จับ 5 ประเด็น “หงส์” แกร่งดับคะนองปืนโต

การเจอกันนาทีนี้คงไม่ต่างอะไรกับ “งูเหลือมกับเชือกกล้วย” เพราะ ลิเวอร์พูล แทบจะผูกปีชนะ อาร์เซนอล มาตลอดช่วงหลัง โดยเฉพาะเวลาเจอกันที่แอนฟิลด์

 

นับความพ่ายแพ้เกมนี้นับเป็นปีที่ 7 แล้วที่ทีม “ปืนใหญ่” ไม่สามารถมาชนะที่สนามแห่งนี้ได้ โดยจากฟอร์ม 2 นัดแรกที่ชนะรวด ใครๆ ก็คิดว่าน่าจะมาสู้ได้สูสีขึ้น

 

แต่สุดท้ายกลายเป็น “มวยคนละเกรด” ลิเวอร์พูล เหนือกว่าแทบทุกประตู โดยตลอด 90 นาทีมีอะไรที่น่าพูดถึงบ้างของทั้งสองทีม เราคัดเป็น 5 ประเด็นเพื่อให้ย่อยง่ายๆ ดังนี้

1.แท็คติกโอเค

 

แม้หลังเกมแฟนบอลส่วนใหญ่จะสวดยับว่า อูไน เอเมรี่ จัดแผนมาแบบรอแพ้ ทว่าส่วนตัวผู้เขียนเชื่อว่ามันเป็น “แท็คติก” ที่เหมาะสมแล้วในการเผชิญหน้ากับ ลิเวอร์พูล ที่แข็งแกร่งในบ้าน มีเกมเพรสซิ่งที่ดีที่สุดในลีก แถมจังหวะสวนกลับก็อันตราย ขนาด บาร์เซโลน่า ว่าแน่ๆ ยังโดนยำเละเทะ

 

นับเฉพาะ 45 นาทีแรก อาร์เซนอล ถือว่าช่วยกันเล่นเกมรับได้ดี ทีมเจ้าบ้านมีโอกาสยิงถึง 15 ครั้ง แต่เข้ากรอบจริงๆ แค่ 2 หนก็คือจังหวะที่ เซบายอส ขวางสนามถวายพานให้ มาเน่ ยิงติดเซฟ กับลูกโหม่งของ มาทิป ที่เป็นประตู

 

ที่เหลือต้องบอกว่าแนวรับ ปืนใหญ่ เอาอยู่หมด โดยเฉพาะเกมครอสริมเส้นจากทั้งซ้ายและขวา วัดแค่ 45 นาทีแรก ดาวิด ลุยซ์ ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ดักเคลียร์บอลได้มากที่สุดในสนามถึง 5 ครั้ง แต่พอครึ่งหลังต้องเล่นเกมเปิดมากขึ้น พื้นที่รับผิดชอบมากขึ้น สุดท้ายกลายเป็นบ่อที่มีส่วนผิดในประตูที่ 2 และ 3 ไปเต็มๆ

 

นอกจากนี้แม้จะโดนพับสนามบุกแต่ก็ใช่ว่า อาร์เซนอล จะไม่มีตอบโต้เลย เกมโต้กลับจาก นิโคลัส เปเป้ คืออาวุธความหวังของทีม ซึ่งก็มีจังหวะสวยๆ อยู่ 3-4 ครั้ง โดยเฉพาะลูกที่เลี้ยงหลบ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แล้วได้ดวลกับผู้รักษาประตู ถ้าดาวเตะไอวอรี่ โคสต์ จบคมๆ บางทีเกมอาจจะเปลี่ยนเป็นอีกแบบเลยก็ได้

2.แก้เกมเหมือนไม่อยากชนะ

 

ถึงแม้ว่าผู้เขียนจะเห็นด้วยกับแท็กติกต้นเกม แต่ถ้าพูดถึงการแก้เกมใครอยากจะด่า อูไน เอเมรี่ ว่า “ป๊อด” เล่นไม่หวังชนะ อันนี้ก็ใส่ได้เต็มที่เลย เพราะการแก้เกมของกุนซือชาวสแปนิช มันตอบโจทย์อย่างนั้นจริงๆ

 

บอลโดนนำ 3 ประตู คนแรกที่แก้เกมคือส่งมิดฟิลด์ตัวรับ ลูคัส ตอร์เรร่า ลงมาแทนมิดฟิลด์ตัวรุกอย่าง ดานี่ เซบายอส จริงอยู่ที่ดาวเตะจากแดนกระทิงดุ จะเล่นไม่ออก แต่แก้เกมแบบนี้แล้วจะยิงประตูคืนอย่างไร

 

โจ วิลล็อค เป็นอีกคนที่ชัดเจนว่าครึ่งหลังหายไปจากเกม และในที่สุดก็ถูกเปลี่ยนตัวออก ซึ่งจริงๆ แล้วหากหวังจะยิงเขาคืนบ้าง เปลี่ยน 2 คนพร้อมกันทั้ง โดยให้ เฮนริค มคิตาร์ยาน ลงมาพร้อม ตอร์เรร่า เลยก็ไม่น่าเกลียด

