จับตา 5 ตัวเต็งคั่วแข้ง PFA

 

ศึกพรีเมียร์ลีกกำลังเข้าสู่ในช่วงสุดท้ายก่อนที่จะปิดฉากลง และในทุกๆปีจะมีการมอบรางวัลให้กับผู้เล่นที่โชว์ผลงานได้ดีจนได้รับเลือกให้รับโทรฟี่ที่ทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษได้จัดขึ้นให้ไปเป็นความภาคภูมิใจของตัวเอง

 

เมื่อซีซั่นก่อนคนที่ได้ตำแหน่งนักฟุตบอลอาชีพยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอจากการโหวตของเพื่อนสมาชิกในลีกไปครองก็คือ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ดาวยิงมัมมี่ของหงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่โชว์ฟอร์มเทพตั้งแต่ย้ายมายังแอนฟิลด์ปีแรกด้วยการกดไปถึง 49 ลูกรวมทุกรายการ ทำให้ทิ้งคู่แข่งรายอื่นแบบกระจุย  

 

แต่ในฤดูกาลนี้ดาวเตะชาวอียิปต์อาจจะดรอปดรอปลงไปทำให้มีคู่ต่อกรที่ถูกคาดหมายว่าจะมาเบียดเข้าป้ายอยู่หลายรายและแต่ละรายก็แสดงศักยภาพออกมาช่วยต้นสังกัดได้อย่างน่าประทับใจ และนี่คือ 5 แข้งตัวเต็งที่ถูกจับตาว่าจะคว้าตำแหน่งอันทรงคุณค่านี้ไปเชยชม

 

5.ซอง เฮือง-มิน ( สเปอร์ส )

 

 

ดาวเตะชาวเกาหลีใต้ผู้นี้ ออกไปช่วยทีมชาติ 2 รอบในซีซั่นนี้ นั่นจึงทำให้เขาลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไปเพียง 14 เกมเท่านั้น อย่างไรก็ดีเขายังทำได้ถึง 11 ประตู ซึ่งมากกว่าผู้เล่นในทีมอีก 7 คน

 

ซอง ต้องรอถึงเดือนพฤศจิกายนเลยทีเดียวกว่าจะได้ประเดิมสนามในเกมลีกให้กับไก่เดือยทองในนัดที่เปิดบ้านชนะวูล์ฟแฮมป์ตันไป 3-2 ซึ่งเขามีส่วนร่วมในการผ่านบอลให้เพื่อนทำประตูได้ในเกมนั้น โดยตอนนี้มิดฟิลด์แดนกิมจิยิงไปแล้ว 11 ลูกกับอีก 6แอสซิสต์ในลีก

 

ค่าเฉลี่ยของเขาในการมีส่วนร่วมกับประตูของทีมจนถึงขณะนี้อยู่ที่ 84.5 ต่อนาที และ 14 เกมล่าสุดในพรีเมียร์ลีก เจ้าตัวยังคงเป็นตัวสำคัญในการช่วยแบกต้นสังกัดทุกๆ 67.4 ต่อนาที

สเปอร์กำลังประสบปัญหากับอาการบาดเจ็บของ แฮร์รี่ เคนและเดลี่ อัลลี่ ซึ่งส่งผลมากกับการลุ้นแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก และทีมหวังว่าซองจะเป็นตัวแทนการขาดหายไปของ 2 คนนี้ช่วยทีมให้ดีที่สุด

 

4.ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

 

 

คู่แข่งในการแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ของ ลิเวอร์พูล คือแมนฯซิตี้ แต่อีกตัวแปรหนึ่งที่จะทำให้ หงส์แดง ต้องระวังเป็นพิเศษก็คือฟอร์มที่โดดเด่นของอดีตผู้เล่นเก่าของทีมอย่าง ราฮีม สเตอริ่ง

 

