เป็นอันว่า 2 เกมฟุตบอลโลก 2020 รอบคัดเลือกในเดือนพฤศจิกายน “ช้างศึก” ทีมชาติไทย เก็บได้เพียงคะแนนเดียว
แม้ภาพรวมจะเล่นไม่ถูกใจแฟนบอล แต่ลึกๆ ก็เสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะเราเองก็มีโอกาสดีที่จะบุกไปชนะ เวียดนาม อยู่เหมือนกัน
โดยเฉพาะลูกจุดโทษของ ธีรธร บุญมาทัน ที่ซัดไปติดเซฟ ดัง วาน ลัม นายด่านจาก เอสซีจี เมืองทองฯ
ส่วนรายละเอียดของเกม 90 นาที เป็นอีกนัดที่มีอะไรต้องพูดถึงเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นผลงานของนักเตะในสนาม รวมถึงแนวทางการทำทีมของ อากิระ นิชิโนะ ที่ดูจะไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบสักเท่าไร
งานนี้ขอว่ากันตามทำเนียบคัดแยกเป็น 5 ประเด็นที่สนใจมาเล่าสู่กันฟันดังต่อไปนี้
เกมรับไม่ดีแต่เอาตัวรอด
หลังความพ่ายแพ้ต่อ มาเลนเซีย คำถามแรกที่แฟนบอลอยากได้คำตอบคือไลน์อัพในเกมรับที่จะเจอกับ เวียดนาม จะมีใครบ้างที่ได้สตาร์ตตัวจริง
ผลปรากฎว่า ทริสตอง โด และ เอเลียส ดอเลาะ ที่ทำผลงานไม่ดีโดนดร็อปตามคาด โดย ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ได้กลับมายืนเกมรับร่วมกับ มานูเอล ทอม เบียร์ ทว่าแบ็กขวา นิติพงษ์ เสลานนท์ ที่ฟอร์มดีใน 2 เกมแรกกลับเป็นเพียงตัวสำรองอีกนัด
ภาพรวมยังไม่เป็นที่น่าพอใจหนัก เวียดนาม พยายามเน้นเกมโต้กลับเร็วไปยังเกมริมเส้น หรือวางยาวให้ เหงียน วัน ตวน วิ่งบดกับคู่เซนเตอร์ โดยเฉพาะฝั่งซ้ายที่โจมตีใส่ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ที่มีหลุดตำแหน่งหลายครั้ง
ยังดีที่ มานูเอล ทอม เบียร์ กับ ธีรธร บุญมาทัน ที่พ้นโทษแบนมาทันเวลาเล่นได้ตามมาตรฐาน ส่วน “ตั้ม” อาจจะมีสกัดลกๆ ไปบ้าง แต่การยืนตำแหน่งก็ช่วยสกัดบอลได้ดีในหลายๆ ครั้ง
เอาเป็นว่าพอเปลี่ยนไลน์อัพมาแม้จะไม่ดีแบบเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ก็ไม่ได้แย่แบบนาเกลียด สุดท้ายทำได้ตามเป้าคือเก็บคลีนชีตกลับออกมาได้
เกมรุกดีแค่10นาทีท้าย
ใน 5 เกมที่ อากิระ นิชิโนะ พาไทยลงคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018 พูดแบบไม่เอาใจใคร มีเกมชนะ ยูเออี เพียงนัดเดียวเท่านั้น ที่เล่นเกมรุกได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
ที่เหลือกลายเป็นที่ค่อนข้างอึดอัดและไม่แปลกเลยที่แฟนบอลจะตั้งคำถามว่าเป็นเพราะการมี ชนาธิป สรงกระสิทธิ์ ลงเล่นด้วยหรือมั้ย
เรื่องฝีเท้าไม่มีใครสงสัยในตัวของ “เมสซี่เจ” อยู่แล้ว เขาคือนักเตะที่เก่งที่สุดของไทยในยุคนี้ ทว่าเรายังไม่ได้เห็นฟอร์มที่สุดยอดของเจ้าตัวเลยภายใต้การคุมทีมของกุนซือจากแดนซามูไร
วันนี้เกมรุกไทย แม้จะได้ครองบอลเยอะ แต่ก็แทบจะหาโอกาสลุ้นประตูสวยๆ ได้ยาก การให้บอลขาดๆ เกินๆ ทำให้เล่นยากกันไปเอง ผิดพลาดกันไปเอง
ในครึ่งแรกหากไม่นับลููกจุดโทษ ไทยยิงไม่เข้ากรอบเลย จะดีๆ หน่อยก็ช่วง 10 นาทีสุดท้ายที่การเข้าทำดูจะหลากหลายขึ้น ได้เห็น สารัช อยู่เย็น ลองยิงไกล ชนาธิป ลองยิงไกล
รวมถึงมีจังหวะทำชิ่งที่ ธีรศิลป์ แดงดา เขี่ยบอลไปให้ สุภโชค สารชาติ ได้ยิงจ่อๆ ติดเซฟ ภาพรวมเกมรุกไทยวันนี้มาแค่ช่วงท้ายเกมจริงๆ
