๆปีแต่ละสโมสรก็ย่อมต้องควักกระเป๋าลงทุนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง และเนื่องในโอกาสที่ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของทศวรรษ วันนี้เราจะพามาดูกันว่านักเตะคนไหนบ้างที่เป็นการเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของบรรดาทีมบิ๊ก 6 ในรอบ 10 ปีหลังสุด

 

อาร์เซน่อล : อเล็กซิส ซานเชซ (31.7 ล้านปอนด์, 2014)

 

 

นี่ไม่เพียงแต่เป็นการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดของ อาร์เซน่อล ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา แต่มันอาจจะเป็นการซื้อตัวที่ยอดเยี่ยมที่สุดนับตั้งแต่กลุ่มทุน เอมิเรตส์ เข้ามาเทคโอเวอร์สนามของพวกเขาเลยทีเดียว

 

หลังย้ายมาจาก บาร์เซโลน่า อเล็กซิส ก็สถาปนาตัวเองกลายเป็นสตาร์เบอร์หนึ่งของ เดอะ กันเนอร์ส ทันที โดยเจ้าตัวซัดไป 80 ประตู จากการลงสนาม 166 นัด ในระหว่างปี 2014-2018 พร้อมช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ 2 สมัย

 

น่าเศร้าที่ผลงานของดาวเตะชาวชิลีที่สร้างไว้กับทีมปืนใหญ่ ถูกลบเลือนด้วยฟอร์มการเล่นอันแสนหดหู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างไรก็ตาม การโยกไปค้าแข้งบนเวที กัลโช่ เซเรียอา กับ อินเตอร์ มิลาน ในฤดูกาลนี้ อาจช่วยกอบกู้ชื่อของเขากลับมาอีกครั้งก็เป็นได้

 

เชลซี : เอเดน อาซาร์ (32 ล้านปอนด์, 2012)

 

 

หลังจากใช้เวลาค้าแข้งบนถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ นาน 7 ซีซั่น อาซาร์ ก็ย้ายออกจาก เชลซี ในฐานะตำนานของสโมสร และเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของทีม

 

เจ้าตัวถือเป็นคีย์แมนคนสำคัญที่ช่วยแบกสิงโตน้ำเงินครามไปถึงตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2015 และแชมป์ ยูโรปา ลีก ในปี 2019 โดยหนึ่งในความพิเศษของดาวเตะรายนี้ คือเขามักจะสร้างความแตกต่างในเกมใหญ่ได้เป็นประจำ

 

ปีกทีมชาติเบลเยี่ยม คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไป 2 สมัย , เอฟเอ คัพ 1 สมัย , ลีก คัพ 1 สมัย และ ยูโรปา ลีก อีก 2 สมัย ร่วมกับสิงห์บลูส์ ในขณะที่ผลงานการยิงประตู เจ้าตัวจัดการซัดไปทั้งสิ้น 110 ประตู จากการลงเล่น 352 นัด

 

โดยเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา อาซาร์ ถูกขายไปให้กับ เรอัล มาดริด ด้วยมูลค่าที่มากกว่า 100 ล้านปอนด์ ซึ่งหากจะบอกว่านี่เป็นการทำธุรกิจที่ยอดเยี่ยมของ เชลซี ก็คงไม่ผิดแต่อย่างใด

 

ลิเวอร์พูล : เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (75 ล้านปอนด์, 2018)

 

 

ฟาน ไดจ์ค ถือเป็นนักเตะที่เข้ามาพลิกโฉมให้กับ ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริง และเปรียบเสมือนเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยประกอบทุกสิ่งทุกอย่างของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้าไว้ด้วยกัน

 

ผู้คนต่างขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าหงส์แดงยอมทุ่มเงินให้กับ เซาแธมป์ตัน ถึง 75 ล้านปอนด์ เพื่อผู้เล่นแนวรับ แต่หลังจากนั้นไม่นาน คำวิจารณ์ต่างๆรวมถึงข้อสงสัยที่เกิดขึ้นกลับเงียบลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเจ้าตัวใช้ผลงานในสนามตอบทุกคำถามจนหมดสิ้น

 

แน่นอนว่าหากไม่มีกำแพงหินดัตช์แมนรายนี้ ก็คงเป็นการยากที่ ลิเวอร์พูล จะครองจ้าวยุโรปได้สำเร็จเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และหากต้นสังกัดของเขายังคงรักษามาตรฐานได้อย่างต่อเนื่อง การรอคอยถ้วยพรีเมียร์ลีกอันแสนยาวนานก็จะสิ้นสุดลงในอีกไม่ช้า

