จับ 5 ประเด็น! ช้างศึกฉลุยน็อกเอาท์ชิงแชมป์เอเชีย ยู-23 หนแรก

ทำผลงานได้ตามเป้าสำหรับทีม “ช้างศึก” หลังเก็บ 1 คะแนนจาก อิรัก ทำให้พวกเขาฉลุยเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีได้เป็นครั้งแรก

 

โดยเกมนี้มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ ไล่ตั้งแต่การเปลี่ยน 11 ตัวจริงถึง 7 ตำแหน่งของ อากิระ นิชิโนะ รวมถึงแท็กติกต่่างๆ ตลอด 90 นาที

 

หลังชมเกมมาตลอด 90 นาที ทีมงาน UFAARENA จับได้ 5 ประเด็นสำคัญของเกมที่อยากจะนำมาเล่าสู่กันฟังดังนี้

ในภาพอาจจะมี 5 คน, ผู้คนกำลังเล่นกีฬา, สนามกีฬา และ สถานที่กลางแจ้ง

โชคดีครึ่งแรก

 

ด้วยการที่ทั้ง ไทย และ อิรัก ยังมีลุ้นเข้ารอบทั้งคู่ ทำให้บรรยากาศของเกมค่อนข้างอึดอัด คู่นี้ใครได้ประตูแรกก่อนถือว่ามีผลเยอะ ทั้งเรื่องของกำลังใจและแท็คติกที่จะปรับใช้

 

และความผิดพลาดของ อาลี อัล กูไรซี่ ที่คิดพิเรนทร์ไปชูมือสุดแขนในจังหวะแย่งโหม่ง กลายเป็นความโชคดีของทีม “ช้างศึก” ที่ได้จุดโทษและประตูขึ้นนำตั้งแต่ไก่โห่

 

และต้องบอกว่า ไทย โชคดีอีกเช่นกันที่ช่วง 20 นาทีแรกรอดการโดนตีเสมอ ทั้งๆ ที่โดน อิรัก บุกอย่างหนัก และอาคันตุกะจากทะเลทรายมีโอกาสลุ้นหลายครั้งแต่ไม่คมไปเอง

 

หลังจากนั้นเหมือน อิรัก จะแผ่ว รวมถึงทีมชาติไทย ที่โรเตชั่นเยอะเริ่มจูนกันได้ เกมจึงกลับมาสูสีจนจบ 45 นาทีแรก

ในภาพอาจจะมี 2 คน, ผู้คนกำลังเล่นกีฬา และ สถานที่กลางแจ้ง

“ฟอลส์ ไนน์” แผนเด็ดนิชิโนะ

 

จบรอบแบ่งกลุ่มค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าเกมรุก อากิระ นิชิโนะ มีความตั้งใจที่จะใช้กองหน้าในแท็คติก “ฟอลส์ ไนน์” เพราะไม่ว่าจะเป็น ศุภชัย ใจเด็ด หรือ เบนจามิน เดวิส รูปแบบการเล่นของทั้งคู่เหมือนกันเป๊ะ

 

โดยหน้าที่หลักๆ ของหัวหอก “ฟอลส์ ไนน์” คือการเก็บบอล พักบอล และเชื่อมเกมร่วมกับเพื่อนร่วมทีม หลายๆ ครั้งทั้ง ศุภชัย และ เดวิส มักจะถอยตัวเองลงมาต่ำเพื่อดึงตัวประกบและสร้างพื้นที่ในการจู่โจม

 

โดยอาวุธจริงๆ ของทีมชาติไทย ชุดนี้อยู่ที่กองหน้าตัวริมเส้น ไม่ว่าจะเป็น ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ศุภโชค สารชาติ และ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ที่จะอาศัยบอลทำชิ่ง หรือการยกข้ามแนวรับเข้าสู่พื้นที่อันตราย

 

อย่างกับเกม อิรัก โดยเฉพาะครึ่งแรกจริงๆ ไทย มีโอกาสจะบวกสกอร์เพิ่มหลายครั้ง เอาแค่ “เจ้าแบงก์” คนเดียวก็มีแบบจะแจ้งถึง 2 ครั้ง น่าเสียดายที่ปัญหาใหญ่ของทีมยังคงอยู่ที่ “ความเฉียบขาด”

ในภาพอาจจะมี 2 คน, ผู้คนกำลังเล่นกีฬา และ สถานที่กลางแจ้ง

“เดวิส” มีของ

 