การแก้เกมของ นิชิโนะ
ไม่ต้องเป็นกูรูที่ไหนก็ดูออกว่าวันนี้ สุภโชค สารชาติ, เอกนิษฐ์ ปัญญา และ ชนาธิป สรงกระสิทธิ์ มิดฟิลด์ตัวรุกทั้ง 3 คนของไทย เล่นกันไม่ออกเลย
ทว่าท่ามการรูปเกมที่ดูอึดอัด อากิระ นิชิโนะ กลับแก้เกมช้ามาก กุนซือจากญี่ปุ่น เปลี่ยนตัวคนแรกนาที 86 ด้วยการส่ง ศิวกรณ์ เตียตระกูล ลงมาแทน “เจ้าบุ๊ค” รวมถึงนาทีสุดท้ายส่ง บดินทร์ ผาลา ลงมาแทน สุภโชค สารชาติ
เอาตามจริงเวลาแค่ 4 นาที หรือนาทีเดียวมันเปลี่ยนเกมได้ยาก เหมือนส่งสำรองมาแค่เติมความสด หรือฆ่าเวลาเท่านั้น เรื่องแทคติกที่ต่างจากเดิมแทบไม่มีอะไรให้เห็นเลย
และเท่าที่ติดตามทีมชาติไทยชุดนี้มา “เจ้าเฟย” คือสำรองเบอร์ต้นๆ ที่ นิชิโนะ ใช้มาตลอด แต่แนวทางการเล่นดูไม่ชัดเจนเลย จะปีกก็ไม่ใช่ จะกลางห้องเครื่องก็ดูไม่เด่น
ตัวอื่นๆ ทั้ง บดินทร์ ก็ดี ศศลักษณ์ ก็ดี ศุภชัย ใจเด็ด รวมถึง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ดูุจะไม่ได้รับความไว้วางใจ และได้โอกาสในสนามจริงน้อยเกินไปกับ 5-6 เกมที่ผ่านมา
ยังกิน “ปาร์ค ฮัง ซอ” ไม่ลง
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าที่ เวียดนาม ยกระดับขึ้นมากอย่างมากในช่วง 3-4 ปีหลัง ต้องยกเครดิตเต็มๆ ให้กับ ปาร์ค ฮัง ซอ กุนซือฝีปากกล้าชาวเกาหลีใต้
เอาเฉพาะการคุมทีมเจอกับ “ช้างศึก” ปาร์ค ฮัง ซอ ยังไม่เคยแพ้เลย โดยผลเสมอในเกมนี้นับเป็นการเจอกันหนที่ 5 โดยก่อนหน้านี้ 4 ครั้งเฮดโค้ชจากแดนโสมขาว ชนะถึง 3 และเสมออีก 1 เกม
นอกจากนี้ เวียดนาม ยังเพิ่มสถิติในบ้านให้แกร่งกว่าเดิม นับรวมเกมนี้พวกเขาไม่แพ้ในฐานะทีมเหย้าเป็นนัดที่ 17 ติดต่อกันให้แล้ว โดยหนสุดท้ายที่แพ้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2015 ที่เสียท่าให้กับทีมชาติไทย 0-3 ยุคของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง นั่นเอง
หนึ่งแต้มที่ไม่โอเค
จากที่ตอนแรกเหมือนจะออกสตาร์ตได้ดี 3 นัดแรกเก็บไป 7 คะแนนเท่ากับ เวียดนาม ทว่า 2 เกมในเดือนพฤศจิกายน เปลี่ยนโมเมนตัมของทีมชาติไทยโดยสิ้นเชิง
การแพ้ต่อ มาเลเซีย ทำให้่ “ช้างศึก” อยู่ในสถานการณ์บีบบังคับ หากต้องการที่จะขึ้นไปเป็นจ่าฝูงร่วมจำเป็นอย่างมากที่ต้องบุกมาชนะ เวียดนาม ใหได้
ทว่าสุดท้ายผลงเสมอกับ 1 แต้มที่ได้มาดูไม่ค่อยจะโอเคเลย ยิ่ง มาเลเซีย เปิดบ้านเอาชนะ อินโดนีเซีย ด้วย ทำให้ตอนนี้ลูกทีมของ อากิระ นิชิโนะ หล่นมาอยู่อันดับ 3 ของกลุ่มแล้ว
อย่างไรก็ตามถ้าดูจากโปรแกรม ไทย ยังมีโอกาสดีอยู่ เพราะมีถึง 2 นัดที่จะได้เล่นในบ้านเจอ อินโดนีเซีย และ มาเลเซีย ที่หนักสุดคือบุกไปเยือน ยูเออี ผิดกับ เวียดนาม ที่แต้มอาจจะนำแต่ก็ยังมีของหนักที่ต้องเยือนทั้ง “เสือเหลือง” และลูกทีมของ เบิร์ต ฟาน มาไวจ์ก เหมือนกัน
ฝั่งทีมเต็งของกลุ่มอย่าง ยูเออี ก็หลังพิงฝาไม่ต่างกัน เกมในบ้านที่เจอทั้ง ไทย และ เวียดนาม ถ้าเอาคืนไม่ได้ก็จบเส้นทางสู่รอบ 12 ทีมสุดท้ายได้เลย
ดังนั้นสถานการณ์ของกลุ่มจี ใครจะเป็นแชมป์กลุ่มยังมองยาก เรียกว่าต้องลุ้นกันเหนื่อยจะหยดสุดท้ายแน่ๆ