 

นอกจากนี้ ฟาน ไดจ์ค ยังเป็นตัวเต็งที่จะคว้าบัลลงดอร์ประจำปี 2019 ด้วย ซึ่งถ้าเจ้าตัวกลายเป็นผู้ชนะ เขาจะได้ชื่อว่าเป็นกองหลังคนแรกนับตั้งแต่ปี 2006 ที่คว้าลูกบอลทองคำไปนอนกอด ต่อจาก ฟาบิโอ คันนาวาโร่

 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เซร์คิโอ อเกวโร่ (35 ล้านปอนด์, 2011)

 

 

หลายคนคงยังไม่ลืมประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของ อเกวโร่ ที่ซัดใส่ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ส่งให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซั่น 2011-12 ไปครอง ชนิดที่คู่อริร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเจ็บใจมาจนถึงทุกวันนี้

 

หลังการคว้าแชมป์ในครั้งนั้น ความสำเร็จต่างๆก็หลั่งไหลเข้ามาสู่ถิ่น เอติฮัต อย่างต่อเนื่อง และกองหน้าชาวอาร์เจนไตน์คืออาวุธในแดนหน้าที่ช่วยให้เรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์รายการสำคัญไปถึง 11 ถ้วย ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าตัวยังจารึกชื่อของตัวเองในฐานะดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสรด้วย หลังจากสังหารให้กับ ซิตี้ ไปแล้ว 244 ประตู

 

และนับตั้งแต่ที่ก่อตั้งพรีเมียร์ลีกขึ้นมา มีนักเตะเพียงแค่ 5 รายเท่านั้นที่ยิงประตูบนลีกสูงสุดเมืองผู้ดีได้มากกว่า กุน อเกวโร่

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา (18.9 ล้านปอนด์, 2010)

 

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราสามารถพูดได้ว่า เด เคอา คือนายทวารที่ดีที่สุดในโลก จริงอยู่ที่ผลงานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงกระท่อนกระแท่นและเสียประตูเป็นว่าเล่น แต่หากไม่มีเขายืนขวางหน้าปากประตู ปีศาจแดงอาจจะตกต่ำยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้

 

จอมหนึบเลือดกระทิง มักจะสร้างจังหวะเซฟมหัศจรรย์ได้เป็นประจำ ซึ่งหลายครั้งมันช่วยเปลี่ยนผลการแข่งขันให้กับทีมได้ และแม้ว่าต้นสังกัดของเขาจะแทบไม่ประสบความสำเร็จเลยในช่วงหลัง แต่เจ้าตัวก็ยังมีชื่อคว้าแชมป์รายการสำคัญบนถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้ถึง 7 รายการ

 

ขณะที่ในระดับส่วนบุคคล เด เคอา ซิวรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรไปถึง 3 ครั้ง และได้รับรางวัลถุงมือทองคำของพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2017-18 ไปครอง

 

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ : ซอน เฮือง มิน (22 ล้านปอนด์, 2015)

 

 

ดูเหมือนว่า ซอน จะไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่นักในตอนที่ย้ายมาเข้าร่วมกับ สเปอร์ส เมื่อปี 2015 แต่หลังจากนั้น เจ้าตัวก็ได้พิสูจน์ตัวเองจนกลายเป็นนักเตะที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของทีมในปัจจุบัน

 

75 ประตู จากการปรากฏตัว 203 นัด ถือว่าเป็นผลงานที่น่าประทับใจ แต่สตาร์ทีมชาติเกาหลีใต้ยังมีอีก 22 แอสซิสต์ที่ทำได้ในพรีเมียร์ลีก และทั้งหมดมันแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขามีส่วนสำคัญกับแนวรุกของไก่เดือยทองขนาดไหน

 

น่าเสียดายที่ฟอร์มการเล่นของ ซอน ยังไม่สามารถช่วยให้คลับไก่คว้าแชมป์รายการใดได้เลย แต่การเข้ามาของกุนซือที่การันตีถ้วยแชมป์กับทุกทีมที่เคยคุมอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ก็อาจช่วยเติมเต็มความสำเร็จให้กับดาวเตะจากแดนโสมได้สักที