จากตกชั้นสู่แชมป์ครั้งแรก : ถอดบทเรียนกระต่ายแก้ว

 

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เพิ่งสร้างความยิ่งใหญ่ด้วยการผงาดคว้าแชมป์ โตโยต้า ไทยลีก ซีซั่น 2020/2021 หลังเอาชนะ สุโขทัย เอฟซี ในเกมนัดล่าสุด 2 – 0 ซึ่งเป็นแชมป์สมัยแรกของพวกเขานับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร บางกอกกล๊าส เอฟซี เมื่อปี 2009

 

นี่ถือเป็นความสำเร็จที่น่าสนใจ เนื่องจากย้อนกลับไปเมื่อสองซีซั่นก่อน “เดอะ แรบบิท” เพิ่งเจอกับฝันร้ายหลังพลาดท่าตกชั้นสู่ M-150 แชมเปี้ยนชิพ ก่อนใช้เวลาแค่เพียงฤดูกาลเดียวคว้าแชมป์ไทยลีก 2 ตีตั๋วกลับขึ้นลีกสูงสุดภายใต้การทำทีมของกุนซือที่ชื่อ ดุสิต เฉลิมแสน ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ไทยลีก 1 แบบต่อเนื่อง

 

ยังมีเรื่องราวอีกหมายหมายซึ่งวันนี้ Ufaarena จะขอหยิบยกออกมานำเสนอเกี่ยวกับเส้นทางสู่ความสำเร็จของขุนพล “เดอะ บลูแมทชีน” สำหรับการก้าวขึ้นเฉลิงแชมป์ลีกสูงสุดของเมืองไทย ครั้งแรกในประวัติศาสตร์

 

แต่ตั้ง “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน คุมทีม

 

ทันทีที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ตกชั้นจากศึก โตโยต้า ไทยลีก 2018 พร้อมกับการประกาศลาออกจากตำแหน่งของเทรนเนอร์อย่าง “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด สโมสรได้ตัดสินใจแต่งตั้ง “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน เข้ามารับการกุนซือคนใหม่ในถิ่น ลีโอ สเตเดี้ยม แทนทันที

 

โดยอดีตแบ็คซ้ายทีมชาติไทย เคยผ่านการคุมทีมกับ ศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี, พีทีที ระยอง, สิงห์ท่าเรือ, พีที ประจวบ เอฟซี, ศรีสะเกษ เอฟซี รวมถึงการพา ตราด เอฟซี เลื่อนชั้นจากศึก M-150 แชมเปี้ยนชิพ ขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุดเมื่อปี 2018

 

สำหรับ ดุสิต เฉลิมแสน ถือเป็นกุนซือคนที่ 18 ของสโมสร นับตั้งแต่ก่อตั้งทีม บางกอกกล๊าส เอฟซี ในปี 2009 และเป็นผู้จัดการทีมชาวไทย คนที่ 6 เท่านั้น ต่อจาก สุรชัย จตุรภัทรพงศ์, สาธิต เบ็ญโส๊ะ, อาจหาญ ทรงงามทรัพย์, อนุรักษ์ ศรีเกิด และ อรรถพล ปุษปาคม

 

 

เก็บผู้เล่นบิ๊กเนมไปช่วยลีกรอง

 

แม้พลาดท่าตกชั้นมาเล่นยังลีกรองศึกไทยลีก 2 ทว่า “เดอะ แรบบิท” ยังสามารถรักษาผู้เล่นบิ๊กเนมให้อยู่กับทีมต่อได้ อาทิ ธนบูรณ์ เกษารัตน์,ดานิเอล การ์ซิอา โรดริเกซ, สุรชาติ สารีพิมพ์ และ เชาว์วัฒน์ วีระชาติ จะขาดแค่เพียง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กองกลางกัปตันทีมซึ่งถูกปล่อยไปอยู่กับ โออิตะ ตรินิต้า ในศึก เจ-ลีก ด้วยสัญญายืมตัว 1 ซีซั่น

 

นอกจากผู้เล่นแกนหลักเดิมของทีมแล้ว บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ยังเสริมนักเตะใหม่ระดับคุณภาพเข้ามาสู่ทีมเพิ่ม ทั้งในรายของ ฉัตรชัย บุตรพรม นายด่านทีมชาติไทย รวมถึง บาร์รอส ทาร์เดลี่ และ อิรฟาน ฟานดี้ ซึ่งนั่นทำให้ลูกทีม “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน กลายเป็นเต็งในศึก M-150 แชมเปี้ยนชิพ แบบไม่ต้องสงสัย

 

 

ใช้เวลาซีซั่นเดียวกลับขึ้นลีกสูงสุด

 

ด้วยขุมกำลังผู้เล่นที่เต็มไปด้วยนักเตะคุณภาพสูง และนำทัพโดยกุนซือซึ่งเคยผ่านประสบการณ์พาทีมเลื่อนชั้นจากไทยลีก 2 ขึ้นไทยลีก 1 มาแล้ว แน่นอนว่า “กระต่ายแก้ว” ถูกคาดหมายให้เป็นตัวเต็งเบอร์หนึ่งสำหรับการลุ้นแชมป์ M-150 แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2019

 

โดยผลงานตลอดซีซั่นดังกล่าว บีจี ปทุม ยูไนเต็ด สร้างผลงานอันน่าประทับใจด้วยการเดินหน้าไล่ถล่มคู่แข่ง และเก็บชัยชนะได้ถึง 24 นัด จากการลงสนาม 34 เกม พร้อมกับยิง 76 ประตู และเสียแค่เพียง 27 ลูก เท่านั้น

 

ท้ายที่สุด บีจี ปทุม คว้าแชมป์ไทยลีก 2 ด้วยการมี 78 แต้ม นำหน้าอันดับ 2 อย่าง โปลิศ เทโร 13 คะแนน คว้าตั๋วกลับขึ้นมาเล่นในศึก โตโยต้า ไทยลีก หลังร่วงตกชั้นแค่เพียงฤดูกาลเดียว

 

 

เสริมทัพผู้เล่นระดับซุปเปอร์สตาร์

 

นับเป็นอีกปีที่ยอดทีมแห่งปทุมธานี เรื่องเสียงฮือฮาจากแฟนบอลด้วยการเสริมทัพคว้าผู้เล่นระดับซุปเปอร์สตาร์เข้าทีมต่อเนื่อง เริ่มต้นจาก วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ แนวรับชาวบราซิล, สิโรจน์ ฉัตรทอง และ เจนรบ สำเภาดีซึ่งย้ายมาค้าแข้งยังถิ่น ลีโอ สเตเดี้ยม ตั้งแต่ช่วงก่อนเริ่มต้นซีซั่น ตามาด้วย สารัช อยู่เย็น กองกลางดีกรีทีมชาติไทย, มิตซุรุ มารูโอกะ เพลย์เมกเกอร์เลือดซามูไร อดีตเด็กปั้น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ อันเดรส ตูเญซ แนวรับระดับตำนานไทยลีก จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดยสองคนมาอยู่กับ บีจี ปทุม ช่วงตลาดนักเตะรอบพักเบรกโควิด-19

 

อย่างไรก็ตาม “เดอะ บลูแมทชีน” ไม่หยุดแค่นั้น เมื่อพวกเขาสร้างอภิมหาโปรเจ็คคว้าตัวสองสุดยอดดาวยิงแห่งศึก โตโยต้า ไทยลีก อย่าง ธีรศิลป์ แดงดา และ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ เข้ามาประสานงานเกมรุกให้กับทีมช่วงเลกสอง พร้อมด้วยอีกหนึ่งนักเตะฟอร์มแรงซึ่งมีชื่อติดทีมชาติไทย ไปแล้วอย่าง ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์

 

 

ยกระดับแนวรุกคมเกมรับแน่น

 

จากการทุ่มเงินก้อนโตคว้าผู้เล่นระดับบิ๊กเนมเข้ามาเสริมทัพ ส่งผลให้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กลายเป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งสุดของศึก โตโยต้า ไทยลีก ตลอดรอบหลาบปีที่ผ่านมาแล้วก็ว่าได้ ทุกตำแหน่งของทีมเต็มไปด้วยผู้เล่นคุณภาพสูง โดยเฉพาะแนวรับและแนวรุก

 

สามประสานแผนหลัง “เดอะ แรบบิท” อย่าง วิคเตอร์ คาร์โดโซ่, อันเดรส ตูเญซ และ อิรฟาน ฟานดี้ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น และกลายเป็นป้อมปราการสำคัญซึ่งช่วยให้สโมสรประสบความสำเร็จในซีซั่นนี้ นอกจากนั้นความยอดเยี่ยมของทั้งสามคนยังช่วยให้ บีจี ปทุม คือทีมที่เสียประตูน้อยสุดในลีก ณ เวลานี้ โดยพวกเขาโดนคู่แข่งเจาะตาข่ายไปแค่เพียง 11 ประตู

 

ส่วนแนวรุกต้องบอกเลยว่า ธีรศิลป์ แดงดา และ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ คือคู่กองหน้าในฝันสำหรับแฟนบอลไทยลีก ซึ่งคงไม่คาดคิดว่าท้ายที่สุดแล้วสองสุดยอดดาวยิงของลีกจะได้โคจรมาจับคู่กันที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด การมาของทั้งสองคนช่วยยกระดับเกมรุกลูกทีม “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ขึ้นอีกขั้น โดยตลอดซีซั่นที่ผ่านมา บีจี ยิงประตูคู่แข่งไปแล้ว 49 ลูก จากการลงสนาม 24 นัด

 

 

เจอทีมใหญ่ไม่พลาด

 

จุดอ่อนซึ่งทำให้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด พลาดท่าไปไม่ถึงฝั่งฝันตลอดหลายซีซั่นที่ผ่านมา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่พวกเขามักทำผลงานน่าผิดยามลงสนามพบกับบรรดาทีมใหญ่ด้วยกัน โดยเฉพาะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คู่ปรับเจ้าประจำ

 

อย่างไรก็ตามฤดูกาล 2020/2021 กลับเปลี่ยนไป เมื่อทัพ “กระต่ายแก้ว” ของ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ยกระดับกลายเป็นหนึ่งในสโมสรแข็งแกร่งสุดของเมืองไทย ณ เวลานี้ พวกเขาโชว์ฟอร์มยามเจอทีมใหญ่ด้วยกันได้อย่างยอดเยี่ยม โดยหลังลงสนามไปแล้ว 7 เกม จากการเจอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด, ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ เอฟซี พวกเขาชนะ 6 นัด เสมอ 1 นัด ยังไม่แพ้เลยแม้แต่แมตช์เดียว

 

 

ผงาดคว้าแชมป์ลีกสมัยแรก

 

หลังเดินหน้าฝ่าฟันอุปสรรคมาตลอดทั้งซีซั่น และแล้วเมื่อสิ้นเสียงนกหวีดเกมล่าสุดซึ่ง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เปิดรังเหย้า ลีโอ สเตเดี้ยม เอาชนะ สุโขทัย เอฟซี 2 – 0 นั่นส่งผลให้ “เดอะ บลูแมทชีน” ผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองไทย สมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสรทันที หลังรอมานานกว่า 12 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งทีม บางกอกกล๊าส เอฟซี เมื่อปี 2009

 

นี่ถือเป็นแชมป์ที่ยิ่งใหญ่สุดของ “เดอะ แรบบิท” หลังก่อนหน้าพวกเขาเคยซิวแชมป์ฟุตบอลถ้วย มูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ ปี 2014 มาแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าการคว้าแชมป์ของ บีจี ปทุม ในฤดูนี้ อาจเป็นต้นทางความสำเร็จอีกมากมายของสโมสรในอนาคตข้างหน้า

 

 

ลุ้นแชมป์ไร้พ่ายสโมสรที่ 3

 

แม้การรอคอยแชมป์ โตโยต้า ไทยลีก สมัยแรกของสโมสรได้จบลงไปแล้ว ทว่ายังมีอีกหนึ่งสถิติสำคัญที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ยังคงตั้งเป้าทำมันให้สำเร็จ นั่นก็คือการกลายเป็นทีมที่ 3 ของเมืองไทย ซึ่งคว้าแชมป์ด้วยการไม่แพ้ใครเลยตลอดทั้งฤดูกาล

 

เวลานี้ บีจี ปทุม เหลือโปรแกรมลงสนามเกมไทยลีก อีกทั้งหมด 6 นัด ซึ่งมีเกมสำคัญที่ต้องพบกับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด, ชลบุรี เอฟซี และ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และหากพวกเขาผ่านทั้ง 3 แมตช์ ไปได้ โอกาสจบซีซั่นแบบไร้พ่ายคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

 

โดยที่ผ่านมีอยู่แค่สองสโมสรเท่านั้นซึ่งสามารถคว้าแชมป์แบบไร้พ่าน นั้นก็คือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาล 2012 ต่อด้วย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ทำได้ในปีซีซั่น 2013