งานไหนที่รอคอย : 9 สโมสรที่อาจเป็นสถานีต่อไปของ มูรินโญ่

 

หลังจากที่ห่างหายจะงานคุมทีมได้เกือบๆปี เริ่มมีข่าวลือว่า โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมฝีปากกล้า ได้เลือกสโมสรที่ตนต้องการทำหน้าที่กุนซือในอนาคตได้แล้ว 

 

ซึ่งคนที่ปล่อยข่าวนี้ออกมาก็คือ ฌอง มิเชล โอลาส ประธานสโมสรโอลิมปิก ลียง ที่พยายามยื่นข้อเสนอคุมทีมให้กับ กุนซือวัย 56 ปี พิจารณา หลังปลด ซิลวินโญ่ ไปไม่นานในเดือนตุลาคมนี้ แต่ถูกปฏิเสธไป เนื่องจากเขามีจุดหมายใหม่แล้ว

 

หากเป็นนั้นจริงๆ นั่นหมายความว่า ช่วงเวลาที่ รอย คีน, แกรม ซูเนสส์ และ มูรินโญ่ จะปะชันฝีปากกันทั้งก่อนและหลังเกมพรีเมียร์ลีก คงค่อยๆเหลือน้อยลงทุกที แต่เราก็จะได้เห็นลีลาการทำทีมข้างสนามของเขาอีกครั้งด้วย

 

ว่าแต่สโมสรลึกลับทีมไหนที่รอคอยการกลับมาของ กุนซือชื่อดังชาวโปรตุเกสคนนี้ และเขาจะสามารถรักษาหรือกอบกู้ชื่อเสียงกลับมาได้อีกครั้งหรือไม่ UFA ARENA จะพาทุกท่านไปวิเคราะห์ทีมต่างๆที่อาจเป็นจุดหมายใหม่ที่ทำให้ เดอะ สเปเชี่ยล วัน กลับมารับงานคุมทีมอีกครั้ง 

 

 

กลับสู่ความยิ่งใหญ่ – เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค, เปแอชเช

 

 

ช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา มูรินโญ่ ได้คุมทีมที่อยู่ในระดับใหญ่ใกล้เคียงกัน ทั้งชื่อเสียงที่มากโขหรือการแข่งขันรายการดังต่างๆ แม้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาอาจไม่ประสบความสำเร็จมากนัก แต่ถึงอย่างนั้น มูรินโญ่ก็ยังเป็นหนึ่งในกุนซือที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคนี้ และมีไม่กี่คนที่คว้าโทรฟี่ได้มากกว่าเขาในวงการลูกหนังทั่วโลก

 

การคว้าแชมป์ลีกในบางประเทศดูมีความสำคัญน้อยลงกว่าเดิม และสโมสรที่มีเงินถุงเงินถังมากมาย ต่างมีเป้าหมายหลักอย่างเดียวกัน นั่นก็คือแชมป์ยุโรป ซึ่งหนึ่งในทีมเหล่านั้นอาจเลือกกุนซือที่สามารถช่วยให้พวกเขาสมหวังกับถ้วยหูยานได้ และ เดอะ สเปเชียล วัน ก็ถือว่าเป็นผู้จัดการทีมที่อยู่ในข่ายนั้น

 

สำหรับทีมลักษณะนี้ บาเยิร์น มิวนิค น่าจะเป็นทีมที่มีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุด พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ลีกได้แบบไม่มีปัญหาในยุคของ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส หรือ เป็ป กวาร์ดิโอล่า แต่ในยุคของ นิโก้ โควัช แม้จะคว้าแชมป์ได้ แต่ก็ทำได้แบบทุลักทุเล และไปได้ไม่สวยนักในยูซีแอล จนทำให้มีข่าวว่าบอร์ดเสือใต้เริ่มสงสัยในฝีมือของกุนซือชาวโครแอตแล้ว

 

ประกอบกับมีข่าวว่า มูรินโญ่ ได้เรียนภาษาเยอรมันอยู่ ยิ่งทำให้โอกาสที่เขาจะรับงานนี้มีสูงเช่นกัน หากได้รับข้อเสนอขึ้นมาจริงๆ และการคุมทีมครั้งนี้คงมีโอกาสที่เขาจะคว้าถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นสมัยที่ 3 ได้เสียที แถมการที่เขาคว้าแชมป์รายการนี้ตามหลัง กวาร์ดิโอล่า กุนซือเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด อยู่ 1 สมัย อาจกระตุ้นความมุ่งมั่นของเขาให้กลับมาอีกครั้ง หลังจากหมดไฟไปกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เป็นได้

