งานใหญ่กำลังมา! 7สิ่งที่ร็อดเจอร์สต้องทำเพื่อปลุกเลสเตอร์ ซิตี้              

การเปลี่ยนเเปลงครั้งใหญ่ของทัพ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ หลังจากได้ปลด โคล้ด ปูแอล ออกจากตำเเหน่งเฮดโค้ช ที่ทำผลงานย่ำเเย่ไม่ชนะใคร7นัดติด ทำเอา “เสี่ยต็อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา รองประธานสโมสร ทนไม่ไหวต้องจัดการหากุนซือคนใหม่เข้ามาเเทน

 

ล่าสุดได้เเต่งตั้งกุนซือใหม่อย่างรวดเร็ว ไปคว้าตัว เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือสายเลือดไอร์แลนด์เหนือ มาจาก เซลติก ให้หวนกลับมาทำงานที่ศึกพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง โดยมีสัญญากับทีมถึงปี 2022 เเละการมาของ ร็อดเจอร์ส มีงานใหญ่ไม่น้อยต้องมาปลุกอดีตทีมเเชมป์พรีเมียร์ลีกให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง เเละ ufaarena.com จะมาชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่ ร็อดเจอร์ส ต้องเร่งทำในการเข้ามารับงานที่คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม  ต้องทำอะไรบ้าง

 

1.กู้ฟอร์มการเล่นให้คงเส้นคงวา

เรื่องเเรกเลยคือต้องยกระดับฟอร์มการเล่นของ เลสเตอร์ ซิตี้ ให้ดุดันมากขึ้น เวลานี้ตกอยู่ในสถานการณ์ ที่ต้องบอกว่ายังไม่เเน่นอน หลังจากผลงานห่วยมาหลายนัด เเละล่าสุดกลับมาคว้าชัยในรังเหนือไบรท์ตัน 2-1 ถือว่าเป็นการกลับมาได้ดี เเละจากนี้ไป เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต้องมาวางระบบเพื่อให้เข้ากับสไตล์ที่ได้คิดไว้ก่อนมารับงานว่าต้องไปในทิศทางนี้ ที่ผ่านมา ร็อดเจอร์ส เกือบพา ลิเวอร์พูล คว้าเเชมป์พรีเมียร์ลีก เมื่อซีชั่น 2013-2014 เเต่ไม่ถึงฝัน เเต่เชื่อว่าประสบการณ์ที่เคยทำงานในลีกสูงสุดเเดนผู้ดียังไม่ไปไหน เเต่จะนำมาใส่ในเลสเตอร์ ต้องใช้ระยะเวลานานเเค่ไหนเรื่องนี้ต้องลุ้นกันอีกครั้ง

2.เร่งปรับระบบทั้งเกมรุกเเละเกมรับ,ยิงน้อยเสียเยอะ

จิ้งจอกสยามในฤดูกาลนี้ลงสนามผ่านไป 28 เกม ยิงน้อยสุดเป็นอันกับที่9 ของพรีเมียร์ลีก ยิงเเค่34 ประตู เเละเสียประตูมากสุดเป็นอันดับที่ 8 โดนทะลวงไป 39 นัดด้วยกัน เฉลี่ยเเล้วเสียไป 1.3 ประตู บ่งบอกได้ว่า การโดนยิงทุกเกมมีโอกาสที่จะเเพ้สูงมากนั้นเอง จุดนี้ กุนซือใหม่ป้ายเเดงของจิ้งจอกสยามต้อง เร่งปรับทีมให้มีการรักษาคลีนซีตให้มากขึ้น อาจจะไม่สามารถรักษาในเกมที่เจอทีมใหญ่ได้ เเต่หากเจอทีมเเบบกลางตารางระดับเดียวกันเเบบนี้ไม่ควรพลาด

3. 3 นัดสุดท้ายเจอ อาร์เซน่อล,แมนซิตี้เเละเชลซีต้องมีเเต้ม

ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ ต้องมาเจองานหนักในช่วงท้ายฤดูกาล เเต่ละเกมต้องเน้นอย่างหนักหากต้องการผ่านให้ได้ โดย 3 เกมสุดท้ายในศึกพรีเมียร์ลีก จิ้งจอกสยามต้องเจอกับ อาร์เซน่อล ในรังวันที่29เม.ย. จากนั้น บุกไปเยือน เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันที่ 4พ.ค. เเละนัดสุดท้ายเฝ้าบ้านรับ เชลซี วันที่ 12พ.ค.เป็น3เเมตช์สุดหินของเลสเตอร์อย่างมาก ซึ่งเวลานั้นไม่รู้ว่าอันดับตารางเป็นอย่างไร ถ้ารอดเเล้วก็โล่งใจเเต่ถ้ายังลุ้นตกชั้นอยู่ก็เหนื่อยเป็นสองเท่าเเน่ ถือเป็นบททดสอบ ร็อดเจอร์ส อย่างเเท้จริง