ซีซั่นนี้ สเตอร์ริ่ง ได้พัฒนาฝีเท้าไปอย่างก้าวกระโดด ภายใต้การคุมทีมของ เป็ป กวาดิโอล่า และเป็นส่วนสำคัญในการทำเกมรุกให้ต้นสังกัดในช่วงที่ขาดตัวหลักทั้ง เซอจิโอ อเกวโร่และเควิน เดอบรอน เนื่องจากบาดเจ็บ

 

ดาวเตะทีมชาติอังกฤษทำประตูในลีกไปแล้ว 10 ลูก และยังจ่ายให้เพื่อนร่วมทีมอีกถึง 9 ครั้งซึ่งค่าเฉลี่ยของเขาในการสร้างประโยชน์ช่วยเหลือซิตี้นั้นอยู่ที่ 98.4 ต่อนาที

 

ปัจจุบันปีกตัวจี๊ดวัย 24 ปี เป็นผู้ทำประตูสูงสุดเป็นอันดับ 8 ของลีกแต่ยังคงเป็นรอง ไรอัน เฟรเซอร์ ของบอร์นมัธและเพื่อนร่วมสโมสรเดียวกันอย่าง เลรอย ซาเน่

 

3.โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ (ลิเวอร์พูล)

 

 

นักเตะยอดเยี่ยมของ พีเอฟเอเมื่อปีที่แล้ว ยังคงเป็นตัวเต็งในฤดูกาลนี้อีกครั้ง แม้ฟอร์มจะไม่ดูเปรี้ยงปร้างเหมือนซีซั่นก่อน แต่ถ้าเขาได้รับเลือกอีกปีจะกลายเป็นผู้เล่นคนแรก ต่อจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เคยเบิ้ลคว้ารางวัลนี้ไว้เมื่อปี 2008

 

แม้จะดูว่าฟอร์มดรอปลงต่างจากซีซั่นก่อนสำหรับ ซาลาห์ แต่เขายังคงเป็นตัวทีเด็ดให้กับลิเวอร์พูลเกือบทุกนัดที่ลงสนาม โดยเจ้าตัวยังมีลุ้นดาวซัลโวในลีกอีกต่างหาก และจนถึงตอนนี้ศูนย์หน้าจากแดนปิรามิดซัดไปแล้วถึง 17 ลูก รั้งตำแหน่งดาวยิงสูงสุดในลีกเทียบเท่า กุน อเกวโร่ ของแมนฯซิตี้

 

นอกเหนือจากเรื่องการทำประตูแล้ว เขายังมีส่วนสนับสนุนช่วยให้เพื่อนร่วมทีมล่าต่าข่ายอีกหลายครั้ง โดยเจ้าตัวจ่ายแอสซิสต์ไปแล้ว 7 ลูก ซึ่งมีผู้เล่นอีก 5 คนที่ทำได้มากกว่าเขาในตอนนี้

 

ปัจจุบันซาลาห์มีค่าเฉลี่ยในการช่วยเกมรุกให้กับหงส์แดงทุกๆ 92 ครั้งต่อนาที โดยสโมสรหวังว่าปีนี้เขาจะช่วยให้เหล่าเดอะคอปสมหวังคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกที่รอคอยมาถึง 29 ปีเต็มได้สำเร็จ

 

2.เอแด็น อาซาร์ (เชลซี )

 

 

อาซาร์ เริ่มต้นฤดูกาลกับสิงโตน้ำเงินครามได้อย่างน่าประทับใจ และดูเหมือนว่าทีมจะไปได้สวยด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของเขา อย่างไรก็ดีผลงานของเชลซีเริ่มสะดุดและไม่ค่อยดีในช่วงหลัง กระนั้นดาวเตะชาวเบลเยี่ยมก็ยังคงเป็นกำลังสำคัญในแนวรุกของทีมด้วยการมีส่วนร่วมกับประตูที่ทำได้ถึง 22 ครั้งในลีกซึ่งมากกว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์

 

