คู่ควรหรือไม่? : เทียบฟอร์ม ‘แวร์เนอร์’ กับแนวรุกหงส์แดงในฤดูกาล 2019-20

 

นับตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาล 2019-20 นักเตะที่มีข่าวกับ ลิเวอร์พูล มากที่สุด และยังมีกระแสเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน คงหนีไมพ้น ติโม่ แวร์เนอร์ กองหน้าฟอร์มแรงของ แอร์แบ ไลป์ซิก

 

และดูเหมือนว่า หัวหอกทีมชาติเยอรมัน ปลื้มใจไม่น้อยที่มีข่าวกับ ยอดทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ พร้อมกับพูดจาเหมือนมีแนวโน้มว่าอยากย้ายมาค้าแข้งใน แอนฟิลด์ ไม่น้อยในซัมเมอร์นี้ ไม่ว่าจะชื่นชมว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นกุนซือที่ดีที่สุดในโลก หรือ ออกปากว่าตนเหมาะสมกับสไตล์การเล่นในทีมหงส์แดงเป็นอย่างดี

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา ก็มีหลายคนมองว่า ลิเวอร์พูล ไม่จำเป็นต้องคว้า แข้งวัย 23 ปี มาร่วมทีม เพราะพวกเขามีความพร้อมสมบูรณ์อยู่แล้ว และมองว่า สไตล์การเล่นของ แวร์เนอร์ ดูไม่เข้ากับ ลิเวอร์พูลในตอนนี้เท่าไหร่นัก

 

เพื่อให้เห็นสิ่งต่างๆชัดเจนขึ้น ทาง UFA ARENA จะเทียบฟอร์มการเล่นและสถิติต่างๆของ แวร์เนอร์ ในบุนเดสลีก้า ฤดูกาลล่าสุดมาเปรียบเทียบกับเหล่าแนวรุกของ ลิเวอร์พูล ในชุดปัจจุบันว่าจะมีความแตกต่างมากน้อยเพียงใด 

 

ปล. เชอร์ดาน ชากิรี่ จะไม่ถูกนับรวมด้วยในบทความนี้ เนื่องจากมีจำนวนลงเล่นไม่มากในฤดูกาลนี้

 

ปล. สถิติเหล่านี้นับตั้งแต่เปิดฤดูกาล จนถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ุ 2020 ก่อนเกมที่ลิเวอร์พูล พบ เวสต์แฮม ในพรีเมียร์ลีก 

 

 

ยิงก็ได้  จ่ายก็ดี

 

https://www.youtube.com/watch?v=TyxGSTLHEng

 

จาการลงเล่น 22 นัดในบุนเดสลีก้า ฤดูกาลนี้ แวร์เนอร์ซัดประตูได้ถึง 20 ลูก บวกกับอีก 6 แอสซิสต์ ซึ่งมีค่าเฉลี่ยมีส่วนร่วมกับทุกๆประตูหรือแอสซิสต์ที่ 72.1 นาที

 

สำหรับ ลิเวอร์พูล พวกเขาถูกยกให้เป็นทีมที่มีกองหน้าอันตรายเป็นอันดับต้นๆของยุโรป แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีนักเตะคนไหนโดดเด่นในเรื่องการทำประตูไปมากกว่า หัวหอกชาวเยอรมันอีกแล้วในฤดูกาลล่าสุด

 

บรรดาแข้งแนวรุกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ซาลาห์ รั้งดาวซัลโวของทีมด้วยการยิง 14 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ โดยมีค่าเฉลี่ยการยิงหรือจ่าย 1 ครั้งในทุกๆ 99 นาทีที่ลงสนาม

 

ส่วน ซาดิโอ มาเน่ ทำไป 12 ตุง กับอีก 6 แอสซิสต์ คิดเฉลี่ยเป็น 100.8 นาทีต่อการยิงหรือจ่ายหนึ่งลูก ขณะที่ ดิว็อก โอริกี้ ยิงเพียง 3 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ ทำให้มีค่าเฉลี่ยที่ 123 นาทีต่อลูก

 