 

ขณะเดียวกัน ฟลอเรนติโน่ เปรซ ประธานสโมสรเรอัล มาดริด ก็มีข่าวว่าสนใจดึงเขามาร่วมงานอีกครั้ง แม้เซร์คิโอ้ รามอส จะไม่โอเคกับเรื่องนี้ก็ตาม แต่ว่า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการแทนที่ ซีเนดีน ซีดาน มากกว่า ถ้ากุนซือชาวฝรั่งเศสโบกมือลา ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว อีกครั้ง

 

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก็เป็นอีกจุดมุ่งหมายที่เป็นไปได้เช่นกัน และมูรินโญ่อาจช่วยให้ความทะเยอทะยานในการชูถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกสมัยแรกเกิดขึ้นกับสโมสรเมืองหลวงแดนน้ำหอมเช่นกัน เพียงแต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้เป็นไปได้ยาก หลัง โธมัส ทูเคิ่ล ทำผลงานได้ดีในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้

 

 

โครงการกู้ชื่อ – สเปอร์ส, เอฟเวอร์ตัน, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

 

 

มูรินโญ่ทำผลงานคุมทีมได้ยอดเยี่ยมที่สุดในช่วงที่กุมบังเหียน ปอร์โต้, เชลซี และ อินเตอร์ มิลาน ซึ่งเป็นตอนที่เขาได้ร่วมงานกับนักเตะที่ต้องการพิสูจน์ตนเอง กับสโมสรที่ต้องการคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์เป็นครั้งแรก 

 

เมื่อพิจารณาจากเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว ดูเหมือน กุนซือวัย 56 ปีอาจจะต้องลดระดับของตนเองเพื่อมาคุมทีมที่เล็กกว่า หรือห่างหายจากความสำเร็จไปนาน แต่ก็มีศักยภาพในการลุ้นแชมป์เช่นกัน

 

ข่าวลือของเขากับ สเปอร์ส ดูมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับผลงานทำทีมของ โปเช็ตติโน่ ในตอนนี้ ฉะนั้นไก่เดือยทองน่าจะเป็นตัวเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุดของมูรินโญ่ในพรีเมียร์ลีก และเขาน่าจะพาทีมผ่านพ้นช่วงเวลาอันแสนลำบากนี้ไปได้

 

เอฟเวอร์ตันก็เป็นอีกทีมที่อยู่ในช่วงขาลง และอยู่ห่างไกลจากความคาดหวังที่ควรจะเป็น แต่งบประมาณการทำทีมที่ ฟาร์ฮัด โมชิริ มีให้สโมสร อาจเพียงพอทำให้มูรินโญ่ ตัดสินใจมารับงานต่อจาก มาร์โก ซิลวา ในอนาคตอันใกล้นี้

 

 ขณะที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อาจมีสไตล์และแนวทางที่ไม่เข้ากับเขาเท่าไหร่ เนื่องจากเป็นทีมที่เน้นการปั้นดาวรุ่งจากชุดเยาวชนขึ้นมา และชื่นชอบการเล่นบอลรุกแบบเต็มสูบ อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า สาเหตุที่มูรินโญ่ ร่ำเรียนภาษาของชาวดอยช์ ก็เพื่อมารับงานคุมเสือเหลืองโดยเฉพาะต่างหาก หลังเจ้าของทีมอย่าง ฮานส์ โยอาคิม วัตซ์เค หัวหน้าผู้บริหารของสโมสรต้องการคนมีฝีมือเข้ามาต่อกรกับ บาเยิร์น มิวนิค คู่แข่งแย่งแชมป์บุนเดลีก้าให้ได้  และทาง ลูเซียน ฟาร์ฟ กุนซือคนปัจจุบันก็ทำผลงานได้ไม่สม่ำเสมอเท่าไหร่ในฤดูกาล 2019-20  

 

ซึ่งการที่สโมสรห่างหายจากแชมป์ลีกมานานหลายปีนับตั้งแต่ฤดูกาล 2011-12 น่าจะเป็นงานสุดท้าทายที่มูรินโญ่น่าจะชื่นชอบไม่น้อย

 

 

คุมแบบชิลล์ ชิลล์ – สโมสรจากจีน, นีซ, ทีมชาติโปรตุเกส

 

 