 

สุดท้ายและสำคัญที่สุดคือ อเล็กซองก์ ลากาแซตต์ กองหน้าตัวเป้าอาชีพกลับได้โอกาสลงสนามไม่ถึง 10 นาที ต่อให้เก่งขนาดไหน เวลาเล่นเพียงเท่านี้ กับสกอร์ที่ตามขาดขนาดนี้ ไม่มีเทพคนไหนพลิกเกมได้หรอกเจ้านาย

3.”เปเป้” ดีแต่ไม่สุด

 

นัดนี้เป็นนัดแรกที่ดาวเตะเจ้าของค่าตัวแพงที่สุดของ อาร์เซนอล ได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีก ซึ่งภาพรวมต้องบอกว่า “ดูดี” กว่า 2 เกมที่ผ่านมาแบบชัดเจน

 

จุดแข็งของ เปเป้ อยู่ที่การเลี้ยงบอล ทักษะการเอาตัวรอด ซึ่งตอบโจทย์อย่างมากกับแท็คติกของ อูไน เอเมรี่ ที่ประกาศชัดเจนว่าจะมารับแล้วโต้กลับ ซึ่งเจ้าตัวเนี่ยแหละคือความอันตราย 1 เดียวของทีม “ปืนใหญ่” ในเกมนี้

 

น่าเสียดายที่บทสรุปในเกมนี้เจ้าตัวดันดีไม่สุด มีโอกาสยิงหลายคนกลับไม่คมพอ ทั้งจังหวะยิงตรงตัว ปั่นไซร์โป้งเฉี่ยวสามเหลี่ยม และที่สำคัญสุดๆ กับการหลุดเดี่ยวที่ล็อกหนีอย่างเทพ ทว่ายิงอย่างเฮ้ยจริงๆ

4.หงส์แดงเข้มจัด

 

ก่อนฤดูกาลจะเริ่มต้นมีเสียงวิจารณ์จากกูรูทั้งไทยและต่างประเทศ สำหรับพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้หลายคนเชื่อว่าจะเป็นการแย่งแชมป์ของ 2 ทีมเดิมก็คือ แมนฯ ซิตี้ แชมป์เก่ากับผู้ท้าชิงจากฝ่ายแดงอย่าง ลิเวอร์พูล

 

ทุกอย่างเป็นไปตามนั้นจริงๆ ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ อาจจะไม่ได้เสริมบิ๊กเนมเข้ามาให้หวือหวา แต่ขุมกำลังเดิมที่มีมันลงตัว และรักษามาตรฐานเดิมได้อย่างยอดเยี่ยม

 

3 นัดผ่านไป ลิเวอร์พูล ชนะรวดนำเป็นจ่าฝูง เกมรุกโหดสลัดยิงไปแล้ว 9 ประตู ในขณะที่ แมนฯ ซิตี้ กลับมีสะดุดไปหนึ่งนัด ในเกมที่เสมอกับ สเปอร์ส 2-2 เมื่อสัปดาห์ก่อน

 

นับรวมจากซีซั่นก่อนตอนนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ กลายเป็นกุนซือคนแรกที่พาทีมชนะในพรีเมียร์ลีก 12 เกมติดต่อกัน ซึ่งสถิตินี้ยังคงรันต่ออยู่ด้วย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ adrian arsenal

5.คิดถึง “อาลีสซอน”

 

สิ่งหนึ่งที่ดูจะเป็นแง่ลบของ ลิเวอร์พูล ในเกมนี้ก็คือการเสียประตูอีกครั้ง เท่ากับว่าลงสนามพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ 3 นัด หงส์แดง ยังเก็บคลีนชีตไม่ได้เลยแม้แต่นัดเดียว

 

การเสีย อาลีสซอน เบ็คเกอร์ นายทวารมือหนึ่งที่เจ็บยังไงก็มีผลต่อทีมอย่างแน่นอน ความเหนียว การผสานงานกับเกมรับ ความไว้ใจ คือสิ่งที่นายทวารแซมบ้า มีให้กับเพื่อนร่วมทีม

 

อาเดรียน คนที่มาแทนอาจจะเป็นฮีโร่เซฟจุดโทษใน ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ทว่าเกมลีกยังมีข้อผิดพลาดให้เห็น เกมก่อนกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ก็ไปเตะติดบล็อกจนเสียประตู

 

หนนี้สื่อสารกับแนวรับไม่ดีออกมาสกัดบอลบอลไปเข้าทางคู่แข่ง ยังดีที่ ปิแอร์ เอเมริค โอบาเมย็อง ที่ยิงสวนไม่คมพอ ไม่งั้นหาก ปืนใหญ่ บุกมานำก่อน หงส์แดง ก็คงไม่เจอเกมที่ง่ายแบบนี้หรอก