จับ 5 ประเด็น “ผี” โหดขย่ม “สิงห์” อยู่หมัด

 

แม้จะต้องเจอคู่แข่งระดับท็อปซิกซ์ด้วยกัน ทว่าเกมเปิดสนามพรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาล 2019-20 ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นสวยงามเกินคาด

 

เกมนี้ถ้าเปรียบเป็นนักมวยก็เอาชนะได้แบบเอกฉันท์ แฟรงค์ แลมพาร์ด ต้องเจอกับฝันร้ายตั้งแต่การคุมทีมเกมแรกในลีกสูงสุด คงต้องก้มหน้ายอมกับผลลัพท์ที่เป็นแบบนี้

 

ส่วนรายละเอียดใน 90 นาที มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เราคัด 5 ประเด็นหลักที่คุณผู้อ่านน่าจะเห็นด้วยได้ไม่ยากดังนี้

รูปภาพ

ไม่มี “อาซาร์” ไม่มีคนสร้างความต่าง

 

จริงภาพรวมเกมนี้ เชลซี ถือว่าสู้ได้สนุก พวกเขาสามารถครองเกมรุก ต่อบอล ได้ไหลลื่นกว่าทางเจ้าถิ่นด้วยซ้ำ ทว่าจุดแตกต่างเลยคือ “พื้นที่สุดท้าย” ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แทมมี่ อบราฮัม หากไม่นับลูกยิงชนเสาตั้งแต่ต้นเกม แทบจะเก็บบอลหรือเอาชนะคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้เลย

 

บรรดาตัวรุกก็มีแต่ความหวือหวาทั้ง เมสัน เมาท์, รอสส์ บาร์คลี่ย์ และ เปโดร ได้ยิงร่วมกันถึง 8 ครั้งทว่าสุดท้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้ งานนี้ไม่ต้องแปลกใจเลยที่แฟนบอล “สิงห์บลู” อาจจะต้องหวนคิดถึงการจากไปของ เอแด็น อาซาร์ อย่างแน่นอน

รูปภาพ

แนวรับ “สิงห์” น่าเป็นห่วง

 

คำถามคล้ายๆ กับการเสีย อาซาร์ ออกไป การตัดสินใจปล่อยตัว ดาวิด ลุยซ์ ในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ เชลซี มั่นใจได้แล้วหรือว่าเซนเตอร์ฮาล์ฟที่เหลือจะสามารถพึ่งพาได้ตลอดฤดูกาล แถมเกมเปิดสนาม อันโตนิโอ รูดิเกอร์ คนที่เก่งที่สุดก็ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ

 

สุดท้ายผลเป็นไปตามคาด เชลซี โดนยิงยับถึง 4 ประตู จุดเริ่มต้นก็มาจากความฉงฉางของ เคิร์ท ซูม่า ที่ไปทำเสียจุดโทษ แถมตลอดครึ่งแรกก็แย่งบอลไม่ได้เลย ส่งลูกสั้นๆ ยังผิดพลาด ครึ่งหลังพอดันเกมสูงก็โดนเกมโต้กลับเล่นงานจนเสียเพิ่มอีก 3 ประตู ไลน์การยืนระหว่างตัวรุก กองกลาง กองหลัง มีปัญหาหมด การประกบตัวก็แย่ ดูแล้ว แลมพาร์ด มีการบ้านให้ต้องแก้เยอะเลย

รูปภาพ

“ผีแดง” เกมรับโคตรแน่น

 

การย้ายมาของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ แม้จะตกเป็นขี้ปากในเรื่องของค่าตัวที่แพงระยับ ทว่านัดแรกก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีแววที่จะคุ้มค่า เพราะสามารถช่วยยกระดับเกมรับให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ชนิดตาเปล่าก็มองเห็น วันนี้อดีตกองหลัง เลสเตอร์ ยืนตำแหน่งได้ดี เคลียร์บอลได้ 7 ครั้ง ตัดบอลได้ 4 หน แถมยังบล็อกลูกยิงได้อีก 2 ดอก ไม่แปลกใจเลยที่คว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ของเกมไปครอง

 

อีกจุดที่น่าชมเชยคือ 2 ฟูลแบ็กอย่าง อารอน วาน บิสซาก้า และ ลุค ชอว์ ที่ปิดเกมริมเส้นของ เชลซี ได้แบบอยู่หมัด โดยเฉพาะอดีตกองหลังของ พาเลซ ที่เด่นมาตั้งแต่ปรีซั่น หนนี้ก็เช่นเดียวกันเจ้าตัวเข้าสกัดชนะถึง 6 ครั้งมากที่สุดในเกม โอกาสลุ้นประตูส่วนใหญ่ของทีมเยือนมาจากการยิงไกลซึ่งก็ไม่คมพอที่จะเอาชนะ ดาบิด เด เกอา นายด่านกัปตันทีมของ “ผีแดง

รูปภาพ

แมนฯ ยูไนเต็ด มีโชคช่วย

 

แม้จะเป็นชัยชนะที่สวยงาม สกอร์ 4-0 เหนือคู่แข่งแย่งแชมป์อย่าง เชลซี ยังไงก็เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากๆ แต่เอาเข้าจริงก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเกมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีเรื่องของโชคมาสนับสนุนด้วย โดยเฉพาะการรอดเสียประตูจากการยิงไปชนเสาถึง 2 ครั้งจาก แทมมี่ อบราฮัม และ เอแมร์ซอน

 

นอกจากนี้การได้ประตูขึ้นนำจากลูกจุดโทษก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ทีมเล่นง่าย สามารถเล่นตามแท็กติกที่คิดไว้ ยิ่ง เชลซี ใจกล้าบ้าบิ่นเปิดเกมรุกตั้งแต่ไม่เสียประตู จนโดนบังคับให้บุกหนักกว่าเดิมจากการมีสกอร์ตามหลัง ก็ยิ่งทำให้ ผีแดง เดินตามกลยุทธได้สะดวกโยธิน เห็นได้จากเกมโต้กลับที่ใช้ประโยชน์จากลูกส่งของ ปอล ป็อกบา และไลน์การวิ่งของ มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อองโตนี่ มาร์ซิยัล จนเกิดประโยชน์สูงสุด

รูปภาพ

“แลมพ์” แก้เกมไม่เข้าเป้า

 

เหมือนที่บอกไปข้างต้นจริงๆ รูปเกมของ เชลซี ทำได้ดีในเรื่องของการครองเกม การเคลื่อนที่รับต่อบอล ทว่าสุดท้ายพอไม่เด็ดขาดเอง รวมถึงแนวรับมีช่องโหว่ ทำให้สกอร์ที่ออกมาเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดมากๆ สำหรับแฟนบอล “สิงห์บลู”

 

การแก้เกมของ แลมพาร์ด ในเกมนี้ก็ไม่ได้ตอบโจทย์ที่จะเป็นจุดเปลี่ยนของเกมได้เลย การส่ง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ แทน แทมมี่ อบราฮัม, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ แทน จอร์จินโญ่ และ คริสเตียน พูลิซิซ แทน รอสส์ บาร์คลี่ย์ มันคือการแทนแบบตำแหน่งต่อตำแหน่ง แต่ทรงเกมก็ยังเข้าทำเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มากพอที่จะเจาะเกมรับเจ้าบ้านได้เลย