จับตาดูไว้ : หรือ วอร์ด-พราวส์ จะเป็นราชาลูกนิ่งคนต่อไปในลีกผู้ดี?

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พรีเมียร์ลีก ได้สร้างผู้เชี่ยวชาญด้านการสังหารลูกนิ่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เดวิด เบ็คแฮม, เธียร์รี่ อองรี, จานฟรังโก้ โซล่า หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และในตอนนี้ ชื่อของ เจมส์ วอร์ด-พราวส์ อาจจัดอยู่ในนักเตะประเภทนั้นเรียบร้อยแล้ว

 

ลูกหม้อของ เซาแธมป์ตัน ถือเป็นอีกแข้งที่ขึ้นชื่อในการเตะลูกฟรีคิกในลีกสูงสุดแดนผู้ดีช่วง  2-3 ปีที่ผ่านมา และเขาตอกย้ำความสามารถนี้อีกครั้งด้วยการยิงประตูจากลูกนิ่ง 2 ลูกในเกมที่เอาชนะ แอสตัน วิลล่า 4-3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

 

นั่นทำให้ กองกลางชาวอังกฤษ เป็นนักเตะคนที่ 9 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ยิงได้ 2 ประตูจากลูกฟรีคิกในเกมเดียว และเป็นคนแรกที่ทำได้นับตั้งแต่ คริสเตียน อีริคเซ่น เคยทำไว้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในเกมพบ สวอนซี ปี 2015 

 

นอกจากนี้ 2 ประตูดังกล่าวยังทำให้ วอร์ด-พราวส์ กลายเป็นนักเตะที่ยิงฟรีคิกให้กับนักบุญมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก ด้วยจำนวน 8 ประตู แซงหน้า แมทธิว เลอ ทิสซิเอร์ ตำนานของสโมสรไปแล้ว

 

ที่น่าประทับใจมากกว่านี้ นักเตะพรีเมียร์ลีกทุกคนที่เตะลูกนิ่งมากกว่า 50 ลูกเป็นอย่างน้อย ตั้งแต่ฤดูกาล 2003-04 เป็นต้นมา วอร์ด-พราวส์ คือนักเตะที่มีเปอร์เซนต์ในทำประตูจากลูกฟรีคิกดีที่สุดที่ 12.5%

 

ดังนั้น กองกลางจากทีมนักบุญจะมีสิทธิ์ก้าวขึ้นไปเป็นจอมสังหารลูกนิ่งเบอร์หนึ่งในพรีเมียร์หรือไม่ UFA ARENA จะพาไปวิเคราะห์ผ่านบทความชิ้นนี้กัน

 

 

ลูกหม้อทีมแดนใต้

 

 

แม้เขาจะเกิดในครอบครัวที่เชียร์ทีม พอร์ทสมัธ แต่ วอร์ด-พราวส์ เริ่มอาชีพนักฟุตบอลกับ เซาแธมป์ตัน ทีมอริแดนใต้ของปอมปีย์ ตั้งแต่เป็นเยาวชน ในปี 2003 ซึ่งในขณะนั้นเขามีอายุเพียง 8 ขวบเท่านั้น

 

เขาค่อย ๆ พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาเรื่อยจนกระทั่งได้ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ทีมนักบุญครั้งแรกในปี 2011 ด้วยวัยเพียง 16 ปี กับเกมลีก คัพ พบ คริสตัล พาเลซ และได้โอกาสลงเล่นมากขึ้นในฤดูกาลต่อมาหลังทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกสำเร็จ

 

วอร์ด-พราวส์  กลายเป็นตัวหลักให้เซาแธมป์ตันแบบจริงจังในฤดูกาล 2013-14 ที่ได้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุมบังเหียน โดยได้ลงเล่นในเกมลีกถึง 34 นัด

 

ถึง พอช จะตำแหน่งนายใหญ่ของทีมแดนใต้ไป กองกลางชาวอังกฤษ ก็ยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นหัวใจในแดนกลางของสโมสร ทั้งในยุคที่มีกุนซือเป็น โรนัลด์ คูมัน, โคล้ด ปูแอล, เมาริซิโอ เปเยกริโน่, มาร์ค ฮิวจ์ส หรือ ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิล ในปัจจุบัน

 

สิ่งที่ทำให้ใครหลายคนรู้จักกับ วอร์ด-พราวส์ ก็คือลีลาการเล่นลูกตั้งเตะที่ยอดเยี่ยม แม่นยำวางจับวาง จนได้รับคำชื่นชมจากคนวงการลูกหนังมากมาย แต่ถึงจะมีข่าวลือกับสโมสรร่วมลีกเป็นครั้งคราว แต่ท้ายที่สุด เขาก็ยังปักหลักค้าแข้งในถิ่น เซนต์ แมรี่ส์ สเตเดี้ยม ต่อไป

 

ณ ตอนนี้ วอร์ด-พราวส์ เป็นนักเตะที่ลงเล่นให้กับ เซาแธมป์ตันมากที่สุดในชุดปัจจุบัน โดยลงสนามทั้งสิ้น 286 นัดในทุกรายการ พร้อมกับได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมในฤดูกาล 2020-21 ด้วย แทนที่ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก ที่ย้ายไปร่วมทีม ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในซัมเมอร์นี้

 

 

หัวใจแดนกลางของนักบุญ

 

 

คงไม่มีปฏิเสธความสามารถของ วอร์ด-พราวส์ อย่างแน่นอน หลังได้ยลฟอร์มการเล่นของเขา ณ สนาม วิลล่า ปาร์ค ซึ่งตรงกับวันเกิดครบรอบ 26 ปีของเขาพอดี

 