มิดฟิลด์เชิงสูงรายนี้ ทำไป 12 ประตูในลีกซึ่งมากกว่า โม ซาลาห์,ปิแอร์ เอริคโอบาเมยอง,กุน อเกวโร่และ แฮร์รี่ เคน เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ติดอันดับผู้ทำแอสซิสต์ให้กับต้นสังกัดใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปมากที่สุด ซึ่งมีเพียงนักเตะ 2 รายที่ทำได้มากกว่าเขาในตอนนี้

 

ด้วยอาการบาดเจ็บรบกวนจากฟุตบอลโลกที่รัสเซีย เลยทำให้เขาเข้ามาเริ่มต้นกับทีมช้าไป แต่ถึงยังไงแข้งรายนี้ก็ยังเป็นกำลังหลักในเกมรุกของสิงห์บลูอยู่ดี โดยค่าเฉลี่ยของเขานั้นอยู่ที่ 87.8 ครั้งต่อนาที

 

1.เวอร์จิล ฟานไดซ์(ลิเวอร์พูล)

 

 

ครั้งสุดท้ายที่ผู้เล่นแนวรับคว้ารางวัลนี้ ต้องย้อนไปถึงปี 2005 โดย จอน เทอรี่ กัปตันทีมและเซนเตอร์ฮาล์ฟของเชลซีในขณะนั้นเป็นผู้เล่นที่งาบตำแหน่งนี้ไปครอง นับจากนั้นมาก็ไม่เคยมีใครได้ชมเชยกับโทรฟี่นี้อีกเลย จนกระทั่งปี 2017 เอนโกโล่ กองเต้ มิดฟิลด์ตัวตัวเกมที่รับใช้เลสเตอร์ อยู่ในเวลานั้น เป็นรายล่าสุดกับรางวัลนี้

 

หากปีนี้ ลิเวอร์พูล สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้ในรอบ 29 ปี รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมน่าจะตกเป็นของกองหลังชาวดัตช์ที่โชว์ฟอร์มได้แข็งแกร่งเหนือเพื่อนร่วมทีมอย่างโมฮาเหม็ด ซาลาห์แบบไม่ต้องสงสัย

 

ตั้งแต่เขาย้ายมายังแอนฟิลด์ด้วยสถิติโลกเมื่อเดือนมกราคมปี 2018 เขาก็ช่วยให้แนวรับของลิเวอร์พูลแกร่งขึ้นอย่างผิดหูผิดตา จนทำให้ทีมเสียประตูน้อยที่สุดในลีกอยู่ในเวลานี้

 

อดีตผู้เล่นของ กลาสโกว์ เซลติกและเซาแธมป์ตัน ลงเล่นครบทุกเกมให้กับลิเวอร์พูลในซีซั่นนี้เท่ากันกับ อลิสซัน เบ็คเกอร์ มือกาวชาวบราซิเลี่ยนของทีม นอกจากนี้เขายังเป็นผู้เล่นคนเดียวที่ออกสตาร์ทในเกมลีกให้หงส์แดงทุกแมตช์

 

ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมที่เสียประตูแค่ 15 ลูกพร้อมกับเก็บคลีนชีตได้ถึง 14 เกม ซึ่งเป็นสถิติดีที่สุดในลีก ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้องให้เครดิตในการทำหน้าที่ของ ฟานไดซ์

 

ตลอดเวลาที่แนวรับทีมชาติฮอลแลนด์ลงเล่นให้หงส์แดง เขามีค่าเฉลี่ยในการเอาชนะคู่แข่งด้วยลูกกลางอากาศได้ถึง 4.3 ต่อครั้ง การเข้าสกัดที่แม่นยำอยู่ที่ 5.2 ในส่วนของการวางบอลยาวเขาก็ทำได้ดี โดยส่งบอลเข้าเป้าถึง 82.6 ครั้งและผ่านบอลสั้นด้วยจำนวน 90.2  อย่างไรก็ดีเรื่องที่น่าประทับใจที่สุดของทีมก็คือไม่มีใครที่ทำลายกำแพงอันแน่นหนานี้ได้ตลอด 32 เกม โดยคิดเป็นจำนวนเวลาได้ทั้งหมด 2845 นาที