แน่นอนว่าตัวเลือกที่มีความท้าท้ายน้อยกว่าอาจทำให้เขาได้รับทรัพย์แบบอื้อซ่า อย่างที่เคยได้รับข้อเสนอสัญญาคุมทีมกว่า 89 ล้านปอนด์จาก กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ และถึงเขาจะปฏิเสธไปเนื่องจากต้องการทำงานในยุโรปมากกว่า แต่เชื่อว่าดีลระดับใกล้เคียงก็อาจโผล่มาให้กุนซือแดนฝอยทองพิจารณาอีกครั้งในอนาคตข้างหน้า หากเขายังว่างงานอยู่แบบนี้

 

ไชนีส ซุปเปอร์ ลีก เป็นลีกที่สโมสรเดินหน้าต่อไปได้ด้วยเงินทุนจากนักธุรกิจในแดนมังกร และมีโอกาสที่หลายๆทีมจะทำแบบเดียวกับ ต้าเหลี่ยน อี้ฟ่าง ที่ดึง ราฟาเอล เบนิเตซ ไปคุมทีมพร้อมกับเงินทุนไว้ช็อปนักเตะได้ตามต้องการ

 

สำหรับ นีซ ที่ล่าสุดเพิ่งถูก เซอร์ เจมส์ แรทคลิฟฟ์ ชายที่รวยที่สุดในเกาะอังกฤษ เทคโอเวอร์ ก็อาจสร้างเซอร์ไพรส์ดึงมูรินโญ่ไปร่วมทีม แม้จะต้องความพยายามอย่างมาก แต่อดีตเชลซีอาจถูกดึงดูดด้วยเงินทุนจำนวนมหาศาล, การแข่งขันและความทะเยอทะยานกับการคว้าแชมป์ลีกเอิงให้ได้ อย่างไรก็ตาม เปอร์เซนต์ที่แรทคลิฟฟ์จะเลือกไม่ดึง มูรินโญ่ เข้ามาก็มีสูงกว่า เนื่องจากครั้งหนึ่ง เขาเคยวิจารร์การทำงานของ มูรินโญ่ ในช่วงที่ทำผลงานได้ย่ำแย่กับปีศาจแดง จนถูกปลดในเดือนธันวาคมปีก่อน

 

นอกจากงานระดับสโมสร งานคุมทีมชาติก็คือสิ่งที่มูรินโญ่พูดขึ้นมาตลอด ไม่ว่าจะทำงานอยู่กับทีมไหน และอาจเกิดขึ้นได้ในเร็วๆนี้เช่นกัน 

 

การเข้ามาแทนที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ในทีมชาติอังกฤษ น่าจะเกิดขึ้นได้ยาก รวมไปถึงเข้ามาแทนที่ เฟร์นานโด ซานโตส ในทีมชาติโปรตุเกส ด้วย แต่กระนั้น หากเทียบกันแล้ว เปอร์เซนต์ที่มูรินโญ่จะเข้ามาแทนที่ กุนซือวัย 65 ปี ก็มีมากกว่า หลังซานโตสอยู่กับทีมฝอยทองมานาน 5 ปี และประสบความสำเร็จกับแชมป์ยูโรไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น โปรตุเกสอาจถึงเวลาเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหลังจากจบศึกยูโรในปี 2020 

 

 ด้วยความเหนื่อยหน่ายจากงานในระดับสโมสร และ ข้อเสนอจากทีมใหญ่ๆที่ไม่น่าดึงดูดพอ ท้ายที่สุด มูรินโญ่อาจพบว่าการพาทีมชาติบ้านเกิดไปเล่นในฟุตบอลโลกเป็นสิ่งที่น่าสนใจและยากที่จะปฏิเสธ นั่นจะทำให้เขามีชั่วโมงทำงานน้อยลง สามารถไปโผล่เป็นกูรูรับเชิญได้บ่อยขึ้น แถมอาจช่วยให้ความสัมพันธ์ของเขากับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลับมาจูบปากคืนดีกันอีกครั้งก็เป็นได้

 

ถ้า โอลาส พูดถูก มูรินโญ่คงรู้ดีอยู่แล้วว่าสถานีต่อไปของเขาคือที่ไหน แต่ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็ไม่มีอะไรการันตีว่าเขาจะทำอย่างที่สโมสรหรือใครๆคาดหวังได้หรือไม่ และผลงานเหล่านั้นจะเป็นตัวกำหนดชื่อเสียงกับความสามารถของมูรินโญ่เอง ไม่ว่าเขาเคยประสบความสำเร็จมามากมายแค่ไหนก็ตามที