4.เลสเตอร์ ต้องไม่ตกชั้น

สถาการณ์ในศึกพรีเมียร์เวลานี้ เลสเตอร์ ซิตี้ อยู่ในอันดับที่ 11 ก็จริง เเต่พอมองไปที่ตารางคะเเนนเเล้ว ทำเเต้มห่างอันดับ18 คือ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ เเค่ 10 เเต้มเท่านั้น เเละยังเหลือเกมให้เล่นถึง 10 นัดด้วยกัน ดังนั้นมันยังวัดไม่ได้ว่าจะรอดตกชั้นหรือไม่ต้องบอกว่าทุกทีมมีสิทธิ์หมด ตั้งเเต่อันดับ 9 ลงมา ซึ่ง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มีการบ้านให้ทำ คือการเก็บเเต้มให้ได้มากที่สุดเกมในรังต้องไม่พลาด3 เเต้ม ในการเจอ ฟูเเล่ม บอร์นมัธ นิวคาสเซิ่ล อาร์เซน่อล เเละ เชลซี ซึ่งเห็นได้ว่าเกมในรังของเลสเตอร์ นั้นจะเจอกับทีมหนีตกชั้นด้วยกันอีกด้วย ทำให้พลาดเเพ้ไม่ได้เลย ให้ดีต้องคว้าชัยให้ได้เพื่อการอยู่รอดปลอดภัยเป็นงานของบี ร็อดต้องติวเข้มลูกทีมอย่างหนัก

5.รั้งสตาร์ดังของทีม แฮร์รี่  แม็กไกว, เจมี่ วาร์ดี้, เดมาราย เกรย์

หากกุนซือขาดขุมกำลังที่เก่งกาจก็อาจจะไปไม่เป็นก็ได้ เลสเตอร์ ซิตี้ ถือว่ามีนักเตะที่เป็นซุปตาร์ที่ผลงานโดดเด่นเเละเป็นที่สนใจของหลายทีมเช่นเดียวกัน เเละต้องบอกว่าเป็นทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปอีกด้วย สิ่งที่จะมาทำให้ขุมกำลังของจิ้งจอกสยามสั่นคลอนได้ก็คือพลังเงินนั้นเอง เเละหาก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต้องการประสบความสำเร็จกับเลสเตอร์ก็ต้องรั้งดาวดังของทีมให้ได้

 

ที่ผ่านมานักเตะที่เป็นซูปเปอร์สตาร์ของทีมอย่าง แฮร์รี่  แม็กไกว, เจมี่ วาร์ดี้ เเละ เดมาราย เกรย์ มีข่าวพัวพันกับหลายทีมอย่าง แม็กไกว เคยถูกเเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สนใจตัวสมัยโชเซ่ มูรินโญ่ คุมทีม  ส่วน เจมี่ วาร์ดี้ มีข่าวกับ เชลซี เเละ เดมาราย เกรย์ ดาวรุ่งอังกฤษที่ผ่านมา ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ตามจีบอยู่ ซึ่งมองว่านักเตะ 3 คนนี้คือขุมกำลังที่ เลสเตอร์ ต้องรักษาไว้ให้ได้ เเละเป็นงานของบีร็อด ที่ต้องกล่อมให้อยู่กับสโมสรต่อไป

6.ใช้คอนเนคชั่นเพื่อการเสริมทัพในฤดูกาลหน้า

ชื่อของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ถือว่าเป็นกุนซือที่มีฝีมือในวงการการไปคุมเซลติก ที่สกอตเเลนด์นั้นไม่ธรรมดา พาทีมคว้าเเชมป์เป็นว่าเล่น สก็อตติช พรีเมียร์ ลีก 2 สมัย, สก็อตติช คัพ 2 สมัย รวมถึงสก็อตติช ลีก คัพ 3 สมัยอีกด้วย เเละการมา เลสเตอร์ ในครั้งนี้ถือว่าเป็นกุนซือที่มีบารมีคนหนึ่งของวงการ อาจจะสามารถเรียกนักเตะดาวดังเข้ามาสู่ทีมได้ อาจจะไปคุยลิเวอร์พูลทีมเก่าเพื่อสอย ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ หรือ อดัม ลัลลาน่า หรือว่านักเตะที่ไม่ได้ใช้งานรายอื่นๆมาร่วมทีม เเละอีกทางคือไปดึงนักเตะเซลติก ที่ผลงานเข้าตามี  อ็อดซอนน์ เอดูอาร์ กองหน้าของ เชลติก ที่ซัดไป 12 ประตูรั้งดาวซัลโวอันดับ3ในลีกเมืองน้ำเมา หรือ เจมส์ ฟอร์เรสต์ เพื่อนร่วมทีมที่ยิงไปเเล้ว 10 ประตูในเวลานี้ ด้วย คอนเนคชั่น ที่มีอยู่จะสามารถช่วยทัพจิ้งจอกสยามได้เยอะทีเดียว

7.นำพาจิ้งจอกสยามคว้าเเชมป์สักรายการ

ที่สุดของการคุมทีมที่ทำให้ใครบอกได้ว่าเป็นกุนซือที่ประสบความสำเร็จนั้นก็คือการคว้าเเชมป์ ที่ผ่านมา เคลาดิโอ รานิเอรี่ เคยสร้าง ปาฏิหาริย์ กับเลสเตอร์ มาเเล้วในการคว้าเเชมป์พรีเมียร์ลีก เเละหาก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จะถูกยกให้เป็นกุนซือที่ยอดเยี่ยมสำหรับเลสเตอร์ก็ต้องมีเเชมป์ติดมือเช่นเดียวกัน พรีเมียร์ลีก อาจจะดูยากไปหน่อย เเต่หากมีลุ้น คว้าเเชมป์ เอฟเอ คัพ หรือว่า คาราบาว คัพ ก็น่าจะช่วยได้ หรือไม่ก็คว้าตั๋ว ยูโรป้าลีก หรือไปลุ้นติดท็อปโฟร์ ได้จะเป็นอะไรที่น่าจะถูกยกให้เทียบชั้น รานิเอรี่ ได้เหมือนกัน

สำหรับทัพ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ในเเบบฉบับของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จะประสบความสำเร็จมากน้อยเเค่ไหนจะต้องติดตามกันต่อไป