จับ 5 ประเด็น “หงส์แดง” แรงจัดอัดเรือจมน้ำ

เกมบิ๊กแมตช์ที่ถูกมองว่าอาจจะเป็นเกมตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ บทสรุปของเกมเป็นทาง ลิเวอร์พูล ที่ยังคงฟอร์มแข็งแกร่งเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ไปได้ 3-1

 

โดยเจ้าบ้านได้ 2 ประตูไวตั้งแต่ 13 นาทีแรกจาก ฟาบินโญ่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก่อนที่ ซาดิโอ มาเน่ จะมาบวกอีกประตูในช่วงต้นครึ่งหลัง

 

แม้ แบร์นาร์โด ซิลวา จะตีไข่แตกให้ทีมเยือนได้ แต่สุดท้ายก็ไล่ไม่ทัน และทำให้ช่องว่างของทั้งสองทีมตอนนี้ห่างไปถึง 9 คะแนนแล้ว

 

ส่วนภาพรวมของเกมแม้สกอร์จะค่อนข้างขาดลอย แต่ก็เป็นอีกเกมคุณภาพที่มีอะไรให้พูดถึงเยอะเลย ซึ่งเป็นไปตามธรรมเนียมของแยกเป็น 5 ประเด็นดังต่อไปนี้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ handball alexander arnold

แฮนด์บอลคำถาม ?

 

ไม่มีใครปฎิเสธว่าลูกยิงไกลของ ฟาบินโญ่ นั้นสวยงามและน่าตื่นตาแค่ไหน แต่เอาจริงๆ ก็ปฎิเสธไม่ได้เหมือนกันว่า ลิเวอร์พูล ก็โชคดีที่รอดจากการเสียลูกจุดโทษจากจังหวะแฮนด์บอลของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์

 

งานนี้ต้องบอกว่า แมนฯ ซิตี้ เสียหายหลายแสน ไม่ได้จุดโทษที่อาจจะเป็นประตูขึ้นนำ แต่จังหวะต่อเนื่องกลายเป็นเสียประตูอีก แม้คนพากษ์ทางทรูวิชั่นส์ จะบอกว่าตามกฎหากบอลกระดอนมาโดนมือ ส่วนใหญ่ผู้ตัดสินมักไม่เป่าเป็นลูกจุดโทษ

 

แต่จังหวะนี้ต้องดูภาพรวมของเกมด้วย หากไม่โดนมือ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ บอลมีโอกาสจะเลยไปถึง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่รออยู่ด้านหลัง ซึ่งก็มีแนวโน้มที่ “เรือใบสีฟ้า” จะลุ้นประตูได้

 

ส่วนแฮนด์บอลอีกจังหวะของ อาร์โนลด์ นั้นพอรับได้อยู่ เพราะแขนค่อนข้างแนบลำตัว แต่มันมีเคสจังหวะแรกเกิดขึ้นก่อน จึงไม่แปลกที่สตาฟฟ์ข้างสนามของ แมนฯ ซิตี้ จะหัวร้อน และเราได้เห็น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ชูสองนิ้วเรียกร้องความเป็นธรรม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ fabinho man city

ลิเวอร์พุล สมควรชนะ

 

แม้จะมีจังหวะปัญหาเรื่องแฮนด์บอล หรือการใช้ VAR ที่ยังคงเป็นเครื่องคำถามสำหรับพรีเมียร์ลีก แต่ภาพรวมของเกมต้องบอกว่า ลิเวอร์พูล นั้นทำได้ดีกว่า และสมควรแล้วที่จะเป็นฝ่ายเก็บ 3 คะแนนในเกมนี้

 

แท็กติกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังเป็นของแสลงของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โดยเฉพาะการเล่นเกมเร็ว ใช้จังหวะน้อย เปลี่ยนบอลขวา-ซ้าย ไปสู่พื้นที่ว่างที่แม่นยำ ทำให้เกมรุกของ ลิเวอร์พูล ไหลลื่นและจู่โจมจนแนวรับ แมนฯ ซิตี้ ต้องเจองานยากตลอดเวลา

 

ยิง หงส์แดง ได้ประตูขึ้นนำไว รูปเกมทุกอย่างก็ยิ่งเข้าทาง แมนฯ ซิตี้ ให้แบ็กขวาซ้ายทั้ง ไคล์ วอล์คเกอร์ และ อังเคลิโญ่ ดันสูง ก็กลายเป็นเปิดพื้นที่ให้เจ้าบ้านได้จู่โจม ประตู 2 กับ 3 ชัดเจนมากๆ ว่าแบ็กของ ซิตี้ นั้นประกบตัวไม่ดี และเอาทั้ง ซาลาห์ กับ มาเน่ ไม่อยู่จริงๆ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ bravo