การทำ 1 แอสซิสต์ของเขาถูกริบคืนไปพร้อมกับประตูจาก VAR ในจังหวะที่ เช อดัมส์ ล้ำหน้า แต่เขาก็ทำได้แอสซิสต์ได้อย่างใสสะอาดในเวลาต่อมา หลังเปิดลูกฟรีคิกให้ ยานนิค เวสเตอร์การ์ด โขกเข้าไปตุงตาข่าย

 

และสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นยอดเยี่ยมยิ่งกว่า

 

หลังจาก ธีโอ วัลค็อตต์ ถูกทำฟาวล์บริเวณหัวกระโหลกนอกกรอบเขตโทษ ลูกหม้อนักบุญก็บรรจงปั่นโค้ง ๆ ข้ามกำแพงเป็นประตูให้ทีมขึ้นนำ 2-0 ก่อนจะทำประตูทิ้งห่างเป็น 3-0 จากลูกฟรีคิกอีกครั้งในระยะที่ใกล้กว่าเดิมเล็กน้อย และยิงโดยที่ เอมิเลียโน่ มารติเนซ นายทวารสิงห์ผงาดทำได้แค่ใช้สายตาป้องกัน

 

“เมื่อเขาได้โอกาสใกล้กรอบเขตโทษ เขาสุดยอดมากๆเลย” ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิล กล่าวชมลูกทีมคนเก่งหลังเกมนั้น

 

“ผมยินดีกับเขาที่ยิงลูก 2 แต่ก็รวมถึงการแอสซิสต์ในลูกแรก และลูกแรกที่ถูกริบไปจาก VAR ด้วย ในการยิงฟรีคิกนั้น เขายอดเยี่ยมสุดๆ และเขาก็ทำมันได้ดีขึ้นเรื่อยๆด้วย”

 

“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เขาเป็นกัปตันของเรา เขาเป็นแบบอย่างของเราสำหรับสิ่งที่เรายืนหยัด เขาเป็นนักสู้ที่ยอดเยี่ยมสำหรับทีม”

 

 

เป้าหมายไม่ไกลเกินเอื้อม

 

 

ปัจจุบัน เดวิด เบ็คแฮม อดีตกองกลางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังครองตำแหน่งเจ้าพ่อลูกนิ่งในพรีเมียร์ลีกอยู่ ด้วยจำนวน 18 ประตูจากการยิงฟรีคิก (ค่าเฉลี่ยยิงประตูจากฟรีคิกทุกๆ 1,198 นาที)

 

ตามมาด้วย เธียร์รี่ อองรี่ (12, 1776) จานฟลังโก้ โซล่า  (12, 1,339), เซบาสเตียน ลาร์สสัน (11, 1,918), คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (11, 1,322) โลร็องต์ โรแบร์ (11, 994), มอร์เตน กัมส์ท พีเดอร์เซ่น (10, 2,067), เอียน ฮาร์ท (10, 1,977), แฟรงค์ แลมพาร์ด (9, 5,430), เจมี่ เร้ดแน็ปป์ (9, 2,587) และ  นอลแบร์โต้ โซลาโน่ (9, 2,516)

 

แต่ตอนนี้ วอร์ด-พราวส์ (1,835) เข้ามารั้งอันดับร่วมกับ ฆวน มาต้า (2,289), คริสเตียน อีริคเซ่น (2,287) ที่ยิงไป 8 ประตูเท่ากัน

 

แม้การทำปะตูแซงหน้าตำนานปีศาจแดงอาจเป็นเรื่องยากพอสมควร และคงไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ การไต่อันดับรั้งอันดับให้เท่ากับ 2 ตำนานอาร์เซน่อล และ เชลซี ที่กดไป 12 ประตูจากลูกนิ่ง ก็มีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน หากวัดจากสถิติที่ ออปต้า บันทึกไว้ตั้งแต่ฤดูกาล 2003-04 เป็นต้นมา

 

สถิติดังกล่าวที่นับเฉพาะนักเตะที่ได้ส่องฟรีคิกอย่างน้อย 50 ลูกขึ้นไป ไม่มีใครทำได้ยอดเยี่ยมและเปลี่ยนเป็นประตูได้เท่ากับ วอร์ด-พราวส์ อีกแล้ว ด้วยค่าเฉลี่ย 12.5% จากลูกยิงทั้งหมด เหนือกว่าทั้ง ลาร์สสัน (11%) หรือ โซลาโน่ (10%) อดีตแข้งนิวคาสเซิลที่มีค่าเฉลี่ยยิงประตูจากลูกฟรีคิกต่อนาทีดีกว่าเขาก็ตาม

 

“เป็นเรื่องดีเสมอที่สามารถยิงได้ 2 ลูกในวันเกิด ผมเหมือนกำลังอยู่ในความฝันวัยเด็กเลยล่ะ ดังนั้นผมจึงมีความสุขมากๆ” กองกลางทีมชาติอังกฤษกล่าวหลังเกมนั้น

 

“ผมเคยสอนลูกของผมถึงวิธีการยิงฟรีคิกเหล่านั้นในสวนหลังบ้านด้วย”

 

และคงไม่ใช่แปลกอะไร หาก วอร์ด-พราวส์ จะตั้งเป้าหมายยิงประตูจากลูกนิ่งให้ได้ในเกมลีกนัดต่อๆไป ซึ่งถ้าหากรักษามาตรฐานแบบนี้ได้เรื่อย ๆ ตำแหน่งราชาลูกนิ่งคนใหม่ของพรีเมียร์ลีกในอนาคตก็คงไม่ไกลเกินฝันสำหรับ วอร์ด-พราวส์ อย่างแน่นอน