ชัยชนะนัดแรกในฐานะกุนซือของ มิเกล อาร์เตต้า ยังต้องร้องเพลงรอคอยต่อไป หลัง อาร์เซนอล มาแผ่วปลายโดน เชลซี รัว 2 เม็ดแซงชนะไปแบบหน้าตาเฉย
จริงๆ ภาพรวมเชื่อว่าแฟนบอล “เดอะ กันเนอร์ส” เห็นตรงกันว่าทรงบอลดีขึ้นเยอะแล้ว สมดุลดีขึ้นแล้ว แต่ก็มีหลายปัจจัยที่ดูแล้วไม่เข้าทางเจ้าบ้านเลย
ในฐานะแฟนบอล “ปืนใหญ่” บอกตรงๆ ยังช็อกกับผลการแข่งขันอยู่ และด้วยอารมณ์ที่หัวร้อนหน่อยๆ ขอระบายหลังเกมสักหน่อย โดยมองว่า 5 ประเด็นหลังจากนี้ คือเรื่องที่น่าพูดถึงเป็นอย่างมาก
แลมพาร์ด น็อกเอาท์ อาร์เตต้า
อย่างที่บอกไว้ข้างต้น อาร์เซนอล ภายใต้การคุมทีมของ มิเกล อาร์เตต้า จริงๆ ทรงบอลดีขึ้นเยอะ ทีมมีสมดุล มีวินัย และเกมนี้พวกเขาก็เป็นฝ่ายเริ่มต้นได้ดีกว่าอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามดูเหมือนกุนซือวัย 37 ปี จะไม่มีก็อกสอง เพราะเกมเป็นรองไม่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ผิดกับทาง แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่วันนี้ได้โชว์กึ๋นเต็มๆ จากตอนแรกวางระบบหลัง 3 คน แต่รูปเกมไม่สู้ดี ก็กล้าที่จะเปลี่ยนตัวตั้งแต่ครึ่งแรก
เอแมร์ซอน คนประกบตัวพลาดจนทีมเสียประตู โดยเปลี่ยนออก ทีมปรับมาเล่นหลัง 4 คน บวกส่ง จอร์จินโญ่ มาเสริมแดนกลาง ก็ค่อยๆ คุมเกมได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ครึ่งหลังก็แทบจะพับสนามบุกเลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังกล้าส่ง ทาริค แลมพ์ตี้ย์ ดาวรุ่งวัย 19 ปีมาประเดิมสนามในเกมบิ๊กแมตช์อีก ต้องบอกว่าที่พลิกชนะได้เครดิตต้องให้ “แลมพ์” เต็มๆ
อย่างไรก็ตามค่อนข้างเห็นใจ อาร์เตต้า อยู่เล็กๆ เพราะตัวผู้เล่นเจ็บเยอะ ข้างสนามก็พึ่งพาลำบาก โจ วิลล็อค ก็ไม่ตอบโจทย์ นิโคลัส เปเป้ ก็ฟอร์มไม่ดี จะแก้เกมแต่ละทีอาวุธในมือมันจำกัดจำเขี่ยไปหมดเลย
ไร้ “โอซิล” ไร้จินตนาการ
จาก 2 เกมที่ผ่านมานักเตะ อาร์เซนอล ที่เล่นเข้าตากรรมการมากๆ มีอยู่ 2 คน หนึ่งก็คือ ลูคัส ตอร์เรร่า ที่วิ่งสู้ฟัด ทั้งตัดเกม เชื่อมเกม เล่นได้อย่างโดดเด่นเหมือนที่เคยทำได้ในฤดูกาลก่อนเป๊ะ
ส่วนอีกคนก็คือ เมซุต โอซิล ที่สีหน้าแสดงให้เห็นถึง “ความสดชื่น” เหมือนกับมาสนุกกับฟุตบอลอีกครั้ง และผลงานในสนามก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมด้วย โดยเกมนี้พ่อมดด๊อยซ์ลันด์ เล่นไป 75 นาทีสร้างโอกาส 2 ครั้ง ยังมากที่สุดในทีม “ปืนใหญ่”
แต่ปัญหาด้วยวัยที่ร่วงโรย สภาพร่างกายที่ไม่ได้ฟิตเต็มร้อยเหมือนเก่า ดูเหมือนเจ้าตัวจะเด่นเพียงแค่ครึ่งแรกเท่านั้น และในมุมผู้เขียนมองว่าโอกาสที่ อาร์เตต้า จะให้ โอซิล เล่นเกมละ 70-75 นาทีมีสูงมากในทุกๆ เกมหลังจากนี้
ปัญหาใหญ่ของ “ปืนโต” คือไม่มีคนทำเกมแทนได้ ท้ายเกมทีมต้องการประตูกลับสร้างโอกาสแทบไม่ได้เลย นับตั้งแต่โดนตีเสมอจนถึงต่อเวลาพิเศษ อาร์เซนอล ได้ยิงหนเดียวเท่านั้น
เก็นดูซี่ แทน ชาก้า ไม่ได้
มีคนเคยกล่าวไว้ว่านักเตะ อาร์เซนอล ส่วนใหญ่มักจะมาฟอร์มดีตอนใกล้ย้ายทีมตลอด หนนี้ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องจริงเลย ถ้าวัดจากฟอร์มของ กรานิต ชาก้า ที่ไม่มีชื่อเกมนี้ และมีโอกาสสูงที่จะหนีกลับเยอรมัน ไปเล่นให้ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน
จริงๆ ชาก้า คือหนึ่งในนักเตะที่สาวก “เดอะ กันเนอร์ส” ไม่่ค่อยชอบ โดยเฉพาะยุคของ อูไน เอเมรี่่ ที่ความดีไม่ปรากฎ แถมความชั่วบานตะไท ได้แต่จ่ายบอลไปมา แย่งบอลก็ไม่ได้ แถมยังชอบเสียบอลหรือทำฟาวล์ระยะอันตรายให้ทีมเดือดร้อนบ่อยๆ
ทว่าพอทีมปรับมาเล่นกลางคู่มิดฟิลด์ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ดูจะยกระดับฟอร์มได้เยอะ เกมรับอาจจะไม่เป็นบวก แต่การคุมเกม การจ่ายบอลดูมีประโยชน์ขึ้นเยอะ โดยเฉพาะลูกตักข้ามแนวรับให้ริมเส้นโจมตี ที่ทำได้ดีมากๆ ในเกมกับ บอร์นมัธ
ทว่าวันนี้ มัตเตโอ เก็นดูซี่ ที่ลงเล่นแทน กลับทำได้ไม่ดีเลย เรียกว่าทำทุกอย่างในข้อแย่ๆ ที่ ชาก้า เคยทำหมด ทั้งเสียบอลง่าย ฟาวล์มั่วซั่ว ลูกจ่ายบอลก็มีแค่เอารอดไปวันๆ ไม่มีทีเด็ดหรือการขึ้นเกมสวยๆ เลย
ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า เก็นดูซี่ เป็นดาวรุ่งที่มีของ มีวิชั่นในการจ่ายบอลที่ดี แต่เรื่องประสบการณ์ วินัยในการยืนตำแหน่ง ตรงนี้ อาร์เตต้า ต้องทำการบ้านเยอะเลยหากจะให้ก้าวเป็นตัวหลักแบบเต็มตัวในเลกที่สองนี้
ปืนเน่าเพราะพลาดส่วนตัว
อย่างที่บอกไป อาร์เซนอล จริงๆ เริ่มต้นได้ดีมากๆ แม้ เชลซี จะแก้เกมมาได้ดีขึ้น แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ได้สร้างโอกาสมากมายที่จะลุ้นตีเสมอ เพราะเกมรับของเจ้าบ้านวันนี้ยืนตำแหน่งกันได้ค่อยข้างดี ขนาดเปลี่ยนมาเป็น ชโคดราน มุสตาฟี่ ก็แทบไม่มีข้อผิดพลาดเลย
อย่างไรก็ตามแจ็กพอร์ตดันมาเข้าที่ แบรนด์ เลโน่ เฉยเลย ทั้งๆ ที่นายทวารเยอรมัน ช่วยเซฟให้ทีมมาแล้วมากมาย แต่ความผิดพลาดดันมาเกิดในเกมสำคัญ ที่ออกมาตัดบอลพลาดจนทีมโดนตีเสมอและกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทีมต้องมือเปล่า
นับตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลก่อน เลโน่ ทำ errors directly leading to an opposition goal หรือทำพลาดจนทีมเสียประตูไปแล้วถึง 7 ครั้ง มากกว่าผู้เล่นคนใดๆ ในพรีเมียร์ลีกของช่วงเวลาเดียวกัน
อันนี้ยังไม่นับคนอื่นๆ อย่างภาพที่เราคุ้นตาก็ มุสตาฟี่ กับ ชาก้า ที่ทำให้ อาร์เซนอล ฤดูกาลก่อนเป็นทีมที่ข้อผิดพลาดส่วนบุคคลสูงเป็นอันดับต้นๆ ของลีก ตรงนี้พูดตรงๆ ก็ไม่รู้จะแก้ยังไงเหมือนกัน ปวดหัวแทน อาร์เตต้า เลยงานนี้
สิงห์เกมเยือน
ปัญหาของ เชลซี ในช่วงหลังคือเกมในบ้านที่ทำแต้มสะดุดบ่อยจนน่าเกลียด เพราะอยู่ดีๆ ก็แพ้ 3 จาก 4 เกมหลังสุดเฉยเลย รวมแล้วในบ้านเก็บได้เพียง 14 จาก 30 คะแนนเต็มเท่านั้น
ผิดกับเกมเยือนที่พวกเขาทำได้ดี อาจจะสะดุดแพ้ไปแล้วถึง 3 นัด แต่ก็เปลี่ยนเป็นผลชนะได้ถึง 6 เกม รวมๆ แล้วเกมเยือนพวกเขาเก็บได้ถึง 18 คะแนน มีแค่ 3 ทีมหัวตารางเท่านั้นที่เก็บแต้มเกมเยือนได้มากกว่า แต่ก็แค่คะแนนเดียว
ดังนั้นโจทย์หลักของ แลมพาร์ด ในตอนนี้เลยคือเวลาเล่นใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ จะทำยังไงให้เด็ดขาดเหมือนเล่นเกมเยือน ปัญหาสำคัญคือเวลาเจอทีมมาอุดหนักๆ มันจะตื้อเจาะไม่เข้าไปเอง แถมเจอโต้กลับคมๆ ก็น็อกตลอด
วันนี้ชนะ อาร์เซนอล ได้ นัดต่อไปเยือน ไบรจ์ตัน ดูแล้วก็มีแววดีที่จะชนะ มากกว่าเกมที่จะเปิดบ้านรับมือ เบิร์นลี่ย์ เสียอีก