แต่ที่พลิกโผล่สุดคือ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่ยิงไปถึง 8 ประตู และจ่ายให้เพื่อนทำประตูอีก 7 ลูก กลับมาเฉลี่ยยิงหรือแอสซิสต์ทุกๆ 144.2 นาที

 

 

การจ่ายบอลและการจู่โจมที่โดดเด่น

 

 

โดยปกติ หัวหอกไลป์ซิก จะสร้างโอกาส 1.5 ครั้งต่อเกมในลีก ซึ่งน้อยกว่าทั้ง ซาลาห์ (2), มาเน่ (1.9) และ ฟีร์มิโน่ (1.6) แต่ก็ยังมากกว่า โอริกี้ พอสมควร (0.9)

 

นอกจากนี้ หัวหอกเมืองเบียร์มีเปอร์เซนต์การจ่ายบอลสำเร็จอยู่ที่ 77.1 เปอร์เซนต์ ซึ่งทั้ง มาเน่ (81.6%), ฟีร์มิโน่ (79.5%) และ ซาลาห์ (77.2%) ก็ทำได้ดีกว่าเช่นกัน มีเพียง โอริกี้ (70.3%) ที่ดูด้อยกว่าคนอื่นค้อนข้างมากในด้านนี้

 

อย่างไรก็ตาม แวร์เนอร์ กลับมาสถิติการลากเลื้อยที่ดีกว่า โดยจะเลี้ยงผ่านสำเร็จ 2 ครั้งต่อ 90 นาที และมีเปอร์เซนต์ความสำเร็จอยู่ที่ 68.9 เปอร์เซนต์

 

ปีกชาวเซเนกัล คือแข้งหงส์ที่ทำได้ใกล้เคียง แวร์เนอร์ มากที่สุด โดยเลี้ยงเฉลี่ย 1.9 ครั้งต่อเกม มีค่าความสำเร็จอยู่ที่ 61.2 เปอร์เซนต์ ส่วน กองหน้าชาวเบลเยี่ยม ตามมาเป็นอันดับ 3 ที่ 1.8 ครั้งต่อเกม แต่มีเปอร์เซนต์สำเร็จเพียง 45 เปอร์เซนต์เท่านั้น

 

ขณะที่ บ็อบบี้ ขวัญใจเดอะ ค็อป ทำได้ 1.7 ครั้งต่อเกม มีค่าความสำเร็จ 60.7 เปอร์เซนต์ และ ซาลาห์ รั้งอันดับท้ายในด้านการเลี้ยงบอลที่ 1.5 ครั้งต่อเกม และมีค่าความสำเร็จ 57.6 เปอร์เซนต์

 

 

ข้อด้อยในเกมรับ

 

 

ในด้านเกมรับ ไม่ใช้สิ่งที่ แข้งวัย 23 ปีทำได้โดดเด่นเท่าไหร่นัก หลังมีค่าเฉลี่ยการเข้าปะทะ 0.9 ครั้งต่อ 90 นาที ดีกว่า ซาลาห์ (0.5) เพียงคนเดียวเท่านั้น

 

กุนซือหงส์แดงมักจะให้ กองหน้าของตน ลงมาช่วยเหลือเพื่อนๆในเกมรับอยู่บ่อยๆ และ โอริกี้ (2), มาเน่ (1.6) และ ฟีร์มิโน่ (1.1) ต่างทำได้ดีกว่า แวร์เนอร์ แบบชัดเจน

 

ส่วนในด้านการแย่งบอล หอกจากไลป์ซิก ทำได้แย่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยที่ 0.1 ครั้งต่อ 90 นาที เทียบเท่ากับ กองหน้าชาวบราซิลเลี่ยน แต่ก็ยังน้อยกว่าทั้ง ซาลาห์ (0.3), โอริกี้ (0.5) และ มาเน่ (0.5) อยู่ดี

 

ซึ่งตรงจุดนี้เองอาจทำให้หลายๆคนมองว่า แข้งไลป์ซิก ไม่เหมาะกับสไตล์ของ คล็อปป์ เท่าไหร่ แม้จะมีสถิติในด้านการมีส่วนร่วมกับประตูมากกว่าแนวรุกที่มีอยู่ของ ลิเวอร์พูล ในตอนนี้ก็ตาม