นับตั้งแต่มีข่าวว่าดาวรุ่งจากสโมสร ฟูแล่ม ทีมดังในลีกอังกฤษ เลือกที่จะเล่นให้กับทีมชาติไทย แฟนบอลหลายๆ คน ก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะชมฝีเท้าของหนุ่มลูกครึ่งรายนี้มาตลอด

 

และในที่สุดในเกมสำคัญที่มีผลต่อการเข้ารอบ อากิระ นิชิโนะ ก็ปล่อยของให้โอกาส เบนจามิน เดวิส ลงมาเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ตามผังที่ประกาศจากถ่ายทอดสด

 

ผลงาน 55 นาทีของไอ้หนุ่มวัย 19 ปี ทำได้อย่างน่าพอใจ ดูจากตาเปล่าก็รู้ว่ามีของ ทั้งรูปร่าง ความคล่องแคล่ว เหลี่ยมบอล ที่ถ้าไปไม่รอดก็มักจะเรียกฟาวล์ได้อยู่ตลอด

 

เกมนี้ เดวิส เกือบมีแอสซิสต์เหมือนกันจากจังหวะที่ยกบอลข้ามแนวรับไปให้ ศุภณัฏฐ์ น่าเสียดายที่หัวหอกจาก บุรีรัมย์ วันนี้ไม่เข้าฝักยิงไปติดเซฟนายด่านของ อิรัก

ในภาพอาจจะมี 4 คน

ยกเครดิต “นิชิโนะ”

 

เกมที่ ไทย พลาดท่าแพ้ ออสเตรเลีย 1-2 หลายฝ่ายมองเห็นตรงกันว่าสาเหตุสำคัญคืออาการแผ่วปลาย ทั้งๆ ที่ครึ่งแรกเล่นโคตรดี แต่ครึ่งหลังหมดแรงช็อตไปดื้อๆ

 

การมาเจอกับ อิรัก ในเกมตัดสินต้องบอกว่า นิชิโนะ กล้ามากที่เปลี่ยนผู้เล่นถึง 7 คน แต่สุดท้ายต้องชมเชยว่าเป็นความคิดที่ถูกต้อง เพราะมันช่วยแก้ปัญหาจากนัดที่สองได้แบบเห็นได้ชัด

 

ในขณะที่ ไทย มีแรง มีความมุ่งมั่น ช่วยกันเล่น ทาง อิรัก กลับอยู่ในสถานการณ์ที่ตรงกันข้าม พวกเขาเปลี่ยนทีมแค่ 4 ตำแหน่ง สุดท้ายเจอพิษตะคริวไปถึง 2 คน สุดท้ายก็เร่งไม่ขึ้นยิงประตูชัยไม่ได้

 

บอลผลงานนี้ นิชิโนะ ต้องได้รับเครดิตเต็มๆ กับหัวใจที่กล้าหาญของเขาในนัดนี้

ในภาพอาจจะมี 4 คน, สถานที่กลางแจ้ง

เสียสมาธินาทีทอง

 

ชมไปเยอะแล้วขอติสักข้อก็แล้วกัน เรื่องความเฉียบขาดในการจบสกอร์น่าจะเป็นปัญหาเรื้อรังที่แก้ยาก เกมนี้ครึ่งแรกมีโอกาสเยอะ ถ้านำก่อนสัก 2-0 หรือ 3-0 เกมก็คงไม่กดดันอย่างนี้

 

อีกจุดก็คือเรื่องของสมาธิในช่วงนาทีทอง ผมได้ยินเสมอว่า 5 นาทีแรก และ 5 นาทีสุดท้าย คือช่วงเวลาที่มักจะมีประตูเกิดขึ้นมากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่สมาธิไม่ได้มุ่งกับเกมแบบ 100%

 

ซึ่งทั้งเกมเจอกับ ออสเตรเลีย ที่โดนยิงตีเสมอในนาที 42 รวมถึงเกมนี้ที่ อิรัก ยิงคืนได้ในนาที 49 เป็นช่วงเวลาสำคัญดังกล่าวทั้งสิ้น ตรงนี้คงต้องเป็นการบ้านให้กับทาง นิชิโนะ ที่ต้องเตือนให้ลูกทีมระวังมากขึ้น เพราะรอบน็อคเอาท์ถ้าพลาดแล้วอาจไม่มีโอกาสแก้ตัวอีก