ปัญหาตัวเจ็บเล่นงาน “เรือใบ”

 

แมนฯ ซิตี้ ฤดูกาลนี้ดูแล้วไม่แข็งแกร่งเหมือนซีซั่นก่อนเลย พวกเขาแพ้ไปแล้ว 3 เกมจากการลงสนามทั้งหมด 12 นัดในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นสถิติที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาคุมบังเหียน

 

จุดเริ่มต้นของความเลวร้ายมาจากการบาดเจ็บของ อายเมริค ลาร์ปอร์กต์ กองหลังเบอร์ 1 ของทีมในนัดเจอ ไบรจ์ตัน เพราะหลังจากนั้นเกมรับของ ซิตี้ ก็ไม่เหมือนเดิม และมาแพ้ 3 เกมที่ว่าก็ต่อจากเกมนัดนี้

 

ตัวอะไหล่อย่าง นิโคลัส โอตาเมนดี้ ก็มาเจ็บเพิ่ม โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ แบ็กซ้ายตัวจริง รวมถึงเกมล่าสุด เอแดร์ซอน มือหนึ่งของทีมก็มาเดี้ยงจากเกมแชมเปี้ยนส์ลีก

 

เท่ากับว่าเกมบุกเยือน ลิเวอร์พูล พวกเขาต้องขาดตัวหลักในเกมรับถึง 3 ราย ตัวที่ลงแทนพูดตรงๆ ก็ทำได้ไม่ดี จอห์น สโตนส์ ฟอร์มตก, แฟร์นานดินโญ่ ก็ไม่ใช่กองหลังธรรมชาติ, อังเคลินโญ่ ก็ขาดประสบการณ์ ขณะที่ เคลาดิโอ บราโว่ ก่อนจะเซฟได้ ก็โดนยิงเข้ากรอบ 3 ครั้ง เป็น 3 ประตู

ฝันร้ายของ “อเกวโร่”

 

ไม่น่าเชื่อว่ายอดกองหน้าแห่งยุคอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่ จะ “ตีนบอด” สุดๆ เวลามาเยือนแอนฟิลด์

 

การลงสนามนัดที่ 250 ในพรีเมียร์ลีกไม่ได้มองรางวัลใดๆ ให้กับหัวหอกอาร์เจนไตน์ เพราะเขายังโดนอาถรรพ์ของสนามแห่งนี้เล่นงาน และยังยิงประตูไม่ได้เหมือนเช่นเคย

 

นับเฉพาะในลีกก็ 8 เกม 530 นาที 13 โอกาสยิง 4 เข้ากรอบ แต่ไม่มีสกอร์

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ premier league table

“หงส์” โอกาสแชมป์ลีกสดใส

 

แม้การแข่งขันจะยังอีกยาวไกล เหลือโปรแกรมให้ฟาดแข้งมากกว่า 20 นัด ทว่านาทีนี้ต้องบอกว่าโอกาสลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกของ ลิเวอร์พูล นั้นสดใสเหลือเกิน

 

เหตุผลหลักๆ เลยคือคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง แมนฯ ซิตี้ ที่เป็นแชมป์เก่าฟอร์มไม่เจ๋งเหมือนเคยๆ ตอนนี้ลูกทีมอง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แพ้ไปแล้วถึง 3 นัด และตามหลังถึง 9 คะแนน

 

ส่วน เชลซี กับ เลสเตอร์ ซิตี้ อาจจะฟอร์มดี แต่เอาจริงๆ เครดิตก็ยังสู้ “เรือใบสีฟ้า” ไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะหลายฝ่ายเชื่อว่าทั้งสองทีมน่าจะมีเกมที่สะดุดได้อยู่

 

ผิดกับ ลิเวอร์พูล ที่แรงต่อเนื่องชนะถึง 11 จาก 12 เกม และไม่มีทีท่าว่าจะดร็อปลงง่ายๆ ด้วย ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ปีนี้ฟอร์มแกร่งมากๆ และพวกเขามีสิทธิ์แพ้ได้ถึง 3 เกมถึงจะโดนแซงหล่นบังลังก์จ่าฝูง

 

ซึ่งพูดกันตรงๆ เอาเฉพาะฟอร์มในตอนนี้ นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่า 3 เกมที่ว่า “หงส์แดง” จะแพ้ให้กับทีมใดบ